X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
ชีวิตอิสระ(4wheels)
1 Aug 2005
สะพานมอญ...
"สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาวถึง 850 เมตร มิใช่สร้างขึ้นมาเพื่ออวดตัวเองถึงความยิ่งใหญ่ หากแต่ต้องการเชื่อมสายใยวัฒนธรรมของผู้คนสองฝั่งลำน้ำเข้าไว้ด้วยกัน" แม้จะได้ยินคำบอกเล่าของนักเดินทางหลายต่อหลายคน เกี่ยวกับสะพานมอญมานานแต่ผมเพิ่งมีโอกาสไปเยือนสังขละบุรีเป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ ถึงแม้ผมและคณะจะมาในช่วงที่อากาศค่อนข้างร้อนไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินทางมา ระดับน้ำที่ลดลงทำให้ผมได้เห็นโครงสร้างสะพานไม้ขนาดใหญ่ ที่ทอดยาวข้ามสองฝั่งลำน้ำเขื่อนเขาแหลม ทำให้ "สะพานมอญ" ยังคงความมีเสน่ห์อย่างไม่รู้คลาย ชาวไทย-มอญที่เดินกลับบ้านเป็นระยะๆ หลังเสร็จสิ้นภารกิจประจำวัน ก่อนที่แสงสว่างสุดท้าย จะลับพ้นขอบฟ้า วันนั้นเราได้อ้อยอิ่ง ซึมซับกับทัศนียภาพของสามลำน้ำที่มาประสบกันจากมุมมองอันสวยงามของสะพานมอญ ที่สร้างขึ้นโดยแรงศรัทธาของชาวบ้านริมสองฝั่งลำน้ำ ที่มีต่อ หลวงพ่ออุตตมะ อันเปรียบเสมือนจุดรวมจิตใจของชาวสังขละบุรี แสงทองที่ทาทับขอบฟ้าอันมาบรรจบกับขอบเวิ้งน้ำ ค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อยพร้อมระลอกคลื่นเล็กๆ ที่ถูกพัดพากระเพื่อมมาจากเรือหางยาว สะท้อนเรื่องราววิถีชีวิตของคนแถบนี้ได้เป็นอย่างดี เราเดินข้ามสะพานไม้สู่หมู่บ้านมอญ หรือชุมชนมอญ เพื่อที่จะไปชม "วัดวังก์วิเวการาม" ซึ่งมีโบสถ์ที่สวยงามศิลปะผสมแบบมอญ มีพระพุทธรูปซึ่งทำด้วยหยกสีขาวจากประเทศพม่าตั้งตระหง่านสวยงาม สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เสาโบสถ์ทำด้วยไม้ประดู่ ประมาณ 2 คนโอบหลายสิบต้น นอกจากนี้บริเวณวัดวังก์วิเวการาม ยังมี "เจดีย์พุทธคยา" จำลองมาจากประเทศอินเดีย ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวาของพระพุทธเจ้า ให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวขึ้นไปนมัสการ จากนั้นเราล่องเรือสู่เมืองบาดาล วัดใต้น้ำ ซึ่งเดิมเป็นวัดวังก์วิเวกการาม (วัดเก่า) หลวงพ่ออุตตมะเคยจำพรรษาและเป็นผู้ก่อสร้างขึ้น อยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือ เขื่อนเขาแหลม ปัจจุบันถูกขนานนามว่า "วิหารแห่งเมืองใต้บาดาล" และถูกรวบรวมไว้ใน UNSEEN THAILAND ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวสถานที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ทำให้ชุมชนแถบนี้มีรายได้ในส่วนของการให้บริการเรือท่องเที่ยวและแพท่องเที่ยว นอกเหนือจากการทำประมงในลุ่มน้ำแห่งนี้ วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) ก่อสร้างขึ้นในปี 2499 ต่อมาเมื่อปี 2506 รัฐมีโครงการสร้างเขื่อนเขาแหลมขึ้น จึงได้เข้าพบหลวงพ่ออุตตมะ เพื่อขออนุญาตย้ายวัดขึ้นมาข้างบน โดยทางการจะสร้างวัดให้ใหม่ แล้วขนย้ายพระพุทธรูปหยกขาวซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวสังขละนับถือ และพระพุทธรูปทุกองค์ในโบสถ์พร้อมเสาทุกต้น สิ่งของที่มีค่าต่างๆ นำมาไว้ที่ในโบสถ์ที่ก่อสร้างใหม่ วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) จึงเหลือเพียงโครงสร้างของโบสถ์เก่า กุฏิ และหอระฆัง ที่สร้างด้วยปูนซีเมนต์ เมื่อถึงช่วงฤดูฝน อ่างเก็บน้ำจะมีปริมาณมาก นักท่องเที่ยวไม่สามารถมองเห็นเนื่องจากน้ำท่วมหมด ถึงแม้เราจะมาในช่วงฤดูร้อน ระดับน้ำลดลงจนสามารถมองเห็นโบสถ์หอระฆังมีร่องรอยการกัดเซาะของน้ำ และการอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ แต่ทัศนียภาพที่แตกต่างกันไปก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังแต่อย่างใด และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ที่ตั้งของวัดใต้น้ำนั้นอยู่ตรงจุดที่ลำน้ำทั้งสามสายมาประสบกัน ได้แก่ ซองกาเลีย บีคลี่ และรันตี ก่อนที่จะไหลสู่เขื่อนเขาแหลม ระหว่างที่ล่องเรือกลับที่พัก เราเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเย็นสองฝั่งลำน้ำมองเห็นยอดสีทองขององค์พระธาตุพุทธคยา ที่พ้นผ่านยอดไม้กระทบกับแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ สะพานไม้ที่ตั้งตระหง่านทอดเงาลงสู่ผิวน้ำ เป็นภาพแห่งความทรงจำที่คนต่างถิ่นอย่างเราไม่มีวันลืม กาแฟโบราณหอมกรุ่นและปาท่องโก๋ร้อนๆ ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้า มีชาวบ้านเดินขวักไขว่ ผสมกับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมสะพานไม้แห่งนี้ ดูครึกครื้นยิ่งนัก ถึงแม้กระแสความทันสมัยจากเมืองหลวงจะเข้ามาแทรกซึมความเป็นวิถีดั้งเดิมของที่นี่บ้าง แต่ที่นี่ก็ยังคงมีมนต์ขลังและมีแรงดึงดูดให้ใครหลายๆ คน อยากมาสัมผัสอีกครั้ง
อ่านต่อ
เรื่องโดย : ถาวร พรมพิทักษ์
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/57034
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
ชีวิตอิสระ(4wheels)
ชีวิตอิสระ(4wheels)
22 Mar 2024
เที่ยว ตราด ไม่ข้ามเกาะ กับที่เที่ยวลับๆ ติดทะเลตราด
ชีวิตอิสระ(4wheels)
20 Feb 2024
สะบายดี ลาวใต้ (ตอนจบ) 3 น้ำตก เป็นที่สุดในจำปาสัก
ชีวิตอิสระ(4wheels)
18 Jan 2024
สะบายดี ลาวใต้ (ตอน 2) มหานที สี่พันดอน
ชีวิตอิสระ(4wheels)
22 Dec 2023
สะบายดี ลาวใต้ (ตอน 1) ปราสาทวัดพู มรดกโลกแห่งจำปาสัก
ชีวิตอิสระ(4wheels)
22 Oct 2023
พบพระ ไปแม่สอด กับแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN 2023
ดูต่อในคอลัมน์ ชีวิตอิสระ(4wheels)