คนที่รักรถ คงไม่อยากให้ใครนำอะไรมารับประทานในรถ เพราะหากหกเลอะเทอะแล้ว จะพาลหงุดหงิด เสียอารมณ์เปล่าๆ “DIY...คุณทำเองได้” ฉบับนี้ ขอเสนอวิธีทำความสะอาดภายในรถง่ายๆ ด้วยเครื่องมือทำความสะอาด
ชีวิตคนเมืองสมัยนี้ มีแต่ความเร่งรีบ เวลาก็มีน้อย เลยทำให้น้อยคนนักที่จะสนใจดูแลความสะอาดภายในรถ ยิ่งถ้ามีลูกเล็กๆ ด้วยแล้ว ไหนจะนม น้ำ ขนม ข้าว ฉี่ อ้วก หรือแม้กระทั่งฝุ่น โอกาสทำความสะอาดภายในรถแทบไม่มี ซ้ำร้ายอากาศภายในรถยังหมุนวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้บริเวณเบาะ และพรมในรถ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และเชื้อราได้ง่ายที่สุด แถมยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกด้วย ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจต่างๆ วิธีง่ายที่สุดในการหลีกเลี่ยงเชื้อโรคเหล่านี้ คือ การรักษาความสะอาดภายในรถอยู่เสมอ
มีงานวิจัยเกี่ยวกับเชื้อโรคที่มาจากฝุ่นละอองในรถยนต์ ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดภายในเลยเป็นเวลานานหลายปี พบว่าฝุ่นละอองเหล่านี้ จะแฝงตัวตามเบาะนั่ง พนักพิง และพรมตามพื้น โดยการสำรวจเชื้อโรคที่พบจากการนำเอาจุลินทรีย์ไปเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการ เป็นเชื้อแบคทีเรีย 18 ชนิด เชื้อรา และอื่นๆ อีก 20 ชนิด ทั้งนี้ เชื้อแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดอันตราย ทำให้มีอาการของโรคต่างๆ เช่น
1. คริพโทคอคโคซิส นีโอฟอร์แมนส์ (CRYPTOCOCCOSIS NEOFORMANS) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะค่อยๆ สะสม ก่อให้เกิดโรคปอด หากเข้าสู่กระแสโลหิต จะมีผลต่ออวัยวะในส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย เช่น ระบบประสาท กระดูก และข้อ รวมถึงบริเวณผิวหนัง และเยื่อบุด้วย
2. อัลคาลิจีนส์ เอสพี (ALCALIGENES SP) เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อในเลือด ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ และระบบทางเดินปัสสาวะ
3. อีโคไล (E. COLI) ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ไส้ติ่งอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ แผลติดเชื้อ และโลหิตติดเชื้อ หากเป็นเชื้อซูโดโมนัส เอรูจิโนซา (PSEUDOMONAS AERUGINOSA) เป็นเชื้อประเภทฉวยโอกาสที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะเช่นกัน โลหิตเป็นพิษ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบ หนองฝีต่างๆ และโรคตาอักเสบ เป็นต้น
1. เครื่องทำความสะอาดพรม
2. เครื่องดูดฝุ่น
3. ขวดฉีดละอองน้ำใส่น้ำเปล่า
4. แปรงสีฟัน
5. น้ำยาทำความสะอาด
6. ผ้าสะอาด
1. นำเครื่องดูดฝุ่น ทำความสะอาดเบาะเบื้องต้นก่อน
2. ฉีดละอองน้ำลงบนเบาะให้หมาดๆ
3. นำเครื่องทำความสะอาดพรมออกมาติดตั้งให้เรียบร้อย
4. ใช้ปลายหัวดูด ดูดคราบน้ำสกปรกออกให้หมด
5. หากคราบยังไม่ออก ให้ฉีดน้ำยาทำความสะอาดเพิ่มเข้าไป
6. นำแปรงสีฟันขัดออกเบาๆ โดยให้เน้นขัดตรงคราบฝังแน่น
7. ใช้เครื่องทำความสะอาดดูดน้ำออกอีกครั้ง แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดให้แห้ง
8. นำรถไปผึ่งกลางแดดประมาณ 30 นาที เป็นอันเสร็จ
บทความแนะนำ