พิเศษ(cso)
9 ขั้นตอน
ฉบับนี้ ผมมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับแฟนๆ ที่รักเครื่องเสียงทั้งหลาย ซึ่งหลายคนก็ลงมือติดตั้งด้วยตัวเอง นับเป็นข้อได้เปรียบในการเชคจุดต่างๆ แต่สำหรับท่านที่ไม่ค่อยถนัด ก็ตรวจเชคได้เฉพาะจุดที่สามารถมองเห็น ส่วนที่ต้องถอดประกอบ หรือเกี่ยวกับระบบไฟ คงต้องให้ทางร้านติดตั้งเป็นผู้ดูแลกันส่วนคราวนี้เป็น 9 ขั้นตอนที่ไล่ไปตามระบบ เราลองมาดูกัน
1. สายเคเบิล/ฟิวส์
แหล่งจ่ายไฟเป็นส่วนสำคัญ จุดเริ่มต้นของระบบเสียง ซึ่งหลายๆ คนมองข้ามกัน แต่ทางที่ดีก็ไม่ควรไปยุ่งกับมัน เพราะเกี่ยวกับระบบไฟในรถ จากขั้วแบทเตอรี หากคุณเดินสายเคเบิล หรือสายไฟ มายังชุดเครื่องเสียง สิ่งที่ต้องตรวจเชค เป็นขั้วแบท หรือขั้วไฟจุดที่เชื่อมต่อสาย ว่าสนิทแน่น สะอาดหรือเปล่านั่นหมายถึงการเดินทางของกระแสไฟที่ต่อเนื่อง
ระหว่างสายไฟ (สีแดง) จะต้องมีฟิวส์ป้องกันกระแสไฟเกินสู่ระบบเสียง มีหน่วยเป็น "แอมพ์" ซึ่งต้องใกล้เคียงกับจำนวนแอมพ์รวมของอุปกรณ์เครื่องเสียงทั้งระบบ และต่อออกจากแบทเตอรีไม่เกิน 18" ตรงนี้ให้คุณเชคสภาพฟิวส์ ความชื้น จุดเชื่อมต่อ และซีลต่างๆ ว่าอยู่ในสภาพดีหรือเปล่า และระหว่างทางให้เชคว่าสายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่แตก ไม่ฉีกขาด
สายเคเบิลอีกสายที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ สายกราวน์ด (สีดำ) ซึ่งมีขนาดเดียวกับสายไฟ ให้เชคจุดเชื่อมต่อกับตัวถังรถว่า แน่นสนิทดีหรือเปล่า รวมถึงสภาพสายด้วย เพราะนี่คือสาเหตุของเสียงหวีด นอกจากนั้น สำหรับระบบใหญ่ ร้านติดตั้งอาจเพิ่มชุดฟิวส์แยกมาให้ในแต่ละส่วน ก็ให้ตรวจเชคเช่นเดียวกันกับจุดแรก
2. แหล่งสัญญาณ
จุดนี้จัดว่าเป็นหัวใจของระบบ คุณภาพเสียงจะดีหรือไม่ เริ่มจากจุดนี้ สิ่งที่คุณต้องตรวจเชค นอกจากสภาพภายนอกของเครื่องแล้ว หากคุณถอดฟรอนท์เองได้ ให้ตรวจเชคจุดเชื่อมต่อของสายไฟ กราวน์ดและรีโมท หากใช้ไฮเพาเวอร์ในตัว ให้ตรวจเชคชุดสายลำโพงด้วย ถัดจากนั้นให้ตรวจดูขั้วแจค RCA ว่าแน่นสนิทดีหรือเปล่า และถ้าในระบบเชื่อมต่อสัญญาณแบบไฮเลเวลอินพุท คือจากสายลำโพงนั่นเอง ก็ให้ตรวจดูจุดเชื่อมต่อเช่นกัน
จากนั้นให้คุณมาเชคระบบของเครื่อง ทั้งภาคซีดี และทูเนอร์ ทำความสะอาดเสาอากาศ การเปลี่ยนทแรค เปลี่ยนสถานี วอลูม บาลานศ์ เฟเดอร์ อีควอไลเซอร์ หากเชื่อมต่อ USB และ SD CARD ได้ ให้ลองเสียบโหลดเล่นดู ใช้รีโมทคอนทโรล เปิด/ปิดหน้ากาก ใส่แผ่นเข้า/ออก รวมถึงตัวเชนเจอร์ด้วย
สำหรับระบบภาพให้เชคจุดเชื่อมต่อของสายสัญญาณภาพ (สีเหลือง) การทำงานร่วมกับจอภาพความคมชัดของภาพ และฟังค์ชันการทำงานในระบบของแผ่น หรือระบบสัมผัสหน้าจอ ถ้ามี
3. สายสัญญาณ
มีหลายคนที่หงุดหงิดกับระบบเสียง ที่ขาดๆ หายๆ ขณะขับรถ ซึ่งมีสาเหตุมาจากขั้วแจค RCA ที่ไม่แน่น เมื่อมีการสั่นสะเทือน สัญญาณก็จะขาดๆ หายๆ ซึ่งส่งผลเสียหายต่อเพาเวอร์แอมพ์ และชุดลำโพงด้วย เหมือนกับที่เราเปิดเสียงดังๆ อยู่ แล้วปิดสวิทช์ทันที ก็จะเกิดการกระชากของเสียง ซึ่งต้องลดวอลูมลงก่อน ตรงนี้ให้ตรวจเชคขั้วแจคทุกจุด
นอกจากขั้วแจคแล้ว ให้ตรวจดูสภาพสาย ไม่มีรอยแตก ไม่พับงอระหว่างทาง ซึ่งการเดินสายสัญญาณนั้น จะใช้สายตามระยะห่างให้พอดี ไม่ยาวเกินไป และไม่วางตำแหน่งใกล้กับสายเคเบิล ซึ่งอาจมีการกวนกันได้
4. อุปกรณ์ปรับแต่งเสียง
นักเล่นหลายคนชอบปรับแต่งเสียงเอง ก็จะติดตั้งพรีแอมพ์เพิ่มขึ้นมา หรือระบบที่ใหญ่ขึ้น ก็จะมีอีเลคทรอนิคส์ ครอสส์โอเวอร์ อีควอไลเซอร์ ตรงจุดนี้ให้ตรวจเชคเหมือนกับแหล่งสัญญาณ ทั้งสภาพเครื่องจุดเชื่อมต่อต่างๆ สิ่งที่คุณต้องทำเพิ่มเติมก็คือ ให้ปรับปุ่มต่างๆ ดู ว่ายังทำงานได้ดีอยู่หรือเปล่ามีเสียง "ค้อกแค้ก" ระหว่างที่หมุนหรือเปล่า ซึ่งต้องใช้น้ำยาเฉพาะฉีดทำความสะอาด
ส่วนชุดอีเลคทรอนิคส์ ครอสส์โอเวอร์ กับอีควอไลเซอร์ ถ้าคุณไม่ชำนาญการ ก่อนอื่นต้องมาร์คจุดไว้ก่อน เพราะระบบได้เซทมาตั้งแต่ติดตั้ง เมื่อเชคปุ่มต่างๆ แล้ว ไม่วางที่ตำแหน่งเดิม เสียงในระบบก็จะเปลี่ยนไป เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า ต้องนำรถไปให้ร้านติดตั้งปรับทูนเสียงกันใหม่นะครับ ประสบการณ์ที่คุณจะได้ในจุดนี้ก็คือ เรียนรู้ลักษณะเสียงในแบบอื่นๆ รวมถึงการทำงานของลำโพงในจุดตัดที่เปลี่ยนไป
5. เพาเวอร์แอมพ์
มาถึงครึ่งทางกับขุมพลังของระบบ สิ่งที่คุณต้องทำคือ ปิดระบบเสียงก่อน แล้วตรวจเชคจุดเชื่อมต่อของสายเคเบิล สายรีโมท ว่าสนิทแน่น และไม่เสี่ยงต่อการลัดวงจร ขั้วแจค RCA และขั้วลำโพง แน่นดีหรือเปล่า เมื่อทุกอย่างอยู่ในสภาพเรียบร้อย ให้คุณเปิดระบบเสียง มาร์คจุดปุ่มปรับแต่งเสียงต่างๆและค่อยขยับดู ในส่วนที่เป็นสวิทช์ ก่อนขยับให้ลดวอลูมลงก่อน เพราะอาจทำให้ลำโพงเสียหายได้โดยเฉพาะสวืทช์ปรับชุดอีเลคทรอนิคส์ ครอสส์โอเวอร์ และบูสต์เบสส์ คุณสามารถลองปรับเลเวลแมทชิงได้ด้วยตัวเอง ระหว่างวอลูมของฟรอนท์เอนด์ และเพาเวอร์แอมพ์ เพื่อหาความดังที่สมบูรณ์ที่สุด ในระดับเสียงที่คุณชอบฟัง ลองทำดูได้ครับ หากเสียงผิดเพี้ยนให้กลับไปที่จุดมาร์คเดิม
6. สายลำโพง
ถึงแม้จะเป็นสัญญาณปลายเสียง แต่ก็มีผลไม่แพ้กันกับสายสัญญาณต้นเสียงนะครับ ซึ่งคุณได้เชคจุดเชื่อมต่อกับแหล่งสัญญาณที่เป็นระบบไฮเพาเวอร์ และเพาเวอร์แอมพ์แล้ว สิ่งที่ต้องดู คือ ตรวจเชคสภาพของสาย มีรอยแตก บิดงอ เสื่อมสภาพหรือเปล่า ซึ่งหากเป็นสายลำโพงแบบใส คุณจะมองเห็น
เนื้อสายข้างใน ดูว่ามีสนิมทองแดง (สีออกเทาๆ เขียวๆ) มีความผิดปกติหรือเปล่า สีผิดเพื้ยนกระดำกระด่าง แสดงว่าสายหมดอายุ ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ได้หลายปี ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น สัญญาณจะเดินไม่สะดวก เสียงจะไม่ใสสะอาด ควรเปลี่ยนสายลำโพงใหม่ทั้งระบบ
7. ชุดลำโพง
อุปกรณ์ถ่ายทอดเสียงเป็นจุดสุดท้ายที่ต้องตรวจสอบกัน ตำแหน่งลำโพงคู่หน้ามีความสำคัญมาก ส่วนใหญ่ติดตั้งที่ตำแหน่งประตู ซึ่งเป็นแหล่งความชื้น ทั้งในฤดูฝน และเมื่อต้องขับรถผ่านน้ำรวมถึงเป็นเตาอบขนาดย่อมในฤดูร้อน ดังนั้นดอกลำโพงก็จะผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างสมบุกสมบัน สิ่งที่คุณต้องตรวจเชค คือ ความแน่นหนาของตำแหน่งติดตั้ง จะไม่เกิดอาการสั่น ตรวจเชคสภาพลำโพงกรวย เซอร์ราวน์ด และขั้วต่อสาย
ให้ตรวจเชคคุณภาพเสียงแต่ละดอก ว่ายังสมบูรณ์หรือเปล่า โดยปรับที่ตัวบาลานศ์ และเฟเดอร์ เพื่อให้ออกข้างเดียว แล้วลองเพิ่ม/ลด วอลูมดูนะครับ คุณจะได้ยินความแตกต่าง หากลำโพงเกิดความเสียหาย เสียงจะผิดเพี้ยนไม่เท่ากัน มีเสียงแป๊กๆ แตกพร่าให้ได้ยิน โดยเฉพาะทวีเตอร์จะเห็นชัด จากนั้นให้เปิดทีละคู่ ทั้งด้านหน้า/หลัง เสียงจะต้องออกแบบสเตริโอ ตรงกลาง ถ้าคุณไม่แน่ใจ ให้ไปนั่งด้านหลังรถ แล้วยื่นหน้ามาฟังตรงกลางระหว่างเบาะคู่หน้า ซึ่งหากมีความผิดเพี้ยน หรือเสื่อมสภาพ คงต้องเปลี่ยนลำโพงคู่ใหม่กัน
8. ซับวูเฟอร์
สำหรับคอเบสส์ทั้งหลาย สิ่งที่คุณต้องตรวจเชคคือ ตัวซับวูเฟอร์ ถอดออกมาจากตู้เลยครับ แล้วเชคขั้วต่อสายว่าแน่นสนิทดีหรือเปล่า เชคสายลำโพงซับ ตรวจดูสภาพตู้ ใยแก้วภายในว่า ยุบไปหรือเปล่าจากนั้นให้ตรวจสภาพภายนอก ขั้วต่อสายที่ผนังตู้ จากนั้นให้เปิดระบบเสียง ลองปรับแต่งเสียงเบสส์ในรูปแบบต่าง เพิ่ม/ลดวอลูม บูสต์/คัทเสียงเบสส์ แต่อย่าเร่งจนกระพือมากนะครับ ดูตำแหน่งติดตั้งที่แน่นหนา ไม่กระพือขณะขับเล่น ก็เป็นอันเสร็จพิธี
9. การปรับทูนเสียง
ปิดท้ายในการตรวจเชคระบบเสียง คุณหาแผ่นซีดี (ของแท้) ที่ชื่นชอบสักแผ่น มาเปิดฟังในระบบปิดโดยสตาร์ทเครื่องยนต์ ลองปรับทูนเสียงดูได้ ทั้งในตำแหน่งของแหล่งสัญญาณ และอุปกรณ์ปรับแต่งเสียงอย่างพรีแอมพ์ ในแนวเสียงที่คุณต้องการ ว่าได้คุณภาพเสียงสมบูรณ์แบบถูกใจหรือไม่
บทสรุป
แน่นอนครับ หากการตรวจเชคทั้ง 9 ขั้นตอน เจอจุดที่ผิดปกติ และเมื่อทำการแก้ไขไปแล้ว คุณจะได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น เหมือนกับติดตั้งระบบเสียงมาใหม่ๆ จากนั้นคุณก็ขับรถออกไปในสถานที่ๆ คุณต้องการ แล้วฟังดนตรีให้สบายๆ ได้เลย
เรื่องโดย : ชูศักดิ์
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : พิเศษ(cso)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55370