สถานการณ์โลก น่าเป็นห่วง

พอย่างเข้าช่วงปลายปี มองดูสถานการณ์โดยรวม ไม่ว่าของไทยหรือต่างประเทศทั่วโลกออกจะน่าเป็นห่วง เนื่องจากภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภาวะในเรือนกระจกเริ่มแสดงอิทธิพล เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้อ่านข้อความของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ติดตามตรวจสอบอุณหภูมิของขั้วโลก (เหนือ) ค้นพบว่ามีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยสูงขึ้นเกือบทุกปี โดยการประเมินจาก การตรวจสอบทั้งทางดาวเทียมและเครื่องบินตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา   เขาพบว่าความสูงของยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดปี โดยเฉลี่ยลดลงมากพอสมควร นั่นหมายความว่า น้ำแข็ง ตรงบริเวณนี้ได้ละลายกลายเป็นน้ำเพิ่มขึ้นทุกปี นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาฝนตกใหญ่และน้ำท่วมเกิดขึ้นกับประเทศทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย เช่น ในประเทศเยอรมนี และสาธารณรัฐเชค ซึ่ง 2ประเทศนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ของน้ำท่วมตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมาปรากฏว่าปีนี้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงกว่าปกติเกือบ 2 เมตร   ในขณะเดียวกันประเทศทางโซนเอเชีย เช่น จีน และอินเดีย ก็มีน้ำท่วม ระดับน้ำสูง และรุนแรงกว่าปีที่ผ่านๆ มาและในประเทศไทยของเราก็เจอกันหลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือ เพราะฉะนั้นตอนนี้นานาประเทศเริ่มตระหนักถึงภัยดังกล่าวและเริ่มที่จะร่วมมือช่วยกันศึกษาเพื่อป้องกันภัยกันหน้าดำคร่ำเครียด จะทำเล่นๆ แบบเมื่อก่อนนี้ไม่ได้แล้วครับ   ส่วนสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสงคราม หรือสงครามในรูปใหม่ ที่นิยมเรียกกันว่า สงครามแบบก่อการร้าย ขณะที่ผมเขียนข่าวอยู่นี้กำลังจะครบรอบ 1 ปี ของการก่อวินาศกรรมตึกเวิร์ลด์เทรด 11 กันยายน ซึ่งตอนนี้ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ กำลังใช้ความพยายามทั้งทางรัฐสภาและการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศขององค์การสหประชาชาติ เพื่อขอความเห็นชอบในการโจมตีประเทศอิรักในข้อหาการสะสมการผลิตอาวุธที่มีอานุภาพทำลายร้ายแรง   แต่คงไม่ง่ายเหมือนสงครามช่วงปี 1991ที่มีคนเห็นด้วยเยอะแยะคราวนี้มีแค่เพื่อนตายเพียงประเทศอังกฤษที่เห็นชอบด้วย สงครามอาจไม่มีผลกระทบโดยตรงกับคนไทย แต่ที่ผมเป็นห่วงขึ้นก็คือ ถ้าสงครามเกิดขึ้นจริงๆ ราคาน้ำมันคงพุ่งพรวดแน่ เพราะล่าสุดจำนวนน้ำมันสำรองในอเมริกาก็มีไม่มาก และเมื่อเกิดสงคราม กลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งหมายถึง กลุ่มประเทศโอเปค คงไม่ยอมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันส่งออกเป็นแน่ เพราะฉะนั้นราคาน้ำมันทั่วโลกจะต้องแพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเราคงจะได้แต่นั่งภาวนาอย่าให้สงครามเกิดขึ้น มิเช่นนั้นในช่วงฉลองปีใหม่คงจะไม่สนุก   หันมามองเรื่องราวแวดวงเครื่องเสียงรถยนต์ ต้นเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่สินค้ารุ่นใหม่ๆจากประเทศไต้หวัน จีนแดง ฮ่องกง เกาหลี มาเปิดตัวกัน และผมได้ข่าวว่าจะมี นักธุรกิจ จากประเทศไทยเดินทางไปชมหลายท่าน และแน่นอนครับ อีกไม่นานแฟนๆ ที่ชอบ และหลงใหลคงจะได้เห็นสินค้าประเภทลูกครึ่งอเมริกา/จีน รุ่นใหม่ๆ ที่มีหน้าตาเป็นที่ต้องใจ ถึงแม้ว่าซุ่มเสียงอาจจะเป็นรองสินค้าอเมริกันพันธุ์แท้ แต่ด้วยราคาที่ถูกลงคงจะทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะชาวไทยในยุคนี้พอจะรับกันได้ และถ้าสินค้าลูกครึ่งรุ่นใหม่ล่าสุดเดินทางมาถึงเมื่อไรคงจะได้เห็นทั้งรายละเอียด และราคาใน "คาร์ สเตริโอ" กันแน่นอน