เล่นท้ายเล่ม
พิธีสมโภชเดือน
พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติพระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฏราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา เมื่อวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2548 เป็นพระราชพิธีสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างได้ร่วมมีส่วนจากการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ยังความปลื้มปีติแซ่ซ้องชื่นชมพระบารมีถ้วนหน้า พร้อมทั้งถวายพระพรพระเจ้าหลานเธอทรงพระเกษมสำราญมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงตลอดไป
และผมก็มั่นใจว่าพสกนิกรชาวไทยทุกคนต่างล้วนมีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยเมื่อได้เห็นการพระราชพิธีสำคัญเพียบพร้อมคุณค่าทางมรดกวัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย ที่สืบทอดมาแต่โบราณกาล
ในบุคลิกลักษณะความเป็นชาติอยู่ที่ประเพณี อยู่ที่ความสืบเนื่องต่อกันมาเป็นลำดับของส่วนสำคัญที่เป็นหลักของประเพณี จะแตกต่างไปบ้างก็เป็นรายละเอียดที่เปลี่ยนได้ตามกาลสมัยของบ้านของเมือง
และถ้าเมื่อใดหลักสำคัญของประเพณีเปลี่ยนเสียแล้ว เมื่อนั้นก็ไม่ใช่ประเพณีอีกต่อไป
มรดกทางวัฒนธรรมประเพณีเช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ชาวไทยควรหวงแหนให้สมกับความเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราได้สะสมมาหลายชั่วอายุคน
ไม่มีมรดกอันเป็นบุคลิกลักษณะของชาติประเทศ ก็เหมือนกับ เป็นชาติประเทศที่เกิดใหม่ไม่มีโบราณกาล ไม่มีวัฒนธรรมประจำชาติ
และมรดกเช่นนี้ เป็นหน้าที่ของพวกเราจะต้องรู้จักและเข้าถึงการรักษาไว้ สมควรตามฐานะเป็นผู้รู้คุณการรักษาไว้เฉยๆ ย่อมไม่เพียงพอ ต้องรู้จักปรับปรุงดัดแปลงเข้ากับยุคสมัยเพื่อทำให้มรดกอันเป็นส่วนรวมของชาติมีความงอกงาม สามารถอยู่กับประชาชนพลเมืองสืบไปชั่วนิรันดร
ผมเองเกิดมา 70 กว่าปีแล้วต้องยอมรับว่าเพิ่งเคยได้ชื่นชมพระราชพิธีสำคัญครั้งนี้เช่นเดียวกับประชาชนในชาติทั้งปวง
แม้รู้ว่าพิธีการเกี่ยวกับเด็กเกิดใหม่นั้น มีมาช้านานทั้งในแผ่นดินของเราและต่างประเทศซึ่งย่อมแตกต่างกันไปตามลักษณะเป็นเอกเทศของชาติประเทศนั้นๆ
กล่าวโดยสรุป ก็เป็นการต้อนรับขวัญเด็กที่เกิดใหม่ด้วยความยินดีจัดพิธีเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มาใหม่ในสกุล
ครั้งที่พระรามสมภพมีนักกวีพรรณาเรื่องนี้ไว้ว่า
"ฝนดอกไม้โปรยลงมา เพราะเทวดาโสมนัสปรีดา เหล่าประชาอาณาราษฎร์ในกรุงอโยธยาก็ดีใจเหมือนกับเทวดา ต่างประดับประดาอาคารบ้านเรือนด้วยเฟื่องระย้าและธงทิวปลิวไสวทุกหนแห่ง มีหมู่หญิงนำของขวัญอันเป็นสิริมงคลบรรจุลงในถาดเงินถาดทองนำเข้าไปในพระราชวัง ปากก็ร้องเพลง และเมื่อได้กระทำการเวียนรอบพระกุมารแล้วก็โปรยปรายของขวัญลงบนพื้น และหมอบกราบอยู่แทบบาทพระกุมารหลายครั้งหลายครา เหล่านักขับร้องก็กล่าวกลอนสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ใครมีอะไรก็นำเอาไปถวายเป็นของขวัญไม่ขาดสักคนเดียว"
"ใครๆ ที่เดินไปบนถนนจะไม่ย่ำไปบนชะมดเชียงหญ้าฝรั่นและผงไม้จันทน์เป็นไม่มีจนถนนเป็นปลักอยู่ด้วยสิ่งเหล่านี้ หอมตลบอบอวลไป บ้านใครเรือนใครก็มีดนตรีดีดสีตีเป่าร่าเริงยินดีกัน"
"ท้าวทศรถทรงปลาบปลื้มยิ่งนัก เมื่อทรงกระทำพิธีงานพิมุขศราทธ์ (คือพิธีมงคลอุทิศแก่บรรพบุรุษ) เสร็จแล้วทรงอวยทานแก่พราหมณาจารย์ด้วยแก้วแหวนเงินทอง และด้วยโคอันศักดิ์สิทธิ์"
"รวมความว่า เป็นการสนุกสนานเบิกบานใจ ได้เกิดมีและเป็นไปในกรุงอโยธยาอย่างมโหฬาราดิเรก จนพระอาทิตย์บังเกิดความพิศวงตะลึงงันลืมตกดินไปตั้งเดือนโดยที่พระอาทิตย์เองก็ไม่รู้สึกเพราะลืมตัว ข้างประชาชนก็ไม่สังเกตเห็นเพราะสว่างไสวรุ่งโรจน์ ด้วยดวงประทีปชัชวาลเหมือนกันหมดทั้งกลางวันและกลางคืน"
กาลครั้งพระรามสมภพ เขาก็ยังยินดีปรีดากันถึงเพียงนี้ แม้นักกวีผู้ย่อมเกินเลยไปบ้างตามโวหารของกวีแต่ก็พรรณาได้ตรงกับความรู้สึกของอาณาประชาราษฎร์ ย่อมบังเกิดความปรีดาปราโมทย์กับโอกาสอันเป็นวิเศษเช่นนี้
ย่อมถึงซึ่งการพร้อมใจน้อมจิตใจถวายพระพรแก่พระโอรส ให้ทรงพระเกษมสำราญทรงพระเจริญด้วยสิ่งสิริสวัสดิ์มงคล โดยมิต้องนัดหมาย
พระราชพิธีสมโภชเดือน ก็คือ การทำขวัญเดือนของชาวบ้านทั่วไป โดยธรรมดาเมื่อเด็กคลอดแล้วสามวัน ถือว่าพ้นเขตอันตรายตามสำนวนไทยที่ว่า
"สามวันลูกผี สี่วันลูกคน"
เมื่อพ้นอันตรายแล้วพ่อแม่ของเด็กเกิดใหม่ย่อมดีใจทำขวัญเด็ก ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบง่ายมีบายศรีปากชามและเครื่องบัตรพลีและมีเวียนเทียนบ้าง และเมื่อเด็กอายุครบเดือนหนึ่งบริบูรณ์ก็จัดการโกนผมไฟและทำขวัญให้เป็นงานใหญ่ออกหน้าออกตา บางทีก็เป็นโอกาสตั้งชื่อเด็กในตอนนี้รับรองขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกในตระกูล
สำหรับพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระยาอนุมาราชธน (เสฐียรโกเศศ) เล่าว่า
ก่อนนี้เมื่อเจ้านายประสูติได้สามวันก็มีพิธีเรียกว่า "สมโภชสามวัน" ตกวันใดที่ครบสามวันก็ทำกันจริงๆในวันนั้น ถึงเวลาเย็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลง ตั้งบายศรีแก้วทองเงินสำรับเล็กพราหมณ์ทำการเบิกแว่น เจ้านายผู้หญิงเวียนเทียนในห้องตำหนัก เจ้านายผู้ชายไปนั่งอยู่ข้างนอก
ผู้ซึ่งอุ้มเจ้านายซึ่งประสูติใหม่ ใช้ผู้ใหญ่ในพระราชวงศ์ที่สูงศักดิ์
ถัดจากนี้ เมื่อเจ้านายที่ประสูติมีพระชนมายุครบเดือนหนึ่ง ก็มีสมโภชเดือน ซึ่งมีชื่อแต่ว่าเดือนแต่อันที่จริงแล้วสุดแต่โหรจะหาฤกษ์ได้ อาจเป็นเดือนหนึ่งไปแล้วก็เป็นได้
เวลาเย็นเสด็จลง มีเจ้านายผู้ชายเล็กๆ เชิญหีบพระสังข์ตามเสด็จด้วย การสมโภชนั้นทำเหมือนสมโภชสามวัน มีการเพิ่มขึ้นแต่พระราชทานน้ำสังข์และทรงเจิมแก่พระเจ้าลูกเธอซึ่งประสูติใหม่
ในเมื่อพราหมณ์ทำกิจเสร็จแล้ว ทรงถือพระสังข์กับแป้งเจิมเสด็จไปในห้องในด้วยเข้าใจว่าจะพระราชทานน้ำสังข์และทรงเจิมให้กับพระราชมารดา หรือเจ้าจอมมารดาแล้วแต่กรณีด้วย
เมื่อเสด็จกลับออกมา ก็ประกอบการขึ้นพระอู่ ซึ่งมีการตั้งพระอู่เพิ่มขึ้นในการสมโภชเดือนเชิญเสด็จพระเจ้าลูกเธอลงพระอู่ ทรงวางทองลิ่มกับใบพระราชทานชื่อลงในพระอู่ มีพราหมณ์สองคนไกวพระอู่กล่อม คำที่กล่อมนั้นเป็นคำสรรเสริญพระเป็นเจ้าในเวลากล่อมหงส์ในพิธีโล้ชิงช้า
พระอู่นั้นสานด้วยไม้ไผ่ตัน รอบตัวหุ้มผ้าสีขาวตามยาวแห่งปากพระอู่นั้น มีไม้คานหัวเม็ดปิดทองขนาบอยู่สองข้างตามยาว เป็นที่ผูกเชือกแขวนกับเสาพระอู่ เชือกนั้นหุ้มผ้าขาวเหมือนกัน เสาพระอู่ก็ทำเหมือนเชิงลับแล ทาเขียวหัวเม็ดปิดทอง
นอกจากนี้มีการเจริญพระเกษา อย่างที่ชาวบ้านทำกันเรียกว่าโกนผมไฟ
ทั้งหมดนี้เป็นโบราณราชประเพณีเท่าที่ค้นพบ ส่วนพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ที่ได้ผ่านสายตาพสกนิกรชาวไทยไปแล้วนั้น มีลำดับความเป็นอย่างไร ผมต้องขอบใจผู้บรรยายที่ได้บรรยายได้กระจ่างและเหมาะสม ไม่ทำให้อารมณ์การรับชมการถ่ายทอดต้องสะดุดลง
ประเพณีมักเป็นสิ่งที่เข้าลักษณะปรัมปรา สืบทอดกันมานานจนลงรูปเป็นแบบเดียวกันแบ่งเป็นสามลักษณะได้แก่
จารีตประเพณี หมายถึงเรื่องราวผิดถูกดีชั่วทางจารีตศีลธรรมของผู้คน
ขนบประเพณี หมายถึงเรื่องราวโดยตรงหรือโดยปริยาย เป็นขนบหรือระเบียบแบบแผนที่กำหนดขึ้นไว้
ธรรมเนียมประเพณี หมายถึงเรื่องราวซึ่งถือเป็นธรรมเนียมกันมาเท่านั้นไม่จำเป็นต้องถือว่าผิดถูกดีชั่วทางศีลธรรมหรือกำหนดขึ้นเป็นขนบ
การหวงแหนสิ่งเหล่านี้ เกิดจากความรักเพราะความรู้สึกที่บอกว่า สิ่งนั้นมีคุณค่ามีประโยชน์แก่ตัวเรามากหรือน้อยก็สุดแต่เราจะกำหนด ดังเช่นการที่เรานับถือพระพุทธศาสนา ย่อมมีศรัทธากล้าแข็งไม่ต้องการเห็นผู้ใดมาหลบหลู่ดูหมิ่นเป็นต้น
เรื่องโดย : บรรเจิด ทวี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : เล่นท้ายเล่ม
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52561