พิเศษ
แบกเป้...เที่ยวป่าหน้าฝน
หน้าฝนเมื่อไรมีแต่ความชุ่มชื้นเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ซึ่งหน้าฝนนี้ละครับ ที่มีสถานที่สวยๆ งามๆ ให้ชมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ป่าเขาลำเนาไพรที่เขียวขจี ต้นไม้ ใบหญ้า ผลิดอกออกใบ อวดความสวยงามของตนเอง ซึ่งจะมีให้เห็นในช่วงหน้าฝนเท่านั้น ผืนป่าสวยงามที่น่าเที่ยวชมในเมืองไทยนั้นมีหลายแห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ ต่างก็มีจุดโดดเด่นและมีความน่าสนใจแตกต่างไปป่าน่าเที่ยวที่จะแนะนำต่อไปนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ป่าทุ่งใหญ่ หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า "ทุ่งใหญ่นเรศวร" เป็นป่าที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ครอบคลุมพื้นที่จากเขต อ. สังขละบุรี จ. กาญจนบุรี ถึงเขต อ. อุ้มผาง จ. ตาก รวมเนื้อที่ป่าประมาณ 3,200 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,100,000 ไร่ ทุ่งใหญ่นเรศวรมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีลำห้วยและหนองน้ำใหญ่น้อยมากมายหลายแห่ง เช่น ห้วยซ่งไท้ ดงวี ขาแข้ง ตะเลอะเซอะ หนองคง และเซซาโว่ ทั้งหมดเป็นแหล่งของต้นน้ำลำธารหลายสายที่ไหลมารวมกันเป็นแควน้อยและแควใหญ่
บริเวณพื้นที่ป่าบางตอนจะเป็นทุ่งหญ้ามีอาณาบริเวณกว้าง บางแห่งเป็นหลุมดินโป่งที่บรรดาสัตว์ป่ามาชุมนุมกัน ในบางที่เป็นป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ด้วยไม้ป่านานาชนิด พื้นที่ส่วนที่อยู่สูงสุดจะอยู่เหนือระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 2,400-4,000 ฟุต ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีพื้นที่กว้างขวางมาก ดังนั้นพื้นที่แต่ละตอนจะมีลักษณะหลากหลาย ป่าที่อยู่ในพื้นที่ราบตามเนินเขา จะมีลักษณะเป็นป่าทุ่งหญ้ามีต้นไม้ตระกูลปาล์ม เช่น ต้นแป้ง ขึ้นอยู่ทั่วไป ต้นแป้งเป็นต้นไม้ที่ออกลูกเป็นพวง มีรสคล้ายผลอินทผลัม นอกจากนี้ยังมีต้นปรง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีขนาดสูงใหญ่ มีอายุไม่ต่ำกว่า 300 ปี
ส่วนตามพื้นทุ่งหญ้าก็จะมีต้นกระเจียวที่ออกดอกสีแดงและสีชมพูสดขึ้นแซมอยู่เต็มท้องทุ่ง มองเห็นฉากหลังคือ เทือกเขาตะนาวศรี อยู่ลิบๆ จากป่าทุ่งหญ้าเข้าสู่บริเวณป่าโปร่ง หรือที่เรียกว่า ป่าผลัดใบ มีไม้เนื้อแข็งจำพวกไม้เต็ง ไม้รัง และไม้แดงขึ้นอยู่ทั่วไป ไม้เหล่านี้จะผลัดใบในช่วงฤดูแล้งซึ่งอากาศร้อน แต่พอเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนต้นไม้ก็จะแตกใบอ่อนมีสีแดงไปทั้งป่า รวมทั้งไม้ผลประเภทมะกอกป่า มะขามป้อมขึ้นแทรกแซมอยู่ทั่วไป บางพื้นที่ของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจะมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นเป็นป่าทึบที่ให้ความเขียวชอุ่มตลอดปี มีความชุ่มชื้นค่อนข้างสูง มีไม้เล็กประเภทต้นไผ่ ต้นหวายขึ้นแซมอยู่ทั่วไปซึ่งเป็นลักษณะของป่าดงดิบ ในบางพื้นที่ของป่าจะมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ป่าเช่นนี้มีลักษณะของป่าเมืองหนาว จึงมีต้นไม้ตระกูลเดียวกันกับที่ขึ้นอยู่ตามเมืองหนาวคือ พันธุ์ "ตระกูลก่อ" ขึ้นอยู่ทั่วไป เช่น ก่อหลวง ก่อดง เป็นต้น
ข้อมูลการเดินทางและที่พัก
ชายเขตของทุ่งใหญ่นเรศวรจะเริ่มใกล้ๆ กับห้วยซ่งไท้ อันเป็นแคมพ์ที่พักเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จากซ่งไท้ไปอีกราว 25 กม. จะถึงห้วยดงวี และต่อไปอีกราว 30 กม. ก็จะถึงริมห้วยเซซาโว่ ซึ่งเป็นจุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่ ก่อนถึงห้วยเซซาโว่จะผ่านห้วยตะเลอะเซอะ ซึ่งมักมีสัตว์ป่าทั้งกระทิง กวาง เสือ ช้าง ฯลฯ ลงไปกินโป่งเป็นประจำ ถัดออกมาก็จะถึงศาลเจ้าพ่อทุ่งใหญ่ ซึ่งมีป้ายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร แล้วจะไปถึงห้วยเซซาโว่ก็มีจุดที่น่าสนใจในการเดินป่าลึกเข้าไปอีกคือ บริเวณตัวทุ่งใหญ่ซึ่งอยู่ในใจกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ สำหรับการเดินทางผจญภัยเข้าไปในทุ่งใหญ่ต้องติดต่อโดยตรงกับกองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ทุ่งใหญ่นเรศวร มีพื้นที่อยู่ใน อ. สังขละบุรี จ. กาญจนบุรี และ อ. อุ้มผาง จ. ตาก การเดินทางไปยังไม่สะดวกนักเนื่องจากสภาพถนนบางช่วงไม่ดี จากเส้นทางทองผาภูมิ-สังขละบุรี บริเวณแยกห้วยเสือไปยังบ้านคลีตี้ ระยะทาง 42 กม. ต่อจากนั้นมีทางแยกไปที่ทำการเขต ฯ ที่ห้วยซ่งไท้อีก 40 กม. ผู้ที่จะไปยังทุ่งใหญ่นเรศวรต้องทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้า 15 วัน ไปที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ บางเขน
ป่าละอู อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
เมื่อพูดถึงป่าละอู นามนี้มิได้หมายถึงเพียงน้ำตก แต่เป็นดินแดนแห่งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์พร้อมด้วยป่าดิบชื้น สรรพสัตว์ นกนานาชนิด พันธุ์ไม้ ผีเสื้อ และสิ่งมีชีวิตนานาชนิด เข้าหน้าฝนแล้ว ป่าทั้งป่าชุ่มชื้นเขียวชอุ่ม จึงขอแนะนำป่าละอูให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายรู้จัก พร้อมการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเข้าไปสัมผัสความงามของดินแดนแห่งนี้
"น้ำตกป่าละอู" เกิดจากห้วยป่าเลา ซึ่งเป็นลำน้ำเกิดจากพื้นที่ที่มีเทือกเขาสลับซับซ้อน อยู่ทางตอนใต้สุดของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เดิมทีนั้นเป็นพื้นที่ความมั่นคงเพราะอยู่ใกล้กับชายแดนไทย-พม่ามาก ต่อมาได้รับการผนวกเข้ากับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เมื่อปี 2527 เนื้อที่ประมาณ 273,125 ไร่ เพียงเดินเท้าจากน้ำตกไป 6 กม. ก็จะถึงเขตชายแดนแล้ว ป่าละอูเป็นป่าสมบูรณ์ซึ่งมีฝนตกมากเกือบตลอดทั้งปี สายน้ำตกจึงรินไหลอย่างไม่ขาดสาย บริเวณน้ำตกเต็มไปด้วยแก่งหินและหาดทรายริมน้ำ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศผู้มาเยือนชายทะเลหัวหิน ก็มักจะแวะมาเที่ยวป่าละอู
ป่าละอู เป็นป่าที่จัดว่ามีผีเสื้อชุกชุมมากที่สุดของประเทศ ผีเสื้อเหล่านี้มักจะลงมากินโป่งตามพื้นดินแฉะๆ ซึ่งเราสามารถพบได้ตลอดรายทาง และนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งดูนกนานาชนิดที่สำคัญของประเทศอีกด้วย
ข้อมูลการเดินทางและที่พัก
การเดินทางท่องเที่ยวในป่าละอูนั้น เราควรจะมีเวลาอย่างน้อยสัก 2 วัน เพราะมีที่ถ่ายภาพค่อนข้างมาก ทางหน่วยพิทักษ์ป่าป่าละอูยังไม่มีที่พักให้บริการรวมทั้งไม่มีบริการด้านอาหาร นักท่องเที่ยวต้องนำเทนท์ไปเอง และเตรียมอาหาร น้ำ สำหรับรับประทาน สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ผ้าใบกันฝน และเสื้อกันฝน ส่วนห้องน้ำนั้นมีให้บริการข้างๆ ที่กางเทนท์
การเดินทางสู่ป่าละอูใช้เส้นทางหมายเลข 4 ก่อนถึง อ. ชะอำ จะมีทางแยกขวาสู่ทางหลวงหมายเลข 4 ตัดใหม่ ลัดเข้าสู่ อ. ปราณบุรี ตามเส้นทางนี้ประมาณ 30 กม. จึงจะถึงทางแยกเข้าสู่ป่าละอู มีป้ายแสดงแหล่งท่องเที่ยวติดไว้ริมทางหลวง จากแยกอีกประมาณ 60 กม. ก็จะถึงที่ทำการ ทางจะดีตลอด ยกเว้นช่วงก่อนถึงน้ำตกประมาณ 2 กม. ทางจะยังคงเป็นลูกรัง ซึ่งจะลื่นมากในฤดูฝน รถเก๋งอาจไม่สามารถผ่านไปได้
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง
อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 32 ของไทย เดิมชื่ออุทยานแห่งชาติแม่หาด- แม่ก้อ ภายหลังเปลี่ยนเป็นอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตามลักษณะที่ตั้งแนวเขตครอบคลุมแม่น้ำปิงและฝั่งซ้ายทั้งหมดเป็นระยะทางกว่า 120 กม. ก่อเกิดเป็นธรรมชาติที่งดงามโดดเด่นดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาสัมผัส
ลักษณะภูมิประเทศมีทั้ง พื้นดิน พื้นน้ำ และภูเขาสลับซับซ้อนซึ่งมีความสูงเฉลี่ย 900 ม. จากระดับน้ำทะเล โดยมีดอนห้วยหลาวเป็นยอดเขาสูงที่สุด สูง 1,334 ม. เทือกเขาเหล่านี้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่ไหลสู่แม่น้ำปิง เช่น ห้วยแม่หาด ห้วยแม่ก้อ ห้วยโป่งกะ ห้วยม่วง ห้วยขุนแม่น และห้วยไคร้ เป็นต้น พื้นที่ป่าเป็นป่าผลัดใบ ร้อยละ 80 ขึ้นกระจัดกระจายทั่วไป ที่เหลือร้อยละ 20 เป็นป่าดงดิบขึ้นอยู่ตามหุบเขาและริมลำห้วย ไม้ที่พบได้แก่ สัก เต็ง รัง มะค่าโมง ประดู่ เหียง ตะแบก สนเขา และรกฟ้า เป็นต้น สัตว์ป่าพบชุกชุมบริเวณฝั่งแม่น้ำปิง เช่น เก้ง หมูป่า เลียงผา กวางผา เสือปลา ค่างเทา สุนัขจิ้งจอก ชะนี และนกนานาชนิดมากกว่า 200 ชนิด
ในพื้นที่อุทยาน ฯ แม่ปิง มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น "น้ำตกก้อหลวง" เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงาม ต้นน้ำเกิดจากห้วยแม่ก้อ มีทั้งหมด 7 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี ด้วยเหตุที่เป็นหินปูนจึงทำให้บริเวณน้ำตกมีหินงอกหินย้อยสวยงาม มีแอ่งน้ำสีมรกตขนาดใหญ่ใสสะอาด เหมาะแก่การเล่นน้ำ
การเดินทางจากที่ทำการอุทยาน ฯ มาตามทางหลวงหมายเลข 1087 ประมาณ 14 กม. ผ่านบ้านก้อแล้วเลี้ยวซ้ายไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ 1 (น้ำตกก้อหลวง) อีก 8 กม. จากนั้นเดินเท้าผ่านป่าไผ่ไปอีก 500 ม. ก็จะถึงตัวน้ำตก
"น้ำตกก้อน้อย" เป็นน้ำตกที่สวยงามมี 5 ชั้น น้ำเป็นสีเขียวมรกต มีลานกางเทนท์และจุดชมทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นแม่น้ำปิงได้ "ทุ่งกิ๊ก" เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด เป็นที่ราบเนินเขาสลับกับป่าเต็งรัง ทิวทัศน์งดงามมาก โดยเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เป็นช่วงที่ดอกไม้ป่าบานเต็มทุ่ง "ผาแมว" เป็นผาสูงชันริมแม่น้ำปิง บรรยากาศสงบร่มรื่น เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่ดีอีกจุดหนึ่ง เหมาะสำหรับกิจกรรมไต่หน้าผา "ถ้ำยางวี" เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ในเขต อ. ลี้ จ. ลำพูน ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก เป็นที่อยู่ของฝูงค้างคาว การเข้าชมถ้ำต้องมีไฟฉายติดตัวไปด้วย ไม่ไกลจากถ้ำเป็นที่ตั้งของป่าสนเขาที่เรียกว่า "ป่าพระบาทยางวี" เหมาะแก่การตั้งค่ายพักแรม การเดินทางอาศัยการเดินเท้าอย่างเดียว สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางได้ที่ที่ทำการ ฯ "แก่งก้อ" ตั้งอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เป็นที่ตั้งของที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน ซึ่งมีเรือนแพไว้บริการ ทัศนียภาพที่แก่งก้อสวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ บริเวณใกล้เคียงมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง สามารถนั่งเรือชมได้ เช่น น้ำตกอุ้มแป น้ำตกอุ้มปาด เกาะคู่สร้างคู่สม ผาเต่า ผาพระนอน ผาคันเบ็ด พระธาตุแก่งสร้อย พระบาทบ่อลม เขื่อนภูมิพล เป็นต้น จากบ้านก้อไปตามทางหลวงหมายเลข 1087 ประมาณ 8 กม. ก็จะถึงแก่งก้อ
ข้อมูลการเดินทาง
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่นิยมพักค้างแรมมากกว่ามาเช้าเย็นกลับหากขับรถมาเองจะมีความสะดวกมากกว่า ถ้ามาทางบก จาก อ. ลี้ จ. ลำพูน ไปตามทางหลวงหมายเลข1087 (ลี้-ก้อ) ทางเข้าที่ทำการอุทยาน ฯ อยู่ด้านซ้าย ช่วงกม. ที่ 20-21 สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยทางน้ำ จากอ่างเก็บน้ำดอยเต่า จ. เชียงใหม่ ล่องผ่านแม่น้ำปิงไปยังอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล อ. สามเงา จ. ตาก หรือล่องจาก อ. สามเงา จ. ตาก ไปยัง อ. ดอยเต่า จ. เชียงใหม่ ก็ได้ ซึ่งจะผ่านแก่งก้อ นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวอุทยาน ฯ โดยขึ้นท่าเรือที่นี่
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ถึงชื่อจะเก่า แต่กิจกรรมบนนี้มีให้เลือกทำได้ไม่ซ้ำ เพราะ "เขาใหญ่" ไม่ใช่แค่ป่าใหญ่ใกล้เมือง
แต่เป็นเหมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ ที่สอนให้เรารู้ และเข้าใจในธรรมชาติได้ไม่รู้เบื่อ ด้วยเนื้อที่กว่า 2,168.64 ตร. กม. หรือ 1,355,396.96 ไร่ ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดและเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมากมาย ในบางโอกาสขณะขับรถยนต์ ไปตาม
ถนน ท่านจะสามารถเห็นสัตว์ป่าเดินผ่านหรือออกหากินตามทุ่งหญ้า หรืออาจจะเห็นโขลงช้างออกหากินริมถนน บริเวณตั้งแต่ที่ชมวิว กม. ที่ 30 จนถึงปากทางเข้าหนองผักชี ตลอดจนโป่งต้นไทร ลูกช้างเล็กๆ ซนและน่ารักมาก ในปัจจุบันถ้าขับรถยนต์ขึ้นเขาใหญ่ ทางด่านตรวจเนินหอมข้ามสะพานคลองสามสิบไปแล้วก็สามารถเห็นโขลงช้างได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในตอนกลางคืน สัตว์ป่าที่สามารถพบได้บ่อยๆ และตามโอกาสอำนวย เช่น เก้ง กวาง ตามทุ่งหญ้าทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังพบ เสือโคร่ง กระทิง เลียงผา หมี เม่น ชะนี พญากระรอก หรือ หมาไน ชะมด อีเห็น กระต่ายป่า นกชนิดต่างๆ จำนวนกว่า 200 ชนิด จากที่สำรวจพบอาศัยป่าเขาใหญ่เป็นที่หาอาหารและที่อาศัยอย่างถาวร เช่น นกเงือก นกขุนทอง นกขุนแผน ฯลฯ และผีเสื้อชนิดต่างๆ ที่สวยงามกว่า 5,000 ชนิด
สำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินป่า ทางอุทยาน ฯ ได้ทำเส้นทางศึกษาธรรรมชาติไว้หลายเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสระบบนิเวศที่หลากหลายของป่าเขาใหญ่ เช่น "เส้นทางเดินป่าหมายเลข 4 ผากล้วยไม้-เหวสุวัต" เป็นเส้นทางที่เดินง่ายปูซีเมนท์ตลอด เริ่มต้นที่แคมพ์ผากล้วยไม้ จะเห็นป้ายบอกทางขนาดใหญ่ บอกทางไปเหวสุวัตชัดเจน แต่ถ้าเริ่มจากเหวสุวัตจุดเริ่มต้นจะอยู่ใกล้ห้องน้ำ มีป้ายบอกเหมือนกัน ระยะทาง 3 กม. ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง "เส้นทางเดินป่าหมายเลข 6 ที่ทำการฯ-หนองผักชี" เส้นทางที่นักท่องเที่ยวนิยม เพราะพบสัตว์ป่าบ่อย เริ่มจากที่ทำการ ฯ ทางเข้าอยู่ตรงข้ามร้านอาหาร มีป้ายบอกชัดเจน ระยะทาง 4 กม. ขากลับจากหนองผักชีจะเลือกเดินตามทางลูกรังมาสู่ถนน แล้วเดินกลับที่ทำการ ฯ อีก 2 กม. ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง "เส้นทางเดินป่า หมายเลข 8 กองแก้ว-ถนนสนามกอล์ฟ" เดินง่ายเหมาะสำหรับดูนกในตอนเช้า เริ่มที่หลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทางเดินจะขนานกับลำตะคองตลอด ระยะทาง 1.5 กม. ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง "เส้นทางเดินป่าหมายเลข 9 ที่ทำการ ฯ-มอสิงโต" เดินตามทางหมายเลข 6 แล้วเลี้ยวขวาที่ทางแยกแรก เลี้ยวซ้าย ตรงทางแยกที่สอง เดินต่อไปก็ถึงทุ่งหญ้ามอสิงโต จะเห็นอ่างเก็บน้ำชัดเจน ระยะทาง 2 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง "เส้นทางเดินป่าหมายเลข 12 ด่านช้าง-บึงไผ่" เดินง่ายสบายๆ จากด่านช้างเริ่มต้นบริเวณหลัก กม. ที่32 จะมีป้ายบอกทางไปบึงไผ่ ระยะทาง 1.5 กม. ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง "เส้นทางเดินป่าหมายเลข 13 หนองผักชี-คลองอีเฒ่า" เริ่มต้นจากหอดูสัตว์หนองผักชี ไปทางตะวันออก ระยะทาง 4 กม. จะถึงด่านตรวจสัตว์ป่าคลองอีเฒ่า ใช้เวลาเดิน แบบสบายๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง "เส้นทางขี่จักรยาน" เขาใหญ่มีทุ่งหญ้าสวยงาม โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในแสงแดดยามเย็น ใครไม่ชอบเดิน มีจักรยานสักคันไหม จอดรถไว้ข้างทางแล้วปั่นจักรยานไปขึ้นเขาลงห้วย ผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ไปเที่ยวน้ำตก ไปเฝ้าดูสัตว์อย่างเงียบๆ ได้อิ่มอกอิ่มใจ และเผาผลาญไขมันไปด้วยในตัว
ข้อมูลการเดินทาง
การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นับว่าสะดวกสบาย เพราะมีระบบการคมนาคมอย่างดีติดต่อกับชุมชนอื่นๆ อย่างทั่วถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจากกรุงเทพ ฯ อาจใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงเศษหรือน้อยกว่าโดยเริ่มจาก
- ถนนพหลโยธินผ่านรังสิตถึงสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพผ่านมวกเหล็กและเลี้ยวขวาอีกครั้งหนึ่งตรงทางแยกก่อนถึงอำเภอปากช่อง ตรง กม. ที่ 58 เข้าสู่ถนนธนะรัชต์ ระยะทางประมาณ 205 กิโลเมตร
- ถนนพหลโยธินผ่านรังสิต ผ่านหนองแค เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 305 (สุวรรณศร) ที่หินกอง ผ่านตัวเมืองนครนายกถึงสี่แยกเนินหอม หรือวงเวียนนเรศวร ก่อนเข้าตัวเมืองปราจีนบุรีเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่ รวมระยะทางประมาณ 190 กม.
- ถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาบริเวณรังสิต เข้าทางหลวงหมายเลข 305 มุ่งสู่ตัวเมืองนครนายกแล้วเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) ถึงสี่แยกเนินหอม หรือวงเวียนนเรศวร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปราจีนบุรี-เขาใหญ่ รวมระยะทาง ประมาณ 160 กม. หรืออาจเดินทางโดยรถประจำทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ลงที่ อ. ปากช่อง จะมีรถบริการขึ้นเขาใหญ่ออกจากปากช่องในวันธรรมดา วันละ 2 เที่ยว คือ 12.00 น. และเวลา 17.00น. หรืออาจจะจ้างเหมารถบรรทุกเล็กรับจ้างขึ้นเขาใหญ่ก็ได้
ป่าเมืองจันทบุรี
เอ่ยถึงเมืองจันทบุรี ถ้าไม่นึกถึงทุเรียน และมังคุด ผลไม้ขึ้นชื่อประจำจังหวัดแล้วก็คงอดคิดถึงพลอยน้ำงามเม็ดโตเท่านิ้วโป้งไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วเมืองนี้มีสิ่งน่าสนใจมากกว่าที่ใครๆ รู้จักโดยเฉพาะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งระยะทาง 245 กม. จากกรุงเทพ ฯ ใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมงก็ถึงจันทบุรี ป่าบริสุทธิ์แห่งตะวันออกแล้ว
"เขาสอยดาว" ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 70 กม. ไปตามทางหลวงหมายเลข 317 ผ่าน อ. โป่งน้ำร้อน แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงหลัก กม. ที่ 22 ก็ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว เขาที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่าหายากน้อยใหญ่ ต้นไม้สูงใหญ่ มอส เฟิร์น สะพรั่งไปทั่ว ผีเสื้อสวยๆ นกสีสันแปลกตา และน้ำตกกลางหุบเขาที่สูงถึง 16 ชั้น แต่ว่ากันว่า ชั้นที่ 9 สวยที่สุด ใครชอบเดินป่าหรือชอบศึกษาธรรมชาติ มาที่นี่รับรองไม่พบกับคำว่าผิดหวัง
"อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว" 270 กม. จากกรุงเทพ ฯ มาตามทางหลวงหมายเลข 344 กรุงเทพ ฯ-ชลบุรี-แกลง-จันทบุรี ถึงหลัก กม. ที่ 347 ก็เลี้ยวซ้าย ขับอีก 2 กม. ก็จอดรถเตรียมกระโดดลงน้ำได้เลย อุทยานที่นี่มีชื่อเรื่องน้ำตก เพราะ "น้ำตกพลิ้ว" นั้นมีแอ่งน้ำใสกว้าง ให้แหวกว่าย เรียกความสดชื่นได้อย่างสบาย แถมในน้ำตกก็มีฝูงปลาพลวงกลุ่มใหญ่ว่ายสวิงสวายให้ชมกันด้วย
"น้ำตกตรอกนอง" อยู่ทางทิศตะวันออกของน้ำตกพลิ้ว ห่างจากแยกบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยาน ฯ เพียง 5 กม. มี 3 ชั้น ซึ่งชั้นล่างสุดเรียกว่า "น้ำตกไม้ชี้" ใครๆ ก็ชอบมาเล่นน้ำกันตรงนี้ เพราะแอ่งน้ำไม่ลึกมาก ต่างจากน้ำตกชั้น 2 หรือ "น้ำตกกลาง" สีเขียวเข้มแต่ลึกถึง 5 เมตรทีเดียว เดินฝ่าความร่มครึ้มของป่าดิบขึ้นไปอีกสักพัก ก็จะเจอ "น้ำตกตรอกนอง" ชั้นบนสุด สวยที่สุด กระแสน้ำไหลจากหน้าผาสูง 20 เมตร ติดต่อขอกางเทนท์พักแรม บริเวณด้านหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานน้ำตกพลิ้ว
"อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ" 250 กม. จากกรุงเทพ ฯ มาตามทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านชลบุรี-บ้านบึง-แกลง-ถึงสี่แยกเขาไร่ยา หลัก กม. ที่ 324 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนบำราศนราดูร (3249) ถึงระหว่างหลัก กม. ที่ 21-22 แล้วเลี้ยวขวาประมาณ 1.5 กม. ก็ถึงที่ทำการอุทยาน ฯ สภาพป่าในเขาคิชฌกูฏนั้น มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าผลัดใบ สมุนไพร กล้วยไม้ป่านานาชนิด พันธุ์ไม้หายาก สัตว์ป่าใหญ่น้อย มีโผล่ให้เห็นกันตลอดทาง คนที่รักการเดินป่า ถ้าได้มาท่องเขาคิชฌกูฏ
คงยากที่จะตัดใจลืม
"น้ำตกกระทิง" แหล่งกำเนิดของแม่น้ำจันทบุรี อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน ฯ เขาคิชฌกูฏแค่ 100 ม. มี 13 ชั้น กระแสน้ำไหลแรงตลอดปี แต่ละชั้นห่างกันแค่ 20 ม. แต่มีความงดงามไม่แพ้กัน แค่ชั้น 1 ชั้น 2 ก็เล่นน้ำได้สบายแล้ว แต่ถ้าใครมีแรง และชอบอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของป่าดิบครึ้ม อยากให้เดินไปให้สูงที่สุด เพราะน้ำตกที่นี่ยิ่งสูง ยิ่งสวย
"น้ำตกคลองช้างเซ" อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน ฯ 10 กม. โดยแยกจากถนนขึ้นเขาพระบาท บริเวณหน้าหน่วยพิทักษ์ ฯ บ้านพลวง เส้นทางสู่น้ำตกนี้ เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติมาก จะเห็นต้นกฤษณา ต้นยาง ต้นกระบก เขียวครึ้มตลอด กระแสน้ำที่นี่ก็ไหลแรงตลอดปี ไม่แพ้น้ำตกกระทิง เพราะเป็นแหล่งต้นกำเนิดของแม่น้ำจันทบุรีเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่มีหน้าผาหินแกรนิทขนาดใหญ่ ลาดชัน ลดหลั่นเล่นระดับ กระแสน้ำที่ซ่านกระเซ็นกระทบหินจึงสวยงามมาก
ที่พัก
บ้านในอุทยาน ฯ เขาสอยดาว, น้ำตกพลิ้ว และเขาคิชฌกูฏ ติดต่อกองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร.0-2579-7223, 0-2579-5734 ขอกางเทนท์พักแรมบริเวณน้ำตกกระทิง และคลองช้างเซ โทร. (039) 452-074 สอบถามข้อมูลได้ที่ ททท. ภาคกลาง เขต 4 โทร. (038) 655-420-1, 644-585
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ชื่อนี้มีที่มา เล่ากันว่าเพราะมีต้นไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่า ต้นแสลงใจ ขึ้นอยู่มากมาย ชาวบ้านเลยขนานนามว่า "ทุ่งแสลงหลวง" อุทยาน ฯ แห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเพชรบูรณ์ ลักษณะคล้ายหลังเต่าสูงๆ ต่ำๆ มีทุ่งหญ้าปะปนในป่าหลายลักษณะ เป็นที่ชุมนุมของสัตว์ป่าขนาดใหญ่มากมาย นกหายาก รวมถึงนกยูง ไก่ฟ้า และเป็นแหล่งดูผีเสื้อที่วิเศษสุด ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
"น้ำตกแก่งโสภา" เป็นน้ำตกใหญ่ที่เกิดจากลำน้ำเข็กไหลผ่านหน้าผาขนาดใหญ่ ลดหลั่นกัน 3 ชั้นก่อนไหลผ่านแก่งหินที่เรียงรายกันตลอดลำน้ำ ฤดูน้ำหลากจะเป็นน้ำตกที่งดงามมาก ตามโขดหินจะเขียวครึ้มไปด้วยมอสและเฟิร์น การเดินทางสามารถใช้เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก เมื่อถึง กม. ที่ 72 มีทางแยกขวามือ เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้จัดว่าสวยไม่เป็นสองรองใครเพราะตัดลัดเลาะมาตามไหล่เขาเลียบลำน้ำเข็ก จึงมีน้ำตกเล็กๆ ให้พักเหนื่อยอีก 3 แห่งด้วยกัน คือ น้ำตกวังนกแอ่น หรือน้ำตกสกุโณทยาน ที่ กม. 30 น้ำตกแก่งซอง ที่ กม. 45 และน้ำตกปอย ที่ กม. 30
"ทุ่งแสลงหลวง" เป็นทุ่งหญ้าสะวันนา ที่โล่งกว้างใหญ่ มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง เหมาะที่จะนั่งรถชมวิวเดินป่าหรือปักเทนท์พักแรม ทุกๆ ฤดูฝนจะเป็นวันเวลาที่งดงามที่สุด เพราะดอกไม้ป่าจะแทงช่อขึ้นมาจากพื้นดินอวดโฉมตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็น กระเจียวขาว กระเจียวแดง เอนอ้า เปราะป่า ไม้ตระกูลขิงข่า หรือหงอนนาค ที่พากันเปลี่ยนทุ่งหญ้าให้เป็นทุ่งดอกไม้ นอกจากนั้นยังมีเส้นทางดูนกและเส้นทางเดินป่าให้เดินเที่ยวชมกันด้วย จากที่ทำการ ฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ไปทางหล่มสัก 20 กม. ถึงแยกแคมพ์สน เลี้ยวขวาไปทางอำเภอเขาค้อ ผ่านอำเภอเขาค้อ ถึงสี่แยกเลี้ยวขวา ผ่านหน้าพระตำหนักเขาค้อ ตรงไปจนถึงบ้านทานตะวันเลี้ยวขวาเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)
"ทุ่งนางพญา หรือทุ่งนางพญาเมืองเลน" เป็นทุ่งหญ้าสะวันนาสลับป่าสนเขา ล้อมรอบด้วยป่าดิบสลับป่าดิบเขา มีป่าสนสองใบที่สมบูรณ์และสวยงาม เส้นทางสู่ทุ่งนางพญา ยังเป็นเส้นทางดูนกที่สำคัญอีกเส้นทางหนึ่งอยู่ห่างจากหน่วยจัดการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ประมาณ 12 กม.
"ทุ่งโนนสน" เป็นทุ่งหญ้าสะวันนาสลับกับป่าสนเขา ตั้งอยู่ใจกลางอุทยาน ฯ ช่วงปลายฝนต้นหนาว ทุ่งโนนสนจะกลายเป็นอาณาจักรดงดอกไม้เลยทีเดียว ทั้งกระดุมเงิน กระดุมทอง เอื้องม้าวิ่ง เอื้องนวลจันทร์ ยี่โถปีนัง หงอนนาค และเป็นถิ่นดอกไม้กินแมลง อย่างหม้อข้าวหม้อแกงลิง ดุสิตา และหยาดน้ำค้าง เหมาะแก่การเดินป่า และพักแรม โดยเฉพาะปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนธันวาคมจะเป็นช่วงที่เหมาะสม เพราะเดินป่าไม่ลำบากนัก การเดินทางเริ่มต้นจากจุดที่พักโดยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมสัมภาระส่วนตัวที่จำเป็น ควรไปถึงจุดเริ่มเดินทางเท้าก่อน 10 โมงเช้า ทางเดินเท้าส่วนมากเป็นที่ราบตามสันเขา เดินสบายๆ หลังจากออกเดินทางผ่านป่าดงดิบ จุดชมวิว อาจจะแวะพักกินข้าวกลางวันที่ลำธารเล็กๆ แล้วค่อยเดินต่อ ผ่านผาไทร ทุ่งไชโย จนทะลุทุ่งโนนสนในตอนเย็น กางเทนท์กันที่อุทยาน ฯ จัดไว้ให้ รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาชมสายหมอก แล้วออกเดินทางเที่ยวทุ่งโนนสน ผ่านทุ่งกวาง ด่านเพิงหิน น้ำตกปางหวาย พักกินอาหารกลางวัน ชมน้ำตกกุหลาบแดง และทุ่งดุสิตา
ข้อมูลการเดินทางและที่พัก
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพ ฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 32 จนถึงนครสวรรค์ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 117 ถึงพิษณุโลกแล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก กม. ที่ 80 รวมระยะทาง 450 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพ ฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ถึงสระบุรี ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านเพชรบูรณ์ ถึงอำเภอหล่มสักแล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 12 รวมระยะทาง 460 กิโลเมตร สอบถามข้อมูลได้ที่ ททท. ภาคเหนือ เขต 3 โทร. (055) 252-743, 259-907 สิ่งที่ต้องนำมา ถุงนอน เทนท์ อุปกรณ์หุงหาอาหาร หากติดต่อล่วงหน้า ทางอุทยาน ฯจะจัดเตรียมคนนำทาง และอำนวยความสะดวกเรื่องลูกหาบให้ ติดต่อโดยตรงที่ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ตู้ ปณ. 64 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000
ABOUT THE AUTHOR
ถ
ถาวร พรมพิทักษ์
ภาพโดย : -นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : พิเศษ(4wheels)