เล่นท้ายเล่ม
ภรรยาและสามี
นับตั้งแต่ผมมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนมาจนอายุตอนนี้พ้น ๖ รอบมาแล้วยังไม่เคยเจอภรรยากราบเท้าผมก่อนนอนแม้แต่คืนเดียว
การที่ภรรยากราบเท้าสามีก่อนนอนนั้น เชื่อกันว่าเป็นประเพณีและขนบธรรมเนียมอันงดงามของกุลสตรีไทย เป็นหน้าที่สมควรประพฤติให้ได้ทุกคืน นับวันแต่จะนำความสมบูรณ์พูนสุขมาสู่ครอบครัวรุ่งเรืองสถาพรสืบไป
และการกราบเท้าสามีนั้น ผมก็เชื่อว่าเป็นคุณงามความดีของแต่ละบุคคล ไม่อาจบังคับให้หญิงไทยทุกคนกระทำตามได้ แต่คุณงามความดีอันนี้ก็มิได้เป็นตัวกำหนดว่า ชีวิตความเป็นสามีภรรยากันจะสามารถคงสภาพอยู่ได้ไม่ล่มสลาย
ไม่ใช่บทสวดมนต์ทำให้สามีสิ้นคิดเรื่องการมีเมียน้อย หรือมีกิ๊กอยู่นอกบ้าน
ขนบธรรมเนียมนี้กลายเป็นของโบราณเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไปอิทธิพลจากประเทศตะวันตกเข้ามาแทรกแซงจนไม่มีเหลือให้เห็น
ฉะนั้น เมื่อเรื่องนี้ถูกท่านรัฐมนตรีพุทธศกนี้พูดถึง จึงเป็นเรื่องแสนเชยจนบอกไม่ถูก และกลายเป็นตลกชวนหัวนึกไม่ถึงว่า ท่านเสนาบดีคิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร
ชีวิตของผู้คนวันนี้แตกต่างกว่าวานนี้โดยสิ้นเชิงความเป็นสามีภรรยาของวันนี้ก็พลอยแตกต่างไปจากวันวานนี้ด้วยเช่นกันชีวิตของสามีภรรยาวันนี้เต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่อการดำรงไว้ซึ่งชีวิตที่สุขสบายทำมาหากินเพื่อให้รอดพ้นจากความยากแค้น อย่าให้ความจนมาเคาะประตูบ้าน
ทั้งสามีหนุ่มและภรรยาสาว หากสามารถออกจากบ้านไปทำงานได้ก็ต้องไป และเป็นเป้าหมายสำคัญในการครองเรือนโดยอัตโนมัติ
เช้าขึ้นมาก็ต้องออกจากบ้านไปทำงานถ้าไม่รวยพอที่จะเป็นเจ้าของกิจการของตนเองได้ก็ต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน และถ้าสามารถเป็นเจ้าของผู้ประกอบการได้ก็ยิ่งเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้นชีวิตแต่ละวันล้วนมีปัญหาให้คิดและให้แก้ไข
หนุ่มสาวสมัยนี้ก็นิยมที่จะเป็นเจ้าของกิจการกันทั้งสิ้น เพราะเห็นว่ามัวแต่รับจ้างเป็นลูกจ้างเถ้าแก่ก็เป็นเรื่องแสนเชยที่ไม่มีใครนิยมกระทำกันแล้ว
ต้องเป็นเถ้าแก่เสียเอง จะเหมาะสมกว่า
ยิ่งบรรพบุรุษของตนสะสมความร่ำรวย สะสมความเป็นนักธุรกิจที่ยืนยงอยู่ด้วยแล้วเผ่าพันธุ์นั้นก็มักเจริญรอยตามด้วยความไม่ยาก
ในการต่อสู้ของชีวิตเช่นนี้ ย่อมทำให้พวกเขาพบแต่ความเร่งรีบโอกาสกลายเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาคอยจ้องฉกชิงแย่งกันบนถนนที่ขวักไขว่เข้าทำนองมือใครยาวสาวได้สาวเอา และน้ำขึ้นก็จงรีบตัก
ทั้งคนที่เกิดมาในตระกูลร่ำรวย และในตระกูลยากจน ชีวิตในแต่ละวันย่อมเหน็ดเหนื่อยจนไม่มีใครเหลือสติปัญญาคิดถึงขนบธรรมเนียมกราบเท้าสามีก่อนนอน
อีกประการหนึ่ง ถ้าสามีกลับบ้านดึกแถมยังเมาจนโงหัวไม่ขึ้นตรงภรรยาจะก้มลงไปกราบเท้าสามีก่อนนอนก็เหลือวิสัยประพฤติได้
หรือสามีนอนอยู่กับบ้าน ภรรยาเพิ่งกลับมาในตอนดึกเพราะหน้าที่และอาชีพที่จำเป็นต้องกลับดึกๆสามีก็คงสะดุ้งตกใจตื่นเพราะรู้สึกมีคนมาสะกิดสะเกาที่เท้าของตัวเอง และก็คงตาโตหายง่วงหากเจอภาพภรรยากราบเท้า
ถ้าถามสามีว่าดึก ๆ แบบนั้นอยากให้เมียทำอะไร ? ก็อาจพบคำตอบว่า อยากให้ซื้อผัดไทยหรือหอยทอดมาสักห่อยังดีกว่ามากราบเท้า
ประเพณีการกราบเท้าสามีไม่ได้รับความนิยมจนกลายเป็นความล่มสลายไปนั้น เป็นเพราะการกราบไหว้ที่ถูกต้องมีรายละเอียดที่ก่อนอื่นผู้กระทำจำเป็นต้องมีสมาธิ ไม่ใช่สักแต่ว่าขึ้นเตียงมาก็กราบส่งๆ ไปสามทีแล้วก็จบกัน
การแสดงความเคารพต่อสามีด้วยการกราบเท้า ต้องขึ้นต้นด้วยการประนมมือไหว้ และการประนมมือก็ต่างกว่าการยกมือไหว้ท่วมหัว นิ้วกางและยกสูงจนเกินงาม การประนมมือที่งดงามต้องให้นิ้วมือเรียบเสมอกัน ยกขึ้นเสมอหน้าผาก ปลายนิ้วจดไรผม หรือในที่อันควรจะมีไรผม แล้วจึงกราบลงพร้อมกันทั้งสองมือ
และถ้าเป็นกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ก็เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในสมัยนี้ เพราะไม่มีใครคอยจ้ำจี้จ้ำไช กราบแล้วก็แล้วกัน ถูกไม่ถูกอย่างไรก็ไม่มีใครตำหนิ
การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ คือ ให้เข่าทั้งสอง ฝ่ามือทั้งสอง และหน้าผากจดพื้นโดยข้อศอกกับเข่าจดกัน แยกมือออกห่างพอหน้าผากจดกับพื้นได้ นิ้วทั้งสิบเรียบเสมอกันจึงจะเป็นการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ที่ถูกต้อง
การกราบจึงยากกว่าการประนมมือไหว้ ตัวอย่าง ของการประนมมือไหว้ที่ได้รับความชื่นชมก็คือการประนมมือไหว้ของพนักงานการบินไทย หรือไม่ก็การประนมมือไหว้ของคุณภราดร ศรีชาพันธุ์ในสนามเทนนิสทุกสนามที่ลงแข่งขัน
ความงดงามในการไหว้เกิดจากการที่ฝ่ามือทั้งสองประกบกัน นิ้วมือทั้งสิบเรียบไม่กางออกหัวแม่มือทั้งสองเรียงเสมอ ยกขึ้นชิดและเสมอกับหน้าอก
ชีวิตทุกวันนี้เรื่องทำมาหากินเป็นเรื่องใหญ่และมาก่อน ฉะนั้นการไหว้ที่ถูกต้องหรือการกราบที่ถูกต้องก็กลายเป็นภาพที่หาดูไม่ได้ ใครที่ไปในงานพิธีสวดพระอภิธรรมหรืองานบุญกุศล ย่อมจะเห็นการไหว้และการกราบที่ไม่เหมือนกันในแต่ละครั้ง
ทั้งการไหว้กราบพระพุทธ และการประนมมือไหว้ฟังพระท่านสวด จะพบเห็นท่าไหว้ในท่าต่างๆ กันบางทีก็ประนมมือต่ำลงและยื่นออกไปข้างหน้า มือยื่นห่างออกไปและอยู่ต่ำกว่าระดับหน้าอกบางทีก็ยกมือขึ้นมาจรดปลายแก้ม ทำท่าเหมือนแบกขวาน บางคนก็กำมือสองข้างเหมือนจะคั้นไม่ให้มันหลุดไปไหนได้ บางคนก็ประนมมือโดยตั้งไว้บนตัก มุ่งหาความสบายมากเกินไป
มีผู้สอนผมว่า ถ้าไหว้นานเกินไปจนเกิดความเมื่อยก็ไม่ควรลดการไหว้ลงมาแค่ตักควรจะพักการไหว้ไปเลย จะแลดูงดงามกว่า
บางคนก็นิยมประนมมือไหว้ในท่าประสานนิ้วเข้ากัน แบบนี้ว่ากันว่า เป็นเหมือนหนึ่งจะอำลาจากกันไม่ต้องมาเห็นหน้ากันอีก
และไม่ว่าจะไหว้ในท่าไหน ผมก็คิดว่าหลายคนอาจจะเข้าตำรา "ประนมมือไหว้แต่ส่งใจไปที่อื่น" ก่อให้เกิดความวอกแวก ไม่สำรวม ไม่น่าเลื่อมใส
เรื่องไหว้และการกราบมันยุ่งยากขนาดนี้ ก็สมควรแหละครับที่คุณผู้หญิงสมัยนี้จะพากันร้องกริ๊ดออกมาเมื่อได้ฟังท่านรัฐมนตรีเตือนว่า ภรรยาควรกราบเท้าสามีก่อนนอน
วันนี้ ไม่ต้องเดือดร้อนถึงกราบเท้ากันหรอกครับ ลำพังแค่ยกมือกราบหมอนก่อนนอนก็หายากแล้ว
แต่ถ้าจะให้อินสแตนท์ สตรีไทยสมัยนี้เลือกเอาว่าจะกราบเท้าสามีหรือจะกราบหมอนสวดมนต์ก่อนนอน ผมคิดว่าน่าจะเลือกประการหลังมากกว่า
กิรดังได้ยินมา ตทากาเล...กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว...เพื่อนสองคนมีเมียด้วยกันทั้งสองคนนัดกันไปพักผ่อนชายทะเล พักแรมบังกาโลเดียวกัน ก่อนเข้านอนก็มีการเลี้ยงดูด้วยสุรายาดองมีความสุขและอิ่มหมีพีมันด้วยกันทั้งสองคู่
ถึงเวลานอน ต่างก็เข้าห้องกันคนละห้อง ห้องหนึ่งเงียบไปแล้วอีกห้องหนึ่ง ฝ่ายชายนั่งคุกเข่าข้างเตียงสวดมนต์ สวดเสร็จแล้วก็ขึ้นเตียงพอเห็นหน้าผู้หญิงที่นอนยิ้มอยู่บนเตียงก็สะดุ้งเฮือก เพราะไม่ใช่เมียของตัวเองแล้วก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเป็นการเข้าห้องผิด ผลุนผันจะออกไปเข้าห้องอีกห้องหนึ่ง
ผู้หญิงบนเตียงก็ร้องบอกว่า
"ไม่ทันแล้วล่ะค่ะคุณ สามีดิฉันเขาไม่เคยสวดมนต์ก่อนนอน"
ABOUT THE AUTHOR
บ
บรรเจิด
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : เล่นท้ายเล่ม