“ชีวิตอิสระ” ขอพาแฟนๆ สายบุญ ไปกราบไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ 4 แห่ง ในอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ว่ากันว่า ใครได้สักการะพระธาตุครบทั้ง 4 จอม จะเป็นผู้ประเสริฐไปด้วยภูมิปัญญา แต่ก่อนไป ขอแวะผ่อนคลายกันสักนิด
ก่อนถึง อ. แม่สะเรียง บนถนนหมายเลข 108 หากเลี้ยวขวาเข้าไปอีกสัก 10 กม. จะพบกับ “น้ำพุร้อนแม่อูมลอง” สถานที่แวะพักคลายเมื่อยล้า จุดหมายแรกของเรา
น้ำพุร้อนแม่อุมลอง ตั้งอยู่ในเขตสวนป่าสาละวิน ใน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ห่างจากตัว อ แม่สะเรียง ประมาณ 23.5 กม. ภายในมีทัศนียภาพที่สวยงาม สามารถมองเห็นลำน้ำแม่สะเรียงได้ชัดเจน ด้านบนสุดมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ที่มีอุณหภูมิประมาณ 76 องศาเซลเซส ไม่มีกลิ่นกำมะถัน เราสามารถนำไข่ไก่ไปต้มได้ (สามารถซื้อได้ที่จุดบริการ)
นอกจากนี้ยังมีบริการบ่อแช่เท้าที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง และห้องแช่น้ำร่อนแบบรวม ที่สามารถจุคนได้ 5-6 คน คอยให้บริการ โดยคิดค่าบริการคนละ 50 บาท
บริเวณน้ำพุร้อนแม่อุมลองนี้ ยังให้บริการบ้านพักทรง A FRAME ถึง 7 หลัง เป็นห้องเดี่ยวเตียงใหญ่ พักได้ 2-3 คน ที่มาพร้อมบ่อแช่ร้อนแบบส่วนตัว ในราคาเพียงหลังละ 500 บาท เท่านั้น
แม่สะเรียง เป็นชื่ออำเภอหนึ่งใน 7 อำเภอ ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากอำเภอเมือง อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ การคมนาคมสะดวก ในอดีตเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของอาณาจักรล้านนา ชื่อว่า “เมืองยวม” และมีบุคคลสำคัญหลายคนเข้าไปมีบทบาทในอาณาจักรล้านนาจนได้เป็นมหาราช ทำให้พระพุทธศาสนาในเมืองยวม มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เป็นที่มาของพระธาตุ 4 จอมอันศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ วัดพระธาตุจอมแจ้ง วัดพระธาตุจอมทอง วัดพระธาตุจอมกิตติ และวัดพระธาตุจอมมอญ ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูเขาทั้ง 4 ทิศของเมือง นับเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่คอยปกป้องเมืองยวม หรือแม่สะเรียง
ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดชาวเมืองยวม และได้พยากรณ์ถึงจอมดอยทั้ง 4 แห่งไว้ว่า “หากพระธาตุ 4 จอมเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเมื่อใด ชาวเมืองยวม และพระพุทธศาสนาจะมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นที่สุด และจะอยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า” สมัยนั้นชาวเมืองยวม ประกอบไปด้วย ชนเผ่าลัวะ (ละว้า) ยาง (กะเหรี่ยง) ชาวพม่าไทยใหญ่ (เงี้ยว) และมอญ (เม็ง) ซึ่งต่างก็นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จึงตกลงกันว่าจะร่วมกันสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นทั้ง 4 มุมของเมืองยวม โดยปรึกษาหารือให้ชาวมอญสร้าง “พระธาตุจอมมอญ” ชาวพม่าสร้าง “พระธาตุจอมกิตติ” ชาวไทยใหญ่สร้าง “พระธาตุจอมทอง” และชาวยางสร้าง “พระธาตุจอมแจ้ง” และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพม่าสมัยนั้น มาบรรจุไว้ในพระเจดีย์ทั้ง 4 จอมอีกด้วย พร้อมปรากฏเหตุอัศจรรย์ คือ มีแสงจากพระธาตุต่างๆ เสด็จลอยไปมาหาสู่ระหว่างกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะคืนวันพระ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ปัจจุบันพระธาตุ 4 จอมได้ถูกบูรณะเป็นอย่างดี จึงส่งผลตามคำทำนายให้แม่สะเรียงเจริญรุ่งเรืองกว่าแต่ก่อนมาก เป็นรองแค่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ดังนั้น “พระธาตุ 4 จอม” จึงเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมือง
แม่สะเรียง สมดังคำขวัญประจำอำเภอว่า “ผ้าทอกะเหรี่ยง เสนาะเสียงสาละวิน งามถิ่นธรรมชาติ พระธาตุ 4 จอม ดอกไม้หอมเอื้องแซะ แวะบูชารอยพระหัตถ์ พระบาทเมืองยวม”
การกราบไหว้พระธาตุทั้ง 4 จอม แนะนำให้มาช่วงบ่ายแก่ๆ ประมาณ 16.00 น. จะดีที่สุด เนื่องจากอากาศไม่ร้อน และแสงแดดเริ่มอ่อน จึงถ่ายรูปได้สวย ถ้าเป็นไปตามแผน เราจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินที่วัดสุดท้ายได้พอดี โดยต้องเรียงตามลำดับดังนี้ เริ่มต้นจากวัดพระธาตุจอมแจ้ง วัดพระธาตุจอมมอญ วัดพระธาตุจอมกิตติ และปิดท้ายด้วยวัดพระธาตุจอมทอง
“วัดพระธาตุจอมแจ้ง” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแม่สะเรียง เป็นวัดที่อยู่ใกล้เมืองที่สุด ติดกับทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-แม่สะเรียง) เมื่อเข้ามาภายในวัด จะเห็นซุ้มประตูไม้ขนาดใหญ่ เป็นศิลปะล้านนาที่สวยงาม เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปจะมีบันไดนาคนำทาง ด้านบนเราจะเห็นโบสถ์ขนาดใหญ่สีเหลืองทองสวยงาม ภายในมีพระพุทธรูปศิลปะล้านนาแบบผสมผสานให้กราบไหว้ ด้านหลังมีพระธาตุจอมแจ้งประดิษฐานอยู่ 2 องค์ บริเวณรอบๆ วัดมีจุดชมวิวอยู่หลายมุม ถ้ามองไปทางด้านทิศตะวันออกจะเห็นท้องทุ่งนา และบ้านเรือนของชาวบ้าน แต่ถ้ามองทางทิศตะวันตกจะเห็นพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง ที่งดงาม และไม่เหมือนใคร
“วัดพระธาตุจอมมอญ” ตั้งอยู่ตำบลบ้านกาด ทางทิศตะวันตกของเมือง เป็นปูชนียสถานที่เก่าแก่ ถือว่าเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพกราบไหว้ แม้ชื่อวัดจะลงท้ายด้วย “มอญ” แต่ศิลปะที่เห็นกลับไม่ปรากฏว่าเป็นศิลปะมอญเลย จะเป็นจีนผสมล้านนา และพม่า เสียส่วนใหญ่ คงเป็นเพราะการบูรณะวัดในสมัยพระอาจารย์สวัสดิ์ ที่ส่วนใหญ่เป็นญาติโยมคนไทยเชื้อสายจีน จึงทำให้สิ่งปลูกสร้างได้รับอิทธิพลศิลปะจีน เช่น วิหารพระอวโลกิเตศวร พระสังกัจจายน์ และผสมด้วยศิลปะล้านนา เช่น พระอุโบสถ หอพระไตรปิฎก
“วัดพระธาตุจอมกิตติ” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ห่างจากตัวแม่สะเรียง 2 กม. ในเส้นทางสายแม่สะเรียง-แม่สามแลบ เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ 80 ไร่ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายในสถูปเจดีย์แบบล้านนา ชาวบ้านที่นี่เลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก นอกจากความศักดิ์สิทธิ์เมื่อได้มาขอพรแล้ว ยังสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแม่สะเรียงได้ทั้งเมืองจากจุดนี้
วัดสุดท้าย คือ “วัดพระธาตุจอมทอง” ที่ให้มาเป็นวัดสุดท้ายเนื่องจากช่วงเย็นมีวิวทิวทัศน์ของท้องทุ่งนาที่สวยงาม และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามที่สุดในแม่สะเรียง วัดนี้เป็นวัดพระธาตุคู่บ้านคู่เมือง มีจุดเด่นที่พระพุทธรูปหลวงพ่อโต พระพุทธมณี มิ่งมงคล ก่ออิฐถือปูนสูง 15 ม. หน้าตักกว้าง 19 ม. ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาอย่างสง่างาม ถือเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่สร้างถูกต้องตามพุทธลักษณะ 32 ประการของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ ยังมีพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ และโบสถ์สไตล์ล้านนาให้กราบไหว้อีกด้วย
มาแม่สะเรียงทั้งที ผมขอแนะนำร้านเก่าแก่ที่ชื่อ “อินทิรา” กันสักหน่อย ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานาน ฝีมือ และคุณภาพเชื่อถือได้ เพราะเจ้าของร้านลงมือทำด้วยตัวเอง ผมสั่งต้มยำปลากรอบ, ผัดเผ็ดหมูป่า เนื้อผัดน้ำมันหอย และปลาทับทิมราดพริก รสชาติดีสมคำเล่าลือ
ที่แม่สะเรียงมีที่พักมากมาย แต่ผมเลือก “THE GOOD VIEW” ซึ่งเป็นที่พักสไตล์บ้านไม้เก่า 2 ชั้น ติดริมน้ำยวม ที่นอกจากจะอยู่ติดถนนในเมืองแล้ว ด้านหลังยังมีวิวที่สวยงามติดริมท้องทุ่ง ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปในมุมไหนก็สวย ที่พักทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 400 บาทเท่านั้น
บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อยานพาหนะในการเดินทาง