ใส่สีใส่สัน
สถิติที่น่ารู้
เวลาที่หนังสือรายงานรายได้ของภาพยนตร์ที่ออกฉายทำสถิติเกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 20 วันแรกนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกบาททุกสตางค์เป็นสมบัติของผู้อำนวยการสร้าง
การรายงานอย่างหนังสือ "วาไรที" ก็ดี เมื่อพูดถึงรายได้ของภาพยนตร์ที่ฉายในสหรัฐ ฯ และในซีกโลกต่างๆ ก็เป็นเพราะการยอมรับความสำเร็จซึ่งผู้อำนวยการสร้างได้ผลิตภาพยนตร์นั้นขึ้นในโลกภาพยนตร์
ใช่ ภาพยนตร์บางเรื่องอาจะได้รับความสำเร็จเป็นรางวัลภาพยนตร์ แต่ทำรายได้น่าผิดหวัง ในขณะเดียวกันภาพยนตร์บางเรื่องก็สามารถได้ทั้งเงิน และได้ทั้งกล่อง
ผมอยากยกตัวอย่างรายได้สูงสุดของภาพยนตร์ในปี 1998 ให้ท่านผู้อ่านรับทราบ
อันดับ 1 "ไททานิค" ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่จากการกำกับการแสดงของ เจมส์ คาเมรอน ทำรายได้ทั้งสิ้น 324,425,520 เหรียญสหรัฐ ฯ
อันดับ 2 "สตาร์ วอร์ส์" ผลิตผลของ จอร์จ ลูคัส ทำรายได้ 270,918,000 เหรียญสหรัฐ ฯ
อันดับ 3 "อี-ที" ของ สตีเวนส์ สปีลเบิร์ค ทำรายได้ 228,168,939 เหรียญสหรัฐ ฯ
อันดับ 4 "จูราสสิค พาร์ค" ภาพยนตร์ระทึกขวัญจากมันสมองการกำกับการแสดงของ สตีเวนส์ สปีลเบิร์ค ทำรายได้ 212,953,417 เหรียญสหรัฐ ฯ
อันดับ 5 "การกลับมาของ เจได" ภาพยนตร์ในซีรีส์จินตนาการนอกโลก จากต้นคิดของ จอร์จ ลูคัส ทำรายได้ 191,648,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องที่ทำเงินรายได้สูงสุดเหนือการ์ตูนทุกเรื่อง คือ "ไลออน คิง" ทำรายได้ถึง 173,057,366 เหรียญสหรัฐ ฯ ซึ่งผมไม่แปลกใจเลย เพราะเป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่น่าดู โดยเฉพาะเพลงประกอบภาพยนตร์ทุกเพลงล้วนไพเราะ
ความสำเร็จของการ์ตูน "ไลอ้อน คิง" ยังแผ่ไพศาลไปถึง การแสดงบนเวทีในสวนสนุกอย่าง ดิสนีย์แลนด์
ภาพยนตร์ที่ทำสถิติรายได้สูงสุดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา อันดับ 1 ได้แก่ "วิมานลอย" (GONE WITH THE WIND) มียอดรายได้อยู่ที่ 1,306.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
อันดับ 2 เป็นภาพยนตร์การ์ตูนคลาสสิคเรื่อง "สโนว์ ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด" ทำรายได้อยู่ที่ 1,034.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ
อันดับ 3 "สตาร์ วอร์ส์" ทำรายได้ 812.0 ล้านเหรียญ ฯ อันดับ 4 เป็น "อี-ที" ทำรายได้ 725.4 ล้านเหรียญ ฯ และอันดับ 5 คือ "101 ดัลเมเชียล" ภาพยนตร์การ์ตูนอีก 1 เรื่องที่ทำรายได้ 656.6 ล้านเหรียญ ฯ
ถ้าจัดสถิติกันระหว่างทศวรรษ จะพบว่า ทศวรรษ 1990 ผู้ที่ครองแชมพ์ คือ "ไททานิค" ของ เจมส์ คาเมรอนนั่นเอง มีการบันทึกรายได้ไว้ที่ 600.8 ล้านเหรียญ ฯ อันดับ 2 "จูราสสิค พาร์ค" 357.1 ล้านเหรียญ ฯอันดับ 3 "ฟอร์เรสต์ กัมพ์" ภาพยนตร์ที่เป็นสุดยอดในชีวิตการแสดงของ ทอม แฮงค์ส์ ทำรายได้ 329.7 ล้านเหรียญ ฯ อันดับ 4 คือ "ไลออน คิง" 312.8 ล้านเหรียญ ฯ และอันดับ 5 "INDEPENDENCE DAY" 306.2 ล้านเหรียญ ฯ
ถ้านับเฉพาะภาพยนตร์ที่ทำสถิติบอกซ์ ออฟฟิศเกินกว่า 100 ล้านเหรียญ ฯ ในสหรัฐอเมริกา อันดับ 1 ได้แก่ภาพยนตร์สุดฮิทเรื่อง "ไททานิค" มีรายได้ 600,788,188 เหรียญ ฯ อันดับ 2 "สตาร์ วอร์ส์" 460,998,007 เหรียญ ฯ อันดับ 3 "อี-ที" 399,804,539 เหรียญ ฯ อันดับ 4 "จูราสสิค พาร์ค" 357,067,947 เหรียญ ฯ และอันดับ 5 "ฟอร์เรสต์ กัมพ์" 329,693,974 เหรียญ ฯ
มองข้ามโลกภาพยนตร์ไปที่วงการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ที่ผลิตรายการทำลายสถิติยอดเยี่ยมของสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
อันดับ 1 เป็นของ สถานี ซีบีเอส รายการ "M-A-S-H" ออกอากาศปี '83 เรทิง 60.2
อันดับ 2 ซีบีเอส เหมือนกัน รายการ "ดัลลัส" ออกอากาศปี '80 เรทิง 53.3
อันดับ 3 เป็นของสถานี เอบีซี รายการ "ROOTS" ภาค 8 ออกอากาศปี '77 เรทิง 51.1
อันดับ 4 กลับมาเป็น ซีบีเอส รายการ "ซูเพอร์โบว์ล ครั้งที่ 16" ปี '82 เรทิงกระฉูด 49.1
อันดับ 5 เป็นของสถานี เอนบีซี รายการซูเพอร์โบว์ล ครั้งที่ 17 ปี '83 เรทิงกระฉูดถึง 48.6
การละครบรอดเวย์ก็มีการทำบันทึกสถิติจำนวนการแสดงบนเวทีไว้อย่างน่าตื่นเต้น เช่น
"CATS" เล่นระหว่างปี '82-'83 รวมการแสดง 6,773 รอบ "A CHORUS LINE" เป็นการแสดงในปี '75-'76 รวมการแสดง 6,137 รอบ "OH ! CALCUTTA !" เป็นการแสดงปี '76-'77 รวมการแสดงได้ 5,852 รอบ "LES MISERABLES" เป็นการแสดงระหว่างปี '85-'87 รวมการแสดง 4,845 รอบ "THE PHANTOM OF THE OPERA" เป็นการแสดงในปี '87-'88 รวมการแสดงได้ 4,585 รอบ
ในรายชื่อเหล่านี้ ผมมีโอกาสไปเที่ยวลอนดอน และได้มีโอกาสเข้าชม OH ! CALCUTTA ! ต้องยอมรับว่าน่าทึ่งครับ รายการแสดงเป็นเหมือนรีวิวสั้นๆ แต่แก้ผ้าทุกชุด เริ่มตั้งแต่โหมโรง เป็นการแก้ผ้าเปลือยร่างกายอย่างมีศิลปะสูงสุด โดยเฉพาะฉากชุดที่ชื่อว่า "ONE OVER ONE" ซึ่งพูดตามตรงมันคือ การแสดงการร่วมเพศระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง แต่เขาแสดงและใช้ลีลาประกอบดนตรีได้อย่างมีศิลปะ จนไม่มีอาการตอบรับจากผมที่เป็นคนนั่งดูอยู่กับเก้าอี้ในด้านเพศแม้แต่น้อย
สวยงาม และเป็นศิลปะเอกของโลก สมกับที่ต้องแสดงนานเท่านานเป็นปีครับ
เรื่องโดย : จอสยาม
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ใส่สีใส่สัน
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/55165