รอบรู้เรื่องรถ
ใครคือรถประหยัดเชื้อเพลิง "ตัวจริง" ?
ผมพบรายงานการทดสอบความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเปรียบเทียบ ระหว่างรถที่ใช้เบนซิน ดีเซล และแกสธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ใช้รถรุ่นเดียวกันหมดทั้งสามแบบ มาจากโรงงานผลิตรถชั้นนำสองรายด้วยกัน ซึ่งหาอ่านได้ไม่ง่ายนัก เลยถือโอกาสนำผลทดสอบมาลงในฉบับนี้ พวกเราจะได้ไม่ต้องฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างผิดๆ ที่กำลังแพร่เหมือนโรคระบาดอยู่ขณะนี้
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2548 ผมอ่านเรื่องแอลกอฮอล์ในหน้า 5 ของหนังสือพิมพ์ขายดีที่สุดของไทยบอกว่ามาจากผู้เชี่ยวชาญในวงการรถยนต์และวิศวกรรมยานยนต์ แต่ไม่ยอมเผยตัว ในเนื้อหาบอกว่าสาเหตุที่แกสโซฮอล ซึ่งมีเอธิลแอลกอฮอล์ผสมอยู่ 10 % สิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะแอลกอฮอล์ระเหยได้ง่ายกว่า
ผิดหมด และไร้สาระครับ ที่มันเปลืองกว่าเพราะแอลกอฮอล์มีพลังงานสะสมในตัวมันน้อยกว่าเมื่อเทียบมวลเท่ากัน เช่น มีพลังงานกี่กิโลแคลอรีต่อมวลหนึ่งกิโลกรัมเท่ากัน หรือกล่าวได้ว่าแอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน ต่ำกว่าของเบนซิน ในวงการเรียกค่านี้เป็นภาษาอังกฤษว่า HEATING VALUE และเราแปลเป็นภาษาไทยตรงตัวเพื่อใช้งานว่า ค่าความร้อน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการระเหยเร็วหรือช้าเลยครับ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำมันเบนซินซึ่งระเหยง่ายมาก และน้ำมันดีเซลซึ่งระเหยยากมาก แต่มีความหนาแน่นของพลังงานหรือค่าความร้อนพอๆ กัน และมากกว่าของแอลกอฮอล์ประมาณเท่าตัว
ผมอยากฝากไปถึงสื่อมวลชนทั้งหลายว่า ถ้าจะไปขอความรู้จากนักวิชาการ หรือใครที่ไม่ได้เป็นแต่อยากรับบทนี้ ต้องกลั่นกรองให้ดี และต้องบอกชื่อและหน้าที่ ผู้ให้สัมภาษณ์ด้วยต้องให้เขารับผิดชอบต่อสิ่งที่เผยแพร่ออกไปสู่มวลชน ลองนึกดูว่าจะมีนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ใฝ่รู้ได้ความเข้าใจผิดมหันต์เช่นนี้ไปกี่พันกี่หมื่นคนครับ
กลับมาดูรายงานทดสอบรถในต่างประเทศของเรากันต่อ รถที่ถูกนำมาทดสอบคือ เมร์เซเดส- เบนซ์ อี 200 เอนจีที และ โวลโว วี-70 ไบ-ฟิวเอล เป็นรถที่รุ่นดั้งเดิมใช้เบนซินเป็นเชื้อเพลิง แล้วโรงงานผู้ผลิตดัดแปลงให้ใช้แกสธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงได้ด้วย ของ เบนซ์ ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1,796 ซีซี มีคอมเพรสเซอร์ หรือ ซูเพอร์ชาร์เจอร์ อัดอากาศเข้ากระบอกสูบให้กำลัง 163 แรงม้า (120 กิโลวัตต์) ส่วน โวลโว ใช้เครื่องยนต์ 5 สูบเรียง ขนาด 2,435 ซีซี กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (103 กิโลวัตต์) ใช้เกียร์ธรรมดา ส่วน เบนซ์ ใช้เกียร์อัตโนมัติ และมีขายเฉพาะรุ่น 4 ประตูเท่านั้นเพราะใช้เนื้อที่ภายในที่เก็บของท้ายรถติดพนักพิงเก้าอี้หลัง สำหรับติดตั้งถังแกส โดยไม่ลดขนาดถังเชื้อเพลิงเบนซินลง ส่วน โวลโว ใช้รุ่น ตรวจการณ์ บรรจุถังแกสไว้ใต้ที่เก็บของด้านหลัง และใต้เก้าอี้นั่งแถวหลัง โดยยอมลดขนาดถังเชื้อเพลิงเบนซินลงเหลือเพียง 29 ลิตร รัศมีทำการของ โวลโวเมื่อใช้เชื้อเพลิงทั้งสองชนิด จึงมีระยะราว 550 กม. พอๆ กับรุ่นที่ใช้เบนซินอย่างเดียว ส่วน เบนซ์ที่ใช้ถังเบนซินอย่างเดิม มีรัศมีทำการเฉพาะเมื่อใช้เบนซินก็ได้ 590 กม. แล้ว รวมกับแกสธรรมชาติอีก 18 กก. จึงได้ระยะทางเพิ่มอีก 290 กม. เป็นประมาณ 880 กม. ถังแกสใน โวลโว ก็จุ 18 กก.เหมือนกันครับ
จากการวัดอัตราเร่งเปรียบเทียบ 0-100 กม. /ชม. เบนซ์ ใช้เวลา 10.7 (10.8) วินาที ส่วน โวลโว 11.9 (11.6) วินาที 0-150 กม. /ชม. เบนซ์ 23.4 (23.8) วินาที โวลโว 28.4 (29.5) วินาที ตัวเลขในวงเล็บ คือ ค่าที่วัดได้เมื่อใช้เบนซินเป็นเชื้อเพลิง จะเห็นว่าเครื่องของ เบนซ์ "แรง" กว่าตอนใช้แกสธรรมชาติส่วนของ โวลโว กลับกัน ความแตกต่างระดับนี้ บอกได้ด้วยนาฬิกาจับเวลาเท่านั้นครับ
นักทดสอบเองยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่ตอนใช้งานจริงทั่วไปพอรู้สึกได้ว่า โวลโว แรงน้อยกว่าตอนใช้แกส ความเร็วสูงสุดในสอง "โหมด" ไม่แตกต่างกัน เบนซ์ 227 กม. /ชม. ส่วน โวลโว ที่กำลังเครื่องยนต์น้อยกว่า ทำได้ 205 กม. /ชม.
จุดที่เราสนใจกันจริงๆ คือ ความประหยัดเชื้อเพลิง ตรงนี้ต้องแยกแยะกันให้ชัดเจนนะครับเวลาทดสอบเขา (หรือเราหรือใครก็ตามที่ทดสอบ) จะวัดความสิ้นเปลืองเป็นค่ามวลของเชื้อเพลิงต่อระยะทาง เช่น กี่กิโลกรัม ต่อ 100 กิโลเมตร แต่ในเมื่อตอนขายที่ปั๊ม เขาวัดเป็นปริมาตร ก็เลยนิยมวัดปริมาตรของเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลว เช่น เบนซิน หรือ แอลกอฮอล์ ส่วนเชื้อเพลิงที่เป็นแกสวัดมวลของมัน โดยการวัดค่าที่มันถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูด ซึ่งก็คือ วัดน้ำหนักนั่นเองเพราะฉะนั้นหน่วยความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ตอนใช้แกสธรรมชาติ จะเป็น กิโลกรัม ต่อ 100 กิโลเมตรส่วนตอนใช้เบนซิน จะเป็น ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร
นี่คือค่าที่วิศวกรที่ผลิตหรือทดสอบรถเขาสนใจครับ สำหรับพวกเราผู้ใช้รถทั่วไป มันยังบอกอะไรไม่ได้ว่าประหยัดมากน้อยแค่ไหน และตอนใช้แกสหรือตอนใช้เบนซินประหยัดกว่า ต้องเอาราคาต่อกิโลกรัมของแกสธรรมชาติ และราคาต่อลิตรของเบนซิน มาคูณก่อนครับ จึงจะได้เป็นราคาแกสหรือราคาเบนซินที่เราต้องจ่ายต่อ 100 กม. (หรือกี่กม. ก็ตาม) ตรงนี้ครับที่จะบอกเราว่าแบบไหนประหยัดกว่า จากการทดสอบความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย ซึ่งใช้งานผสมทั้งทางไกลและในเมือง เบนซ์ ใช้แกส 6.2 กก./100 กม. ใช้เบนซิน 10.9 ลิตร/100 กม. ส่วน โวลโว ใช้แกส 6.5 กก. ใช้เบนซิน 10.5 ลิตร ถ้าเทียบราคาแกสธรรมชาติในประเทศเรานี่ราคา กก. ละ 8.50 บาท และเบนซิน 95 ลิตรละ 22.50 บาท เบนซ์ ก็จะประหยัดค่าเชื้อเพลิงตอนใช้แกสธรรมชาติได้ 183.55 บาท หรือ 365 % ส่วน โวลโวประหยัดได้ 181.00 บาท หรือ 328 %
มาถึงตอนนี้แล้ว ก็ยังบอกไม่ได้นะครับ ว่าซื้อรถแบบนี้มาใช้แล้ว จะช่วยเราประหยัดได้จริงหรือไม่เพราะเขาขายราคาสูงกว่ารุ่นใช้เบนซินอย่างเดียวครับ ก็ต้องดูส่วนต่างของราคารถ แล้วคำนวณว่าต้องขับกี่หมื่นหรือกี่แสนกิโลเมตร แล้วจึงจะประหยัดเชื้อเพลิงได้คุ้มกับราคารถที่สูงกว่าหลังจากนี้ไปแล้ว ที่เราพอจะอนุโลมเรียกว่าเป็นจุดคุ้มทุนแล้ว จึงจะเริ่มเป็นช่วงเวลา (หรือระยะทาง) ที่รถนี้จะช่วยเราประหยัดครับ
ถ้าจะให้ละเอียดกว่านี้ ก็ควรประเมินความเหนื่อยในการหาที่เติมแกสธรรมชาติ เป็นเงินแล้วเอาไปบวกกับราคารถแบบนี้เป็นต้นทุนด้วย แล้วดูว่าเราใช้รถปีละกี่หมื่นกิโลเมตร จึงจะพอทราบว่า ซื้อมาแล้วกี่ปีจึงจะถึงจุดคุ้มทุนและ "เริ่ม" ประหยัด
นี่เป็นตัวอย่างวิธีพิจารณานะครับ ถ้าจะใช้จริงๆ ก็คงต้องรอให้ ปตท. หรือ ผู้ค้าแกสธรรมชาติรายอื่นมีสาขาเครือข่ายที่หนาแน่นเพียงพอ อย่างน้อยใน กทม. ก็ยังดีครับ
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52570