ใส่สีใส่สัน
LOVE
ในโลกภาพยนตร์ ข้าพเจ้าอดชื่นชม "ชื่อ" ภาพยนตร์ไม่ได้ ภายในห้วงเวลาทั้งหมดเป็นเวลานับศตวรรษนั้น ชื่อภาพยนตร์ มีคำแตกต่างออกไปเป็นพันๆ รายชื่อ โดยเฉพาะคำว่า "LOVE"
เมื่อ 80 ปีมาแล้ว มีภาพยนตร์เรื่อง LOVE จากฮอลลีวูด ความยาว 82 นาที โดยมีดารานำแสดงเป็นกเรตา การ์โบ เล่นคู่กับ จอห์น กิลเบิร์ท เป็นหนังเงียบ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องคัดลอกมาจากเรื่อง "แอนนา คาเรนินา"
ปี 1932 ฮัมฟรีย์ โบการ์ท พระเอกยอดเยี่ยมแห่งยุค เล่นหนังรักคู่กับ โดโรธี แมคคาอิลล์ ชื่อเรื่อง LOVE AFFAIR โดย โบการ์ท แสดงเป็นกัปตันเครื่องบิน พบความรักแบบหื่นในกามกับทายาทอัครมหาเศรษฐี
ชื่อ LOVE AFFAIR กลับมาเป็นภาพยนตร์ดังอีกเรื่องในปี 1939 ซึ่งนางเอกผู้มีชื่อเสียงแห่งยุคคือ ไอรีน ดันน์ เล่นคู่กับ ชาร์ลส โบเยอร์เป็นนิยายแห่งความรักที่ถูกเหตุการณ์อันไม่คาดฝันเป็นอุปสรรค
เฉพาะเนื้อหาของเรื่องนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ใหม่อีกครั้งในปี 1957 ภายใต้ชื่อเรื่อง AN AFFAIR TO REMEMBER ซึ่งมีดารานำ 2 คน คือ แครี กแรนท์ กับ เดบอราห์ เคอร์ร์
ชื่อ LOVE AFFAIR ดูจะยังไม่หมดความร้อนแรงหรือไม่ก็คงเป็นเพราะสังคมมนุษย์ไกลจากคุณธรรมและจริยธรรมมากเกิน ฮอลลีวูดจึงนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้อีก ในปี 1994 ก่อนสิ้นศตวรรษที่ 20 เพียง 6 ปี ดาราที่นำแสดงฝ่ายชาย คือ วอร์เรน เบทที และ แอนเนทท์ เบนิง ฝ่ายหญิง
LOVE AMONG THE RUINS เป็นภาพยนตร์สร้างเมื่อปี 1975 จอร์จ คูเกอร์ เป็นผู้กำกับการแสดงแคธารีน เฮพเบิร์น และ ลอว์เรนศ์ โอลิวิแอร์ เป็นดาราแสดงนำเนื้อหาเกี่ยวกับนางเอกวัยทองถูกไอ้หนุ่มจิ๊กโก๋ฟ้องข้อหาละเมิดสัญญา แต่ได้รับการต่อสู้คุ้มกันเป็นอย่างดีจากทนายความ ซึ่งครั้งหนึ่งนานมาแล้วเป็นชายที่รักเธอ
ในปี 1973 และ 1994 ยังมีชื่อภาพยนตร์ที่มีคำว่า "LOVE" ผสมอีก 2 เรื่อง คือ LOVE AND ANARCHY ในปี 1973 และ LOVE AND A.45 ปี 1994
ปี 2000 มีเรื่อง LOVE AND BASKETBALL ได้รับการวิจารณ์เป็นภาพยนตร์รักยอดเยี่ยม เหมาะสมกับยุคสมัยของสังคมอเมริกัน
เพียงคำว่า "LOVE AND..." ฮอลลีวูดอาศัยเป็นชื่อภาพยนตร์หากินได้ถึง 15 เรื่อง นอกจาก 3 เรื่องที่พูดถึงแล้ว ยังมี "ความรักกับกระสุนปืน"/"ความรักกับความตาย"/"ความรักและความตายในลองไอส์แลนด์"/"ความรักและความกลัว"/"LOVE AND HUMAN REMAINS"/"ความรักกับจุมพิต"/"ความรักกับการลักขโมย"/"ความรักกับการเรียน"/"ความรักกับเงินตรา"/"ความรักกับความหายนะอื่น"/"ความรักกับการเจ็บปวด"/"ความรักกับเซกซ์" และ "ความรักกับสุภาพสตรีฝรั่งเศส"
ท่านผู้อ่านอาจจะรู้จักคำว่า "รักแรกพบ" หรือ LOVE AT FIRST SIGHT ฮอลลีวูด เอามาใช้เรียบร้อยครับ ทั้ง LOVE AT FIRST SIGHT ปี 1974 และยังเพี้ยนคำเล่นซะอีกเรื่องในปี 1979 ชื่อ LOVE AT FIRST BITE หรือ "รักแรกกัด" เป็นงั้นไป...
THE LOVE BUG ในปี 1969 เป็นภาพยนตร์ดังอีกเรื่อง เป็นหนังตลกตามแนวดิสนีย์ "เพื่อความสุขทางครอบครัว" เกี่ยวกับรถ โฟล์คสวาเกน หรือ "เต่าทอง" นำแสดงโดย ดีน โจนส์/ไมเคิล ลี และ บัดดี แฮคเกทท์
THE LOVE GODDESSES ในปี 1965 นำแสดงโดยดาราดาวยั่ว มาริลีน มอนโรร่วมกับนางเอกเซกซีอีกหลายคน รวมทั้ง เม เวสต์/จีน แฮร์โลว์/ริตา เฮย์เวิร์ธ/คลอเดทท์ คอลเบิร์ท และ โดโรธี ลาเมอร์
ข้าพเจ้ามาถูกอารมณ์ด้วยเรื่อง LOVE IN THE AFTERNOON อันเป็นหนังของ บิลลี ไวล์เดอร์สร้างเมื่อปี 1957 มีดารานำ 3 คน คือ แกรี คูเพอร์/ออดเรย์ เฮพเบิร์น และ มอรีศ เชวาลิเยร์ถ่ายทำในมหานครปารีส
หนึ่งในภาพยนตร์รักที่ข้าพเจ้าเสียเงินเข้าไปดูที่โรงหนังเฉลิมเขตร์ เชิงสะพานกษัตริย์ศึก ก็คือ LOVE IS A MANY SPLENDORED THING อันเป็นภาพยนตร์รักสร้างขึ้นเมื่อปี 1955 จากนวนิยายเอกของฮั่น ซู หยิน นำแสดงโดย วิลเลียม โฮลเดน และ เจนนิเฟอร์ โจนส์ ถ่ายทำในเมืองฮ่องกง เล่าขานกันว่า
สร้างมาจากเรื่องจริง
ก่อนหน้านี้ในปี 1945 เจนนิเฟอร์ โจนส์ ได้เล่นหนังรักอีกเรื่องกับ โจเซฟ คอทเทน คือ เรื่อง LOVE LETTERS
ในปี 1955 ยังมีหนังรักอีกเรื่องที่อยู่ในบัญชีของข้าพเจ้าคือเรื่อง LOVE ME OR LEAVE ME ดารานำแสดง ได้แก่ ดอรีส เดย์ นักร้องผู้มีชื่อเสียง ร่วมกับ เจมส์ แคกนีย์ และ คาเมรอน มิทเชลล์ซึ่งในปีถัดมาก็เป็นเรื่อง LOVE ME TENDER หนังรักเคล้าเสียงเพลงของ เอลวิส เพรสลีย์
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนที่ข้าพเจ้านำมาพูดถึงวันนี้เกี่ยวกับชื่อภาพยนตร์ที่มีคำว่า "ความรัก" เข้ามาสมทบ แต่หากจะพูดถึงภาพยนตร์รักที่คลาสสิคในใจข้าพเจ้าแล้ว เห็นจะต้องยกให้กับเรื่อง WATERLOO BRIDGE อันเป็นภาพยนตร์ที่ เมอร์วิน เลรอย สร้างในปี 1940 มีชื่อภาคภาษาไทยว่า "วิมานรัก" เข้าฉายที่โรงหนังศรีเยาวราช
ดารานำแสดง 2 คน คือ โรเบิร์ท เทย์เลอร์ กับ วิเวียน ลีห์เป็นนิยายแห่งความรักระหว่างทหารกับนางระบำปลายเท้าในลอนดอน
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55371