มาตรวัดตลาดรถ
อาการออก
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนพฤษภาคม ปี '49 กับ '48
ตลาดรวม ,ลด ,7.3 %
รถยนต์นั่ง ,เพิ่ม ,13.9 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,ลด ,6.4 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ,ลด ,35.5 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,ลด ,43.0 %
[/table]
เริ่มออกอาการแล้วละครับ ท่านผู้ชม
ก็สภาวะเศรษฐกิจที่ต้องเดินไปด้วยตัวเอง โดยไม่มีคณะรัฐบาลบริหารประเทศนะสิครับ
ยอดการขายในช่วงเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา บ่งชี้สภาพความเป็นจริงของประเทศ ที่ฟากรัฐก็พยายามออกมาบอกว่า สภาวะเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างดี ภาคการส่งออกยังคงมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่มากนัก แต่ตัวเลขก็เพิ่มละเอ้า
หันกลับมาดูความเป็นจริงบ้าง ยอดการขายรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม เดือนโรงเรียนเปิด เดือนน้ำท่วม เดือนแห่งความวุ่นวายทางการเมือง เดือนที่นักกฎหมายระดับชาติลาบวช อาการก็เลยเริ่มฟ้อง
แต่ยอดการขายที่ทรงตัวมาตลอด 4 เดือน เจอเดือนที่ 5 เข้า ร่วมผลุงลงไป 7.3 % ขายกันได้เพียง 55,700 คัน เท่านั้นเอง พอยอดรวม 5 เดือนตัวเลขก็ลดลงเล็กน้อย ร่วงเพียง 1.1 % ด้วยยอด 279,244 คัน
นี่ขนาดว่า สนามบินสุวรรณภูมิ สร้างเกือบเสร็จแล้ว ล่าช้าไปหน่อยเดียว เพราะลานบินร้าว เอ๊ะ เกี่ยวกันไหมเนี่ย
ไปเรื่องอื่นก่อนนะครับ เอาเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิก็ได้
มีกำหนดการทดลองให้เครื่องบินพาณิชย์ ทดลองใช้ทั้งในส่วนของการบินจริง และมีผู้โดยสารจริง ในวันที่ 29 กรกฎาคม แต่กำหนดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการไปกระทำเอาในวันที่ 28 กันยายน ปีนี้
การท่าอากาศยานได้ประสานงานกับหลายสายการบิน ที่จะทดลองใช้สนามบินในวันที่ว่าไว้ เสียแต่ว่า นี่เป็นสนามบินระดับนานาชาติ ท่านประสานงานได้แค่สายการบินภายในประเทศให้มาทดลองบิน แต่สายการบินต่างประเทศ ไม่ยักเห็นท่านพูดถึง
ท่านไม่เชิญเขามาทดลองด้วย พอถึงเวลาเปิดใช้จริง ปัญหาจะเกิดอะไรบ้าง ก็ลองตรองเอาดูน่ะ กระผมมิบังอาจ สอนหนังสือสังฆราชหรอกครับ
สนามบินแห่งใหม่ ระดับนานาชาติ แต่ทดลองสนามด้วยเครื่องบิน สายการบินของตัวเอง ฟังแปร่งหูดี
ส่วนเรื่องที่จะตั้งจังหวัดที่ 77 ขึ้นใหม่น่ะ เสียงค้านกันให้ขรมไปหมด บางเสียงก็ว่า ถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีขนาดเล็ก กลัวว่าจะไม่สามารถรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ แต่ท่านก็ไม่นึกถึงว่า ควรให้สังกัดกับจังหวัดเดิมไปก่อน ไม่ถึงกับต้องมาลงทุนอีกมหาศาล เพื่อให้เกิดเป็นจังหวัดสุวรรณภูมิ ขึ้นมาใหม่
แต่อย่างว่าแหละครับ ถึงขนาดรับหลักการร่างพระราชบัญญัติไปแล้ว ต่อให้ค้านกันหัวชนฝา ท่านไม่ฟังเสียอย่าง
ใครจะทำไม
ฟากนักการตลาดด้านรถยนต์ ก็เล็งประเด็นกันวุ่นวาย
ตั้งจังหวัดใหม่จริง ก็ต้องใช้รถกันนานาชนิด พวกนักขายให้ราชการ ก็คงต้องเชคข่าวกันตลอด
สักพักฝุ่นก็คงตลบแถวๆ นั้นแหละครับ เคยตลบเพราะเรื่องสนามบินมาหนหนึ่งแล้ว เพราะสนามบินต้องใช้รถหลากประเภท ก็ต้องออกแรงกันหน่อย
กลับมาเรื่องของมาตรวัดดีกว่า
เดือนพฤษภาคม โรงเรียนเปิด ฝนตก น้ำท่วม ประชาชนจำเป็นต้องใช้จ่ายค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าชุดนักเรียน เลยทำให้ยอดการขายรถยนต์หดตัวลงอย่างรวดเร็ว
โดยยอดการขายลดลงถึง 7.3 % ขายได้เพียง 55,700 คัน พอรวม 5 เดือนยอดยังคงลดลง 1.1 % ขายได้ 279,244 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ เช่นเคย โตโยตา ขาย 25,585 คัน ประคองตัวได้ยอดเพิ่ม 1.6 % ส่วนแบ่งตลาด 46.0 % ขณะที่อันดับสอง อีซูซุ ร่วงผลอย 22.9 % ขายได้เพียง 11,710 คัน ส่วนแบ่งหดไป 21.0 % อันดับสาม กลับสู่ภาวะปกติ ฮอนดา ขาย 5,888 คัน ยอดเพิ่มเพราะน้องเล็ก 30.5 % ส่วนแบ่ง 10.6 % อันดับสี่ นิสสัน ขายได้ 3,096 คัน ลดเล็กน้อย 11.8 % ส่วนแบ่ง 5.6 % อันดับห้า เชฟโรเลต์ ขาย 2,374 คัน ลดลง 21.7 % ส่วนแบ่ง 4.3 %
พอแยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง กลับปรากฏว่า ยอดขายเพิ่มมากกว่าช่วงเดียวกัน 13.9 % ขายเดือนเดียว 16,350 คัน รวม 5 เดือนขายเพิ่ม 10.7 % 73,744 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ประจำรุ่น โตโยตา ขาย 8,079 คัน เพิ่มขึ้น 19.0 % ส่วนแบ่งเกือบครึ่ง 49.4 % ที่สอง ฮอนดา พอยิ้มออก ขาย 5,840 คัน เพิ่มเยอะ 34.0 % ส่วนแบ่ง 35.7 % ที่เหลือขายกันไม่ถึงพันคัน ที่สาม นิสสัน ขาย 548 คัน ลดลง 20.7 % ส่วนแบ่ง 3.4 % ที่สี่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 515 คัน ยังไม่นับพระราชพาหนะอีก เพิ่ม 26.2 % ส่วนแบ่ง 3.1 % และที่ห้า เกือบไม่มีชื่อเสียแล้ว มาซดา ขาย 291 คัน ลดลง 42.0 % ส่วนแบ่ง 1.8 %
ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม แจกวาร์ ขาย 5 คัน และ โพร์เช ขาย 4 คัน
นี่ขนาดในเวบบอร์ดยอดนิยม มีเรื่องคาวๆ ของรถบางรุ่นเยอะไปหมด แต่รถรุ่นนั้นก็ยังขายได้
คนไทยนี่ใจหาญจริงๆ นะครับ
รถกระบะ 1 ตัน ไม่รวมขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวเลขการขายเดือนนี้ 30,930 คัน ลดลง 2.3 % ตำแหน่งแชมพ์ โตโยตา 12,898 คัน เพิ่ม 23.6 % ส่วนแบ่ง 41.7 % ที่สอง อีซูซุ ขายได้ 10,100 คัน ลดลง 22.7 % ส่วนแบ่ง 32.7 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,368 คัน ลดลง 8.1 % แต่ส่วนแบ่งอยู่ที่ 7.7 %
รถเพื่อการพาณิชย์ ที่โชว์ให้เห็นว่า สภาวะเศรษฐกิจทั้งภาคการขนส่ง และภาคก่อสร้าง ยังคงไม่ก้าวไปข้างหน้าอย่างที่หวัง ขายลดลง 14.9 % ขายได้เพียง 1,947 คัน รวม 5 เดือนลดลง 7.0 % ขายเพียง 10,763 คัน โดยมีตำแหน่งแชมพ์ อีซูซุ ขาย 902 คัน ลดลง 12.6 % ส่วนแบ่ง 46.3 % ที่สอง ฮีโน ขาย 637 คัน ลดลง 6.0 % ส่วนแบ่ง 32.7 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 188 คัน เพิ่มคนเดียว 16.0 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม ลดลง 43.0 % ขาย 2,404 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 1,754 คัน ลดลงถึง 42.0 % ส่วนแบ่ง 73.0 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 419 คัน ส่วนแบ่ง 19.4 % และที่สาม ฟอร์ด ขาย 160 คัน ลดลงถึง 66.5 % ส่วนแบ่ง 3.7 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ ลดลงเยอะ 38.2 % ขายเพียง 925 คัน มี โตโยตา นำโด่ง 676 คัน เพียงผู้เดียว
นั่นคือความเป็นไปที่แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้ภาคเอกชนจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่เมื่อไม่มีภาครัฐบาล คอยเป็นผู้นำ และช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนให้กลไกเศรษฐกิจ ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
แค่เรื่องภายในของ ครม. เอง ก็เป็นเรื่องให้พูดถึงได้ในสภากาแฟกันสนุกสนาน
คนแถวนี้ใช้รองนายกเปลืองนะครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52893