ประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์กับคนรุ่นใหม่ (11)
ฉบับที่แล้วเราได้พูดคุยกันถึงปัญหาข้อขัดแย้งของเงื่อนไขประกันภัยรถยนต์ที่มักเกิดขึ้นบ่อย และได้ยกตัวอย่างถึงเรื่องที่เกิดในปัจจุบันทันด่วน คือ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการทำประกันภัยรถทั้งที่ใช้น้ำมัน และใช้แกส ไม่ว่าจะเป็นแกส CNG หรือ แกส LPG ก็ตาม ซึ่งสามารถทำประกันได้ตามปกติเช่นเดียวกับรถที่ใช้น้ำมันโดยทั่วไป เพียงแต่ต้องแจ้งค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ ซึ่งจะต้องนำมาคำนวณทุนประกันภัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติอาจมีบางบริษัทมีการขอเอกสารหลักฐานการรับรองจากวิศวกรที่ติดตั้ง หรือมีวิศวกรตรวจรับรองการติดตั้งด้วย แต่ไม่เป็นเหตุให้ไม่มีการรับประกันภัย
ในฉบับนี้ อยากจะพูดคุยเรื่องน้ำท่วมซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยของเรากำลังถูกน้ำท่วมไปกว่า 43 จังหวัด บางจังหวัดถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2-3 เมตร เรียกว่าน้ำท่วมสูงสุดกว่าช่วง 100 ปี ที่ผ่านมาเลยทีเดียว ทำให้เกิดความเสียหายเดือดร้อนไปทั่ว รวมไปถึงรถยนต์ก็ถูกน้ำท่วมเสียหายไปด้วย ทีนี้เมื่อทำประกันภัยรถยนต์ไว้ กรมธรรม์ประกันภัยภาคสมัครใจ จะให้ความคุ้มครองอย่างไร เคลมค่าซ่อม ค่าเสียหาย ของรถยนต์ได้หรือไม่ ?
เรื่องนี้กรมการประกันภัยได้ออกมาชี้แจงดังนี้ กรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วม มีในหลายกรณี นางสาวชำเลือง ชาติสุวรรณ รักษาการอธิบดีกรมการประกันภัย ได้เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหาย รวมทั้งทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากนั้น กรมการประกันภัยได้มอบหมายให้สำนักงานประกันภัยจังหวัดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยดังกล่าว ให้ความร่วมมือในการประสานงาน ให้คำแนะนำ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นโดยเร่งด่วนแล้ว
โดยผู้ประสบภัยมีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายในส่วนของชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินจากบริษัทประกันภัย หากผู้ประสบภัยได้ มีการทำประกันภัยไว้ โดยผู้ประสบภัยที่จะได้รับการชดใช้จากการประกันภัย มีดังนี้
1. ผู้ที่ได้ทำประกันภัยชีวิต
2. ผู้ที่ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล
3. ผู้ที่ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุเอื้ออาทร ซึ่งจะได้รับการชดใช้ในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร ในวงเงิน 300,000 บาท
4. ผู้ที่ได้ทำประกันอัคคีภัยสำหรับทรัพย์สิน ซึ่งได้ซื้อภัยเพิ่ม "น้ำท่วม" ไว้
5. ผู้ที่ได้ทำประกันภัยรถยนต์ โดยผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการใช้รถในระหว่างการเกิดอุทกภัยดังกล่าวก็จะได้รับการชดใช้ตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยนั้นๆ ส่วนตัวรถคันเอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองเฉพาะได้มีการซื้อกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ไว้ เท่านั้นทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายและมีการทำประกันภัยไว้ ได้ตรวจสอบความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ทำไว้อย่างละเอียดอีกที หากได้รับความคุ้มครอง ก็ต้องจัดเตรียมเอกสารหลักฐานความเสียหาย และแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทน ต่อไป ทั้งนี้กรมการประกันภัยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกคนอย่างเต็มที่ หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด หรือกลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต ทั้ง 4 เขต หรือสายด่วนประกันภัย 1186จากคำชี้แจงของกรมการประกันภัยจะเห็นได้ว่า กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ให้ความคุ้มครองถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยน้ำท่วม แน่นอนว่าถ้าเสียชีวิตในรถขณะน้ำท่วมสามารถเคลมค่าเสียหายจากกรมธรรม์ พรบ. ได้เลย นอกจากนั้นอาจจะเคลมจากกรมธรรม์ภาคสมัครใจได้ด้วยหากมีการซื้อความคุ้มครองไว้และการเสียชีวิตในเกิดจากอุบัติเหตุจากรถ ส่วนตัวรถยนต์ที่เสียหายจากภัยน้ำท่วมเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ เครื่องเสียง ระบบไฟฟ้า เบาะพรมก็เคลมค่าเสียหายได้ ถ้ารถคันนั้นได้ซื้อประกันภัยประเภท 1 ไว้ ย้ำว่าต้องเป็นประกันภัยประเภท 1 เท่านั้น
เรามาดูกรณีศึกษาอีกเรื่องหนึ่ง กรณีรถเกิดอุบัติเหตุ และรถนั้นตกคลองจากอุบัติเหตุด้วย เรื่องนี้เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 เวลาประมาณ 22.40 น. รถยนต์กระบะรับผู้โดยสารจากตลาดโรงเกลือเขตแดนไทยมุ่งหน้าไปกรุงเทพ ฯ เกิดเหตุเสียหลักตกถนนลงคลอง บนถนนสายโคกไทย-ศรีมโหสถ ต. โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ. ปราจีนบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 บาดเจ็บ 12 ราย
นางสาวชำเลือง ชาติสุวรรณ รองอธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุหมายเลขทะเบียน ตน 6725 กรุงเทพมหานคร ได้ทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปี 2535 (พรบ.) และการประกันภัยภาคสมัครใจประเภท 1 ไว้กับบริษัท ไอโออิ กรุงเทพประกันภัย จำกัด เบื้องต้นทราบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นความประมาทของผู้ขับขี่ ซึ่งผู้ประสบภัยและทายาทผู้เสียชีวิตสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัย ดังนี้
1. ทายาทของผู้เสียชีวิต สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนรายละไม่เกิน 640,000 บาท โดยได้รับจากการประกันภัยตาม พรบ. รายละ 100,000 บาท และจากการประกันภัยประเภท 1 ในส่วนความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามความเหมาะสม หรือตามฐานานุรูปรายละไม่เกิน 500,000 บาท และในส่วนของความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลอีกรายละ 40,000 บาท
2. ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ สามารถเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงและค่าอนามัยตามความเหมาะสมรายละไม่เกิน 600,000 บาท โดยสามารถเรียกร้องจากการประกันภัยตาม พรบ. รายละไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนเกินสามารถเรียกร้องจากการประกันภัยประเภท 1 ในส่วนความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกรายละไม่เกิน 500,000 และในส่วนของความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายการประกันภัยค่ารักษาพยาบาลรายละไม่เกิน 50,000 บาท ยกเว้นผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายประมาทสามารถเรียกร้องได้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาททั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสบภัยในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ทางโรงพยาบาลสามารถเรียกเก็บกับบริษัทประกันภัยที่รับผิดชอบโดยตรง โดยผู้ประสบภัยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนกรมการประกันภัยได้ ขอฝากเตือนถึงผู้ใช้รถทุกท่าน ช่วงนี้มีฝนตกบ่อยอาจทำให้ถนนลื่นมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจึงควรเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น และควรตรวจสอบประกันภัยรถของท่านว่ายังมีผลคุ้มครองอยู่ เพื่อเป็นการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนหากเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้อีกด้วย
โดยสรุปแล้ว กรณีทำประกันภัยรถยนต์ ประเภทหนึ่ง กรมธรรม์จะให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถยนต์อันเกิดจากน้ำท่วม และภัยอื่นๆ โดยบริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องตกแต่ง หรือสิ่งที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ด้วย
ถ้ารถยนต์ที่ทำประกันภัยประเภทอื่นไม่ใช่ประเภทหนึ่ง ก็สามารถก็เปลี่ยนมาซื้อกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภทหนึ่งแทน โดยเสียเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นตามอัตราเบี้ยที่กำหนด ก็จะได้ความคุ้มครองจากภัยน้ำท่วมและภัยอื่นๆ เพิ่มเติมไปด้วย
ฉบับหน้าเรามาคุยกันต่อถึงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่ควรรู้ต่อ คอยติดตามนะครับ
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/53026