เทคนิคตีนโต
ลุยทางโขดหิน ระวังช่วงล่างพัง
ทางที่เต็มไปด้วยโขดหินเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางครอสส์คันทรีที่นักแข่งหลายๆ คนกระหายหิวอยากจะกระโดดเข้าไปลิ้มลอง อย่าว่าแต่เป็นการขับรถข้ามเส้นทางเลย เพียงแค่คุณเดินเท้าผ่านไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยโขดหินก็ยากพออยู่แล้ว นี่เป็นการขับรถข้ามยิ่งเป็นการยากลำบากเข้าไปใหญ่เพราะโขดหินมีสภาพเล็กใหญ่แตกต่างกันไปและมีความแข็งมากๆ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นอย่างมากที่ช่วงล่างของรถเราจะวิ่งไปกระแทกจนเกิดความเสียหายขั้นรุนแรง ดังนั้นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากในการขับข้ามทางที่เป็นโขดหินก็คือ ต้องขับด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก และประเด็นสำคัญที่ควรจำใส่ใจไว้ให้มากๆ ก็คือ ห้ามขับคร่อมโขดหินเป็นอันขาด
ช่วงล่างอิสระระวังให้มาก
ความแตกต่างของช่วงล่างรถขับเคลื่อนสี่ล้อแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ ช่วงล่างแบบคานแข็ง กับช่วงล่างแบบอิสระ ในรถที่ใช้ช่วงล่างแบบคานแข็งนั้นแม้ว่าตัวรถมีระยะยืด-ยุบของช่วงล่างมากเป็นพิเศษ แต่ค่าความสูงที่จุดต่ำสุดของช่วงล่างคือ ท้องล่างของดิฟเฟอเรนเชียลก็ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนรถที่ใช้ช่วงล่างแบบอิสระนั้น จะมีค่าความสูงที่จุดต่ำสุดของช่วงล่างคือ ท้องล่างของดิฟเฟอเรนเชียลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ในการขับรถที่ใช้ช่วงล่างแบบอิสระต้องระวังเป็นอย่างมากเมื่อต้องขับเข้าไปในเส้นทางที่เต็มไปด้วยโขดหิน เนื่องจากระยะต่ำสุดของท้องล่างดิฟเฟอเรนเชียลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั้น อาจไปทำให้เกิดการกระแทกกับโขดหินจนทำให้ดิฟเฟอเรนเชียลหรือชิ้นส่วนช่วงล่างอื่นเสียหายได้
เจอหินใหญ่ให้วิ่งข้าม
การนำรถวิ่งเข้าไปในเส้นทางที่เต็มไปด้วยโขดหิน แล้วโชคร้ายสุดๆ ที่ช่วงล่างของรถคุณเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงกับโขดหินจนไม่สามารถนำรถวิ่งต่อไปได้ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับคุณ เมื่อเจอหินใหญ่อยู่ข้างหน้ารถ ให้วิ่งข้ามไป
อาศัยสัญญาณมือ
จากตำแหน่งคนขับบางครั้งแทบจะไม่สามารถวิเคราะห์เส้นทางข้างหน้ารถของเราได้เลยความเสียหายอันเกิดจากการชนหรือกระแทกนั้นค่อนข้างจะมีมาก เพื่อไม่ให้ความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวคุณและรถของคุณ แนะนำให้พึ่งพาผู้ร่วมเดินทางไปกับคุณ ช่วยเป็นเนวิเกเตอร์ให้โดยการโบกให้สัญญาณมือทางด้านหน้ารถของคุณ เพื่อให้คุณขับไปตามเส้นทางที่มีความปลอดภัยมากที่สุด
ลดแรงดันลมยางให้ต่ำ
การลดแรงดันลมยางให้น้อยกว่าปกติจะช่วยให้หน้ายางมีพื้นผิวสัมผัสมากขึ้น และไต่คลานไปบนพื้นผิวของโขดหินได้อย่างนุ่มนวลขึ้น การควบคุมจังหวะของคันเร่งให้มีความคงที่มากที่สุดในช่วงของเกียร์โลว์เรนจ์ จะช่วยให้การเคลื่อนที่ของรถเป็นไปด้วยความนุ่มนวลไร้ซึ่งแรงกระแทกที่จะนำมาซึ่งความเสียหายตามมาได้
การนำรถไปวิ่งบนเส้นทางที่เป็นโขดหินนั้น ก่อนอื่นต้องมีการวิเคราะห์เส้นทางที่จะนำรถวิ่งเข้าไปเสียก่อนว่ามันมีสภาพเส้นทางเป็นเช่นไร แล้วเราจะเลือกไลน์วิ่งแบบไหนให้มีการเข้าและออกจากเส้นทางได้อย่างปลอดภัย บางครั้งแม้ว่าจะมีการเลือกไลน์วิ่งเป็นอย่างดีแล้ว แต่ในการวิ่งเข้าไปในเส้นทางจริงก็ควรที่จะมีคนคอยบอกทางหรือเนวิเกเตอร์ คอยบอกเส้นทางผ่านทางสัญญาณมือให้ด้วย
เมื่อมีการวิเคราะห์เส้นทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการเตรียมตัวรถโดยการผ่อนแรงดันลมยางให้น้อยลงกว่าปกติ เพื่อการยึดเกาะของหน้ายางเมื่อต้องวิ่งผ่านไปบนเส้นทางที่เป็นโขดหินมีความนุ่มนวลขึ้น มีการยึดจับของพื้นผิวของหน้ายางไปบนโขดหินอย่างเต็มที่ แรงดันลมยางที่ผ่อนลงแล้วนั้นไม่ควรจะผ่อนมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้แรงดันภายในยางมีไม่มากพอที่จะเบ่งขอบยางให้เบียดกับขอบกระทะได้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้ยางหลุดออกจากกระทะล้อได้ และขอให้จำไว้ว่ายางที่มีแรงดันอยู่ภายในน้อยจนเกินไป จะทำให้โครงสร้างของยางมีการบิดตัวไปมาตลอดเวลา จนเกิดความร้อนสะสมอยู่ในตัวยางสูงมาก จนเป็นเหตุให้ยางเกิดการระเบิดตามมาได้ การเคลื่อนที่ไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยโขดหินในขณะที่มีแรงดันลมยางอยู่ในตัวยางน้อยนั้น ควรเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ โดยการอาศัยการควบคุมคันเร่งในช่วงโลว์เรนจ์อย่างนุ่มนวลและช้าๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขอให้จำไว้ว่าเมื่อผ่านเส้นทางที่เป็นโขดหินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะนำรถกลับมาวิ่งบนทางเรียบดังเดิม ควรจะมีการเติมลมยางให้มีแรงดันเหมือนเดิมเสียก่อน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำให้โครงสร้างของยางเสียหาย หรืออาจรุนแรงถึงขั้นยางระเบิดตามมาได้
การขับคร่อมโขดหินทำได้กับโขดหินขนาดเล็กๆ เท่านั้น หากเป็นโขดหินที่มีขนาดใหญ่มากการขับคร่อมอาจทำให้เสื้อดิฟเฟอเรนเชียลตีกระแทกเข้ากับโขดหินจนเกิดความเสียหาย หรืออาจทำให้ชิ้นส่วนช่วงล่างเสียหายตามมาได้ แม้ว่าจะเป็นโขดหินขนาดเล็กๆ ก็ไม่ควรจะประมาท ด้วยการเคลื่อนที่ของรถที่มีแรงส่งของคันเร่งมากๆ การหล่นกระแทกลงมาของหน้ายางที่รุนแรง อาจทำให้เกิดการตีกระแทกของช่วงล่างกับโขดหินอย่างแรงได้เช่นกัน ไม่ควรจะประมาทหรือมองข้ามจุดนี้ไป
หลีกเลี่ยงการขับคร่อมโขดหินขนาดใหญ่ โดยการขับข้ามเส้นทางไปอย่างช้าๆ และนุ่มนวลในขณะที่ลดแรงดันลมยางลง จะช่วยให้การขับข้ามเส้นทางผ่านไปได้ด้วยดี สำหรับรถที่ใช้ช่วงล่างแบบคานแข็งจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าเมื่อต้องเผชิญกับเส้นทางข้างหน้าที่เต็มไปด้วยโขดหิน
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : เทคนิคตีนโต
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57050