ร่มไม้ชายศาล
"ดาวน์แล้วชิ่ง"
ปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งในการใช้รถ คือ "รถเสีย" ซึ่งหมายถึง รถเสียเพราะการขับขี่ใช้สอย ไม่ใช่รถเสียเพราะเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน พลิกคว่ำพลิกหงายตกถนน หรือเสียแบบอีสาน ซึ่งหมายถึง รถสูญหาย
ที่เซ็งระเบิด คือ เจ้าของตัดสินใจแล้วตัดสินใจอีก กว่าจะตกลงถอยจากห้างแบบรถป้ายแดง ด้วยความมั่นอกมั่นใจในยี่ห้อและคุณภาพ กะใช้จนลืม แต่ไม่ทันไร ป้ายยังแดงโร่ กลิ่นเบาะยังฉุน พลาสติคหุ้มชิ้นส่วนยังไม่ได้แกะออกหมด ดันชำรุดขึ้นมาแบบไม่น่าจะเป็น
ที่ร้าย และทำลายความรู้สึกเจ้าของรถอย่างแรง คือ ผู้ขาย หรือบริษัทรถยี่ห้อนั้นๆ แก้ไม่ตก เข้าศูนย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไอ้ที่รวนก็รวนอยู่อย่างเดิม
ร้ายกาจที่สุดของที่สุด คือ ผู้ขาย หรือบริษัทรถ ไม่รับผิดชอบ โมเมอ้างโน่นอ้างนี่หลบเลี่ยงตลอด
ร้ายยิ่งไปกว่าร้ายกาจ คือ อาการชำรุดเสียหายของรถที่ซื้อมาใหม่ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุเภทภัยตามมา อย่างที่เป็นข่าว เช่น ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานมั่ง ระบบเบรคชุ่ยรถตกถนน ไฟไหม้ขึ้นมาดื้อๆ แต่ละรายบริษัทรถในบ้านเรา ปัดความรับผิดแทบทั้งสิ้น
ที่อ้างประจำ คือ เจ้าของรถไปดัดแปลงแก้ไข หรือให้อู่ข้างนอกซ่อมบำรุง ไม่ให้บริษัทดูแล ซึ่งมีส่วนอยู่บ้าง
ไปร้องขอความคุ้มครองจากทางการ หรือคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ส่วนใหญ่ คือ ได้ร้อง แต่ไม่ค่อยได้ผล เพราะกลไกของรัฐป้อแป้เต็มที อยู่ในข่ายประเทศด้อยพัฒนาล้าหลัง บัดนี้ผู้บริโภคค้นพบหนทางแก้เผ็ดแล้วล่ะครับ เจ็บแสบซะด้วย นั่นคือการ
"ประจาน"
บางรายขึ้นป้ายบนหลังคาแบบรถแทกซี เห็นทั้งกลางวันกลางคืน บอกว่ารถนี้มีปัญหาบริษัทไม่รับผิดชอบ
บางรายเอารถมาตั้งแท่นโชว์ไว้ข้างถนนให้คนเห็นว่า รถยี่ห้อนี้ รุ่นนี้ มีปัญหาเรื่องเบรคจนรถพัง บริษัทไม่รับผิดชอบ
อาจจะมีการฟ้องร้อง ข้อหาละเมิดทำให้ชื่อเสียงของบริษัทรถเสียหาย แต่ถ้ารถชุ่ยจริง คนที่ประจานคงไม่หวั่น เพราะในใจคงอยากขึ้นศาลเพื่อแฉเต็มฟัดอยู่แล้วหมือนกัน
ตานี้มาดูปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างหญิง/ชายที่ดู๋ดี๋ได้เสียกัน ต่อจากนั้นไปซื้อไปดาวน์รถมาใช้ หลังจากนั้นจึงเกิดปัญหา แยกย้ายจากกันแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอารถไปใช้ อีกฝ่ายหนึ่งเซ็งเพราะเงินทองที่จ่ายไปตนมีส่วนด้วย จึงกลายเป็นคดีนี้
ผู้ที่เป็นโจทก์ คือ ฝ่ายหญิง ได้แก่ "นางหวานใจ" ซึ่งเคยเป็นหวานใจของ "นายคิกคัก" ผู้ตกเป็นจำเลย คำฟ้องระบุว่า เคยเป็นผัวเมียจดทะเบียนกันดิบดี ต่อมาถึงรู้ว่าคิดผิด เลยจดทะเบียนหย่าเรียบร้อยแล้ว แต่ นายคิกคัก อมทรัพย์สินไว้คนเดียว ขอให้ศาลบีบบังคับ นายคิกคัก แบ่งบ้านที่เคยเป็นเรือนหอให้ นางหวานใจ ครึ่งหนึ่ง แบ่งไม่ได้ ขายเอาเงินมาแบ่งกัน นางหวานใจ ยังช่วยจ่ายเงินดาวน์รถยนต์มาขี่หมดไป 170,000 บาท ตอนนี้ นายคิกคัก เอารถไปใช้คนเดียวเฉยเลย จึงขอให้คืนเงินดาวน์ครึ่งหนึ่งจำนวน 85,000 บาท
ศาลสมัยนี้มีอยู่เยอะแยะ ทำหน้าที่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เช่น ศาลจังหวัด ศาลแขวง ศาลอาญา ซึ่งถือว่าเป็นศาลสารพัดประโยชน์ เคยรับผิดชอบแบบครอบจักรวาล คดีอะไรรับไว้หมด
ต่อมาเห็นว่าน่าจะมีศาลเฉพาะทาง พิจารณาคดีแบบเฉพาะทาง เพื่ออำนวยความยุติธรรม ตัดสินคดีได้ถูกต้องแม่นยำ
จึงมีการตั้งศาลเฉพาะทางขึ้นมา อาทิเช่น ศาลแรงงานกลาง ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และคดีเศรษฐกิจกลาง ศาลภาษีอากรกลาง ศาลล้มละลายกลาง ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง ซึ่งเป็นน้องนุชสุดท้อง ต่อไปอาจจะมีศาลยาเสพติด เพื่อตัดสินคดีแบบด่วนจี๋ ประหารก็ไม่ให้ชักช้า เชือดทันทีให้คนได้รู้ได้เห็น
คดีนี้ทนายของ นางหวานใจ ยื่นฟ้อง นายคิกคัก ไปที่ศาลจังหวัด
แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนชักมึน คิดไม่ตกว่า คดีที่ฟ้องมาจะขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัว หรือศาลจังหวัดแบบคดีธรรมดา จึงส่งสำนวนให้ประมุขของตน คือ ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาด ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ประธานศาลฎีกาซึ่งมีหน้าที่โดยตรง จึงรับลูก นั่งพิจารณาปัญหานี้ด้วยความพิถีพิถัน แล้วชี้จนขาดออกมาว่า
ตาม พรบ. จัดตั้งศาลเยาวชน ฯ ปี 2534 มาตรา 11 (3) บอกว่า คดีครอบครัว คือ คดีแพ่งที่ฟ้อง หรือร้องขอต่อศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มีความหมายถึง คดีที่เกี่ยวกับการสมรส รวมทั้งสิทธิและหน้าที่หรือความสัมพันธ์ระหว่างสามี/ภรรยา บิดา/มารดา และบุตร ไม่ว่าในทางใดซึ่งพิพาทกัน ตามกฎหมายแพ่ง ฯ บรรพ 5 ทั้งหมด รวมทั้งคดีที่เกี่ยวด้วยสถานะ และความสามารถของบุคคลอันเกี่ยวกับครอบครัว หรือส่วนได้ส่วนเสียของผู้เยาว์ ซึ่งพิพาทกันตามกฎหมายแพ่ง ฯ บรรพ 1 มาตรา 21 ถึง 28,32,43 และ 44 และในบรรพ 6 มาตรา 1610, 1611, 1687 และ 1692 ถือเป็นคดีครอบครัวทั้งสิ้น
การที่ นางหวานใจ ฟ้องขอแบ่งบ้าน อ้างว่าร่วมกันปลูกก่อนสมรสโดยมีเจตนาให้เป็นเรือนหอ หลังจากแต่งงานได้เข้าอยู่อาศัยร่วมกัน ต่อมาจึงจดทะเบียนสมรส จึงเห็นว่าเป็นการฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งเป็นทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาอันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาตามกฎหมายแพ่ง ฯ บรรพ 5 จึงเป็นคดีครอบครัว
ในส่วนของการฟ้องขอเรียกเงินดาวน์รถยนต์ ได้ความว่าจ่ายเงินดาวน์หลังจากจดทะเบียนหย่าแล้ว เป็นการเรียกทรัพย์สิน ซึ่งส่วนนี้ก็สืบเนื่องมาจากการอยู่ร่วมกันภายหลังจดทะเบียนหย่า จึงเป็นคำฟ้องที่เกี่ยวเนื่องกับการขอแบ่งสินส่วนตัว ถือได้ว่ามูลความแห่งคดีเกี่ยวข้องกัน ตามวิ. แพ่ง มาตรา 5 ประกอบ พรบ. จัดตั้งศาลเยาวชน ฯ ปี 2534 มาตรา 6 นางหวานใจ จึงฟ้องในส่วนนี้ต่อศาลเยาวชน ฯ ได้ด้วย แม้ไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวกับครอบครัวโดยตรง
ท่านประธานศาลฎีกาที่เคารพจึงชี้ว่า คดีที่ นางหวานใจ ฟ้องมาอยู่ในอำนาจของศาลเยาวชน และครอบครัว นางหวานใจ ฟ้องมาถูกต้องด้วยประการทั้งปวง
ทุกวันนี้รถรา ทั้งรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์กลายเป็นปัจจัยที่ 5 โทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยที่ 6 ผัวเมียอยู่กินด้วยกันส่วนใหญ่ต่างแสวงหาด้วยการใช้เงินทองซื้อมา
ถ้าอยู่กินกันตลอดรอดฝั่งก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าแยกทางบายบายกันเมื่อไหร่ มักจะเป็นปัญหาเพราะไม่ใช่ข้าวสารไม่ใช่น้ำตาล ที่จะเอามาตวงแบ่งกันได้เลย รถมักจะไปอยู่ในความครอบครองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำให้อีกฝ่ายหาวเรอ เพราะคิดว่าตนมีส่วนในการซื้อหามาหรืออย่างน้อยก็เงินดาวน์ที่จ่ายไปเป็นก้อน
มีข้อชี้แนะว่า ถ้าจำเป็นต้องฟ้องร้องเพราะตกลงโดยดีไม่ได้ อยากหาเงินให้ทนายใช้ ต้องดูว่ามีการจดทะเบียนสมรสหรือไม่
ถ้าจด แล้วมีการจดหย่าหรือไม่ก็ตาม เมื่อมีการฟ้องขอแบ่งทรัพย์สินส่วนตัวหรือสินสมรส ก็พ่วงเรื่องรถเข้าไปด้วย โดยฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเมื่ออยู่ในเขตกทม. หรือฟ้องที่ศาลจังหวัดนั้นๆ แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ถ้าอยู่ตจว.
กรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันเลย คือ อยู่กินแบบไม่มีใบขับขี่ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ฟ้องศาลจังหวัด หรือศาลแพ่งแบบคดีธรรมดาๆ นั่นแล
ถามว่าฟ้องผิดศาลแล้วเป็นไง
มันก็เสียเวลาทำมาหากินรำคาญตายชักนั่นเอง
จากคำวินิจฉัยของประธานศาลฎีกาที่ อช.7/2543
เรื่องโดย : "จอมยุทธ"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52900