สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ปาอูโล แฟร์เรอีรา
รถยนต์คันหนึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆ นับพันนับหมื่นชิ้น การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีชั้นสูง รวมถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสแข่งขันในตลาด "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ปาอูโล แฟร์ไรรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ และเครื่องมือซ่อมบำรุงรายใหญ่ของโลก
ฟอร์มูลา : การดำเนินธุรกิจของ BOSCH ปัจจุบัน มีอะไรบ้าง ?
แฟร์ไรรา : ภาพรวมของ BOSCH ทั่วโลกในปี 2548 มียอดขายรวม 41.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท) เฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค มีอัตราการเติบโต 12 % มากกว่ายุโรป และสหรัฐอเมริกาโดยมีพนักงาน 251,000 คน แบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ 2. อุตสาหกรรมด้านแพคเกจิงและเทคโนโลยี 3. สินค้าคอนซูเมอร์ เช่น เครื่องมือไฟฟ้า ระบบรักษาความปลอดภัย
สำหรับ BOSCH ประเทศไทย ปี 2548 ที่ผ่านมา มีผลประกอบการรวม 55 ล้านยูโร (ประมาณ 2.8 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้จาก 3 บริษัท คือ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด รับผิดชอบด้านการขาย จัดจำหน่าย และบริการหลังการขาย มียอดขายเกือบ 10 % ของยอดขายรวม โดยมีสินค้าที่ดูแล แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. อะไหล่รถยนต์ ซึ่งถือว่ามีเกือบทุกชิ้น เช่น หัวเทียน ใบปัดน้ำฝน หัวฉีดเครื่องยนต์ระบบดีเซล รถญี่ปุ่นและยุโรป โดยทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย และศูนย์บริการรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์สภาพรถยนต์ ที่สามารถประมวลผลหาจุดบกพร่องของเครื่องยนต์ เพื่อหาจุดบกพร่องหรือต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไหล่ใดบ้าง ทั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสินค้าในกลุ่ม
2. เครื่องมือไฟฟ้า เช่น สว่านไร้สาย ที่ใช้แบทเตอรีลิเธียมอิออน จำหน่ายผ่านร้านฮาร์ดแวร์ และโมเดิร์นทเรด
3. ผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมการเข้า/ออก โทรทัศน์วงจรปิด ระบบเสียง
4. เครื่องเสียงติดรถยนต์ BA ที่มีสินคาจำหน่ายครบชุด เช่น วิทยุ แอมพลิฟายเออร์ ลำโพง เน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากสินค้ามีคุณภาพสูง
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับ ซีเมนส์ เปิดโรงงานผลิตเครื่องซักผ้า สำหรับส่งออก ที่จังหวัดปทุมธานี ส่วนบริษัทที่ 3 คือ บริษัท บ๊อช ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิทีจังหวัดระยอง มี 2 โรงงาน คือ ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนระบบเบรค และโรงงานประกอบชิ้นส่วนระบบดีเซลคอมมอนเรล จำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ ให้แก่บริษัทรถยนต์
ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบายและทิศทางตลาดในประเทศไทยไว้อย่างไร ?
แฟร์ไรรา : สร้างบริษัทให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเติบโตไปพร้อมกับตลาด หรือมากกว่า รวมถึงมีนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาด ทำให้สินค้าทุกกลุ่มเติบโตไปพร้อมกัน โดยใช้หลัก การ เอาใจเขามาใส่ใจเรา รับฟังความต้องการของลูกค้าว่าต้องการอะไร แล้วนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ รวมทั้งนำเสนอสินค้าใหม่ให้เหมาะสมกับเวลา เช่น ปัจจุบันมีการผลิตอะไหล่รถญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากรถญี่ปุ่นได้รับความนิยมมากกว่ารถยุโรป และที่สำคัญ บริษัทต้องการขยายตลาดในประเทศไทย
ส่วนการพัฒนาบุคลากร บริษัทมีระบบการพัฒนาที่เรียกว่า CIP หรือกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นการสร้างให้พนักงานมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง และทีมงานจะต้องนำเสนอสินค้าไปสู่ผู้บริโภค เน้นที่พนักงานมีคุณภาพ มีทีมเวิร์คที่ดี
นอกจากนี้ BOSCH ทั่วโลก มีเป้าหมาย 3 กลยุทธ์หลัก คือ สินค้ามีคุณภาพที่ดี นำเสนอสิ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับสโลแกนที่ว่า "เทคโนโลยีเพื่อชีวิต" ที่หมายถึง เทคโนโลยีสำหรับการดำรงชีวิต และ เทคโนโลยีซึ่งจะอยู่กับเราตลอดไป นั่นคือ ความทนทาฆในการใช้งาน
ส่วนแผนงานที่บริษัทต้องการเติบโตมากกว่าตลาดนั้น เนื่องจากผลประกอบการของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคในปีที่แล้ว เติบโตมากกว่าภูมิภาคอื่น ดังนั้นบริษัทแม่จึงมองเห็นศักยภาพการเติบโตในภูมิภาคนี้แต่ถึงแม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง แต่มองในส่วนแบ่งการตลาดยังมีเพียง 15 % ของตลาดรวม ดังนั้นบริษัทแม่จึงมีเป้าหมายในอีก 10 ปีข้างหน้า เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคนี้เป็น 25 % โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นการท้าทายตัวเอง แต่สุดท้ายทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพตลาดว่าจะเอื้อต่อธุรกิจมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่คาดว่าจะเป็นไปในทางที่ดี เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทย
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ?
แฟร์ไรรา : จะเป็นไปในทิศทางที่ดี เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลให้การสนับสนุน และมีนโยบายที่ชัดเจนรวมถึงเป้าหมาย ดีทรอยท์ ออฟ เอเชีย ทำให้นโยบายต่างๆ ที่ออกมาเอื้อต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ และช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมรถยนต์
อีกปัจจัยหนึ่ง คือ ปัจจุบันมีบริษัทแม่ รถยนต์เข้ามาลงทุนประมาณ 14 บริษัท โดยเข้ามาตั้งโรงงานผลิต และเปิดบริษัทวิจัยและพัฒนาสินค้า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเติบโต โดยจะเห็นได้จากปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นอันดับ 4 ของประเทศผู้ผลิตรถยนต์ในเอเชีย รองจากญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ส่วนการผลิตรถพิคอัพ เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าตลาดอะไหล่รถยนต์จะมีการแข่งขันในรูปแบบใด ?
แฟร์ไรรา : การแข่งขันรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทมีนโยบายที่จะต้องนำหน้าคู่แข่งตลอดเวลา โดยเน้นการมีสินค้าที่มีคุณภาพ และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ผ่านมาบริษัทใช้งบประมาณ 7 % ของรายได้ของกลุ่ม ในการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งทำให้ในปี 2548 บริษัทจดสิทธิบัตรถึง 2,800 สิทธิบัตร ทำให้บริษัทนำหน้าคู่แข่ง
ฟอร์มูลา : บริษัทมีหลักการในการพัฒนาสินค้าอย่างไร ?
แฟร์ไรรา : บริษัทเน้นการผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสายให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งจะเน้นเรื่องของความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น เรื่องของรถยนต์ จะมีระบบ USP/RIGHT VISION ความสะอาด เช่น ระบบคอมมอนเรล โดยมีหัวฉีดที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยให้การจุดระเบิดมีความละเอียด แม่นยำ ทำให้ประหยัดน้ำมัน และลดมลภาวะ
ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน BOSCH มีเทคโนโลยีสำหรับเครื่องยนต์ เอนจีวี หรือไม่ ?
แฟร์ไรรา : ในมุมมองของผม รู้สึกว่าปัจจุบันคนทั่วไปยังไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่ง BOSCH มีเทคโนโลยีครอบคลุมทั้ง แกสโซลีน ดีเซล ไฮบริด และไบโอดีเซล โดยปัจจุบันกำลังศึกษาและพัฒนาร่วมกับบริษัทรถยนต์ถึงทางออกที่ดีที่สุดซึ่ง เอนจีวี อาจจะเป็นคำตอบระยะสั้นที่กำลังคิดอยู่ก็อาจเป็นได้ อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่า ดีเซล ยังเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประหยัดน้ำมัน กำลังของเครื่องยนต์ แต่ท้ายที่สุด ถ้าผลการวิจัยออกมาเป็นอย่างไร บริษัทพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการ
ฟอร์มูลา : BOSCH มีนโยบายเรื่องของสินค้าลอกเลียนแบบอย่างไร ?
แฟร์ไรรา : สินค้าที่เป็นบแรนด์ยอดนิยมทุกอย่างจะต้องเจอกับปัญหาสินค้าลอกเลียนแบบ ซึ่งบริษัทได้จัดตั้งทีมตรวจสอบ เพื่อหาแหล่งที่มาของสินค้าลอกเลียนแบบ ถ้าพบหลักฐานที่สามารถฟ้องร้องทางกฎหมายได้ ก็จะดำเนินการทางศาล แต่ทั้งนี้ผู้บริโภคอาจเลือกซื้อสินค้าลอกเลียนแบบ เนื่องจากเหตุผลบางประการ แต่เมื่อได้ใช้สินค้าเหล่านั้นไปแล้วในที่สุดก็จะกลับมาซื้อสินค้าของจริง เพราะมีคุณภาพที่ดีกว่า และมีอายุการใช้งานนานกว่า
ฟอร์มูลา : จากการดำเนินงานที่ผ่านมา คุณมองว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจุดใดบ้าง ?
แฟร์ไรรา : สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับการทำงาน คือ ทำอย่างไรให้พนักงานทุกคนร่วมมือ และเดินไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งผมคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่จะพยายามสร้างบริษัทให้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยใช้ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาในหลายประเทศมาประยุกต์ใช้กับการบริหารงานในเมืองไทย
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ/นาทลดา ทองมาก
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสม/จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53027