บทความ
อนาคตพิคอัพ และรถหรู หลังดีเซลลอยตัว
รัฐบาลประกาศลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแบบมีการจัดการ ตั้งแต่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาผู้ขายได้ทยอยปรับราคาขึ้นทีละ 40 สต./ลิตร หลายครั้งจนล่าสุดทะลุราคา 20 บาท/ลิตร ไปแล้ว และคาดว่าจะไต่ไปถึงลิตรละ 25 บาทในไม่ช้า
จากปรากฏการณ์ ผู้ได้รับผลกระทบทันที คือ ผู้ประกอบการขนส่ง และประชาชนทั่วไปแต่สินค้าที่เหลือก็คงไม่อาจหนีพ้นวิบากกรรมนี้ไปได้ รวมทั้งบรรดาบริษัทผู้ค้ารถพิคอัพซึ่งเกือบทุกรุ่นทุกยี่ห้อใช้เครื่องยนต์ดีเซล กับพวกที่ส่งรถหรูเครื่องดีเซล เข้ามาจำหน่าย
โดยหวังจะเปิดตลาดใหม่
นอกจากนี้ รัฐบาลยังทำท่าจะเดินเครื่องโครงการอีโคคาร์ อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาแย่งตลาดรถพิคอัพด้วยอีกส่วนหนึ่ง บริษัทผู้จำหน่ายพิคอัพและรถหรูเครื่องดีเซล จะรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันนี้อย่างไร "ฟอร์มูลา" มีคำตอบ
ความคิดเห็นของผู้บริหารรถยนต์
เชฟโรเลต์
"เมื่อรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้การซื้อชะงักระยะหนึ่งแต่ไม่นานกำลังซื้อก็จะกลับมาเหมือนเดิม"
ชาติชาย สุวรรณเสวก
ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
"ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัว ไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขาย เพราะรถยนต์ถือเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน แต่ลูกค้าจะพิจารณาเพิ่มขึ้นในการตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะ ราคา การประหยัดน้ำมัน
ดังนั้นบริษัทจึงเน้นที่จะสร้างความรู้ ความเข้าใจ ของสินค้าเพิ่มขึ้นในเรื่องสมรรถนะของรถแต่เมื่อรัฐบาลประกาศขึ้นราคาน้ำมัน ทำให้การซื้อชะงักระยะหนึ่ง แต่ไม่นานกำลังซื้อก็จะกลับมาเหมือนเดิม
แผนการตลาดของ เชฟโรเลต์ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงยังคงเน้นบทบาทเรื่องไฟแนนศ์ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นมากที่สุดในการกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อรถ เน้นสร้างความเข้าใจแก่ลูกค้าว่าการเป็นเจ้าของ เชฟโรเลต์ ไม่ใช่เรื่องยาก ความมั่นใจในเรื่องอะไหล่ ซึ่งบริษัทมีสตอคอะไหล่มากกว่า 95 % พร้อมบริการตลอด 24 ชม. และมีราคาเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีศูนย์บริการรองรับถึง 70 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับการเติบโตของตลาดนั้น หากไม่มีปัญหาตลาดรวมน่าจะทะลุ 650,000 คัน ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทคาดว่ายังมีการเติบโตตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งมีผลสืบเนื่องจากยอดขายในเดือน เมย.-พค.ที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 250 % โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายถึง 17,000 คัน
ส่วนการเกิดของรถอีโคคาร์นั้น มองว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับรถพิคอัพเพราะเป็นรถคนละประเภท มีกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง รถพิคอัพจะมีคุณสมบัติหลัก คือการบรรทุก และยังใช้งานแทนรถเก๋งได้ แต่สำหรับอีโคคาร์เป็นรถขนาดเล็ก จะเน้นที่การใช้งานทั่วไปไม่สามารถบรรทุกได้
การลงทุนของ เชฟโรเลต์ เป็นไปตามแผนที่จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกโดยบริษัทเพิ่งมีการลงทุนเพิ่มในการขยายโรงงานสี โดยในปี 2549 การผลิตจะเพิ่มเป็น 2 เท่า จากเดิม 92,000 คัน ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยมีการพัฒนาศักยภาพของซัพพลายเออร์ และการจ้างงานเพิ่มขึ้น เป็นความภาคภูมิใจที่เป็นบริษัทรถยนต์รายเดียวสามารถส่งรถยนต์นั่งไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น และยุโรป"
ฟอร์ด
"ราคาน้ำมันดีเซลไม่มีผลกระทบกับยอดขาย เพราะความต้องการของผู้บริโภคยังคงเดิมแต่พฤติกรรมเปลี่ยนไป จะให้ความสนใจกับคุณค่า และความคุ้มค่าของรถมากขึ้น"
จอห์น ฟิงค์ รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย
"ราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น ไม่มีผลกระทบกับยอดขาย เพราะความต้องการของผู้บริโภคยังคงเดิมแต่พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไป พวกเขาจะให้ความสนใจกับคุณค่า และความคุ้มค่าของรถมากขึ้น ดังนั้นไม่ว่าน้ำมันดีเซลจะปรับราคาขึ้นไปอย่างไร ผู้บริโภคก็ยังคงต้องเติมน้ำมัน ซึ่งจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีผลทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางการตลาด และเป้าหมายในการขาย เพราะเราเชื่อมั่นในการนำเสนอสินค้า ที่มีความคุ้มค่าเงิน และบริการที่เชื่อถือได้
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการที่รัฐบาลประกาศลอยตัวน้ำมันดีเซล ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศจะสะท้อนให้เห็นถึงราคาน้ำมันที่แท้จริงในตลาดโลก และรัฐบาลจะได้ลดรายจ่ายด้านการชดเชยน้ำมันลง
ผู้บริโภคซื้อรถพิคอัพ ด้วยประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย ไม่ต้องดูแลรักษาในระยะยาวมากนัก และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นรถที่ใช้น้ำมันดีเซล จากนี้ต่อไปทุกคนควรจะคำนึงถึงเรื่องของการสิ้นเปลืองพลังงานอย่างจริงจังมากขึ้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนในเรื่องการใช้จ่าย โดยเลือกสินค้าที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับตนเอง เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ในปัจจุบัน
โลกได้ปรับตัวในเรื่องต้นทุนทางพลังงานแบบใหม่ เราจึงคาดว่า ผู้บริโภคจะเลือกใช้สินค้าที่ตรงกับความต้องการของตนเองมากที่สุด
หากโครงการอีโคคาร์ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เราเชื่อว่า กลุ่มเป้าหมายหลักในตลาด คือกลุ่มคนที่ใช้รถพิคอัพเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ รวมไปถึงประโยชน์ส่วนตัว เพราะภาคเกษตรกรรมยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย เราจึงเชื่อว่า รถพิคอัพจะยังคงเป็นรถยนต์ที่มีความสำคัญในตลาดของเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันเจ้าของรถพิคอัพหลายคนใช้รถเพื่อจุดมุ่งหมายสองทาง ดังที่กล่าวไปแล้ว นั่นคือ การใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ และการใช้ส่วนตัว ดังนั้นเราจึงเชื่อว่า จะมีผู้ใช้รถพิคอัพส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเปลี่ยนไปใช้อีโคคาร์
ข้อดีอันโดดเด่นของรถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ อีโคคาร์ คือ เป็นรถราคาประหยัดเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน โดยเฉพาะในเมือง ลดการใช้พลังงาน ปัญหามลพิษจึงเข้าถึงตลาดส่วนใหญ่ได้มาก ดังนั้นยอดขายรวมของตลาดรถยนต์ทั้งหมดคงจะได้รับผลกระทบเราคาดว่า ผู้บริโภคที่จะซื้ออีโคคาร์ คือ กลุ่มของคนที่ซื้อรถยนต์คันแรก ซึ่งก่อนหน้านั้นอาจจะเคยมีรถยนต์มือสองมาก่อน ในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุที่เป็นรถยนต์ประหยัดพลังงาน ราคาไม่แพง ตรงนี้เอง อาจดึงดูดผู้ซื้ออีกกลุ่ม คือ กลุ่มที่มีครอบครัวแล้ว และกำลังหารถคันที่สองสำหรับครอบครัว
นโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น "ดีทรอยท์แห่งเอเชีย" รวมไปถึงความพยายามที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์โดยภาพรวมในหลายๆ ทาง อาทิ สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และเรื่องสิทธิพิเศษในการลงทุน (ผ่านทางสำนักงานส่งเสริมการลงทุน BOI) เราอยากเห็นการนำนโยบายเหล่านั้นไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ความต่อเนื่องของนโยบายก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันการส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศทางการลงทุนภายในประเทศ
อีซูซุ
"ลูกค้าจะให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดน้ำมันมากขึ้น ซึ่ง อีซูซุ ได้เปรียบเนื่องจากเครื่องยนต์เป็นซูเพอร์ คอมมอนเรล"
ปนัดดา เจณณวาสิน กรรมการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
"เห็นด้วยกับการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลลอยตัว เพราะที่ผ่านมาการพยุงราคาทำให้เกิดภาวะหนี้สินการลอยตัวไม่ได้หวือหวา แต่เป็นทีละขั้น ไม่เกิดผลกระทบรุนแรงต่อรถเครื่องยนต์ดีเซลจะเห็นได้จากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปรับ 60 สต. และหลังจากนั้นปรับเพิ่มอีก 3 บาทเมื่อมองที่ตลาดก็ยังคงเหมือนเดิม ที่มีเปลี่ยนแปลงคือลูกค้าจะเน้นให้ความสำคัญเรื่องการประหยัดน้ำมันมากขึ้นในการตัดสินใจซื้อสินค้า
หากมองในระยะสั้นรถพิคอัพจึงไม่กระทบ เพราะส่วนใหญ่จะใช้ในเรื่องของการบรรทุกงานอเนกประสงค์ แต่ที่กระทบมากตอนนี้เห็นจะเป็นจักรยานยนต์ที่ยอดขายตกลงทุกเดือน
อีโคคาร์ ไม่สามารถที่จะแทนที่รถพิคอัพได้ เพราะเป็นรถเล็กที่ใช้ในเมือง แต่ใช้เดินทางไกล และบรรทุกของหนักไม่ได้ น่าจะกระทบกับรถเก๋งธรรมดา อีซูซุ อยากให้รัฐบาลสนับสนุนรถพิคอัพให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ ที่ผ่านมาก็ส่งเสริมสนับสนุนตลอด ทำให้ทุกค่ายมาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตทั้งหมด เพราะอีโคคาร์ หรือพิคอัพ ทุกประเทศมีหมดแล้ว ถ้าต้องการให้ไทยเป็น ดีทรอยท์ออฟ เอเชีย ต้องสนับสนุนในเรื่องของปริมาณที่เพิ่มขึ้น
ส่วนยอดขายปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 650,000 คัน มีรถพิคอัพ 60 % เช่นเดิม ดังจะเห็นว่าตลาดปีนี้ไม่ดุเดือดเหมือนกับปีที่แล้ว ในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 680,000 คัน เนื่องจากฐานเริ่มใหญ่ขึ้น ส่วนแบ่งรถพิคอัพยังเป็นปริมาณเท่าเดิม รวมถึงในปีหน้ารถพิคอัพจะเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นคอมมอนเรลทั้งหมด ซึ่งจะประหยัดน้ำมัน ซึ่งจุดนี้ อีซูซุ ได้เปรียบเนื่องจากเครื่องยนต์เป็น ซูเพอร์ คอมมอนเรล และลูกค้าให้การยอมรับจนถึงปัจจุบัน และยืนยันสำหรับการครองอันดับหนึ่ง รถเพื่อการพาณิชย์ และภูมิใจที่เป็นรถที่ขายดีที่สุดในเมืองไทยขณะนี้"
เกีย
"น้ำมันดีเซลลอยตัว มีผลต่อยอดขายแน่นอน แต่บริษัทก็ไม่สามารถปรับขึ้นราคารถได้เนื่องจากคู่แข่งยังไม่มีการปรับราคา"
สาธิต เตชะลาภอำนวย ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด รถเพื่อการพาณิชย์ บริษัท ยนตรกิจเกีย
มอเตอร์ จำกัด
"ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัวมีผลต่อยอดขายแน่นอน เริ่มตั้งแต่ภาคการผลิต เพราะ เกียเป็นรถนำเข้าทั้งคัน ฉะนั้นค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งมีผลตั้งแต่ออกจากโรงงานส่งมาเมืองไทย ค่าขนส่งปรับเปลี่ยนหลายครั้งแล้ว นอกจากนี้ยังค่าขนส่งจากท่าเรือไปยังคลังสินค้าและส่งไปยังโชว์รูมต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย แต่อย่างไรบริษัทก็ไม่สามารถปรับขึ้นราคารถได้เนื่องจากคู่แข่งยังไม่มีการปรับ เราจึงต้องตรึงราคาไว้
จึงทำให้ เกีย เสียเปรียบค่ายยักษ์ใหญ่ที่มีการประกอบภายในประเทศ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งก็จะได้รับผลกระทบเหมือนกัน เพราะชิ้นส่วนต่างๆ และวัตถุดิบก็ต้องปรับราคา และสิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลไปยังลูกค้า
แต่ เกีย มีความโดดเด่น มีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจ เพราะ เกีย จัมโบ เค 2700 มีขนาดที่ใหญ่ที่สำคัญไม่มีซุ้มล้อให้เปลืองเนื้อที่ ดังนั้นจึงทำให้เนื้อที่การบรรทุกสินค้าเพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้หมายความว่าบรรทุกน้ำหนักมากขึ้น เพราะการที่เนื้อที่เยอะขึ้นทำให้ประหยัดแต่ละเที่ยวการขนส่ง ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ดปัญหาจราจร
เหตุที่ตลาดรถพิคอัพเมืองไทยโตมาก เพราะกฎหมายเอื้ออำนวย ค่าจดทะเบียนถูกมากทำให้ตลาดรถประเภทนี้โตเร็ว ดูได้จากเมืองไทยขายรถพิคอัพเป็นอันดับ 2 ของโลกแต่การขึ้นราคาของน้ำมันดีเซลรายวัน ทำให้ทิศทางการตลาดเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจากเดิมตั้งเป้าเติบโต 10 % เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้การขายเกิดการชะลอตัว
การขึ้นราคาน้ำมันแบบวันต่อวันไม่สมควร เพราะทุกอย่างจะต้องวางแผนเสมอ น่าจะบอกเลยว่าจะขึ้นไปถึงเท่าไรและเมื่อไร ไม่ต้องกลัวว่าประชาชนจะรับไม่ได้ เพราะเมื่อถึงที่สุดแล้วประชาชนก็ต้องรับรู้อยู่ดี และคิดว่าไม่นานนี้ราคารถยนต์ก็ต้องปรับขึ้นกันหมด เพราะไม่มีใครทนกับเหตุการณ์นี้ได้
คิดว่าถ้า อีโคคาร์เกิดขึ้นจริงๆ รถทุกประเภทได้รับผลกระทบทั่วถึงกันหมด ไม่ว่าจะเป็นรถพิคอัพหรือว่ารถเก๋ง เพราะรถขนาดกลาง ก็จะถูกมองข้ามไปโดยทันที ทั้งในเรื่องราคาที่ถูกกว่า ประหยัดกว่าคุ้มค่ากว่า ไปไหนสะดวก อยากจะให้รัฐบาลช่วยทำให้เป็นจริงเสียที เกี่ยวกับรถอีโคคาร์เพราะอนาคตจำเป็นต้องมีจริงๆ
ในเรื่องการย้ายฐานการผลิตมาเมืองไทย มองว่าน่าจะทำได้เพราะการที่จะทำให้เมืองไทยเป็นดีทรอยท์ ออฟเอเชีย ทำไม่ยาก เมืองไทยมีสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตมาก ทั้งในเรื่องของฝีมือการผลิต ภูมิประเทศ ทุกอย่างเหมาะสมมากกว่าประเทศจีน และเกาหลีอาจจะเป็นไปได้ว่าขณะนี้เราประกอบน้อย เลยมีเวลาประณีตกับการประกอบและการผลิต แต่ถ้าวันใด ที่ต้องประกอบเป็นจำนวนมากๆ ความละเอียดรอบคอบก็จะลดน้อยลงตามไปด้วยดังนั้นจะต้องกำหนดมาตรฐานสูงๆ ไว้ก่อน เมืองไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกแค่หลักหมื่นยังน้อยไป ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ที่เป็นหลักล้าน แต่ถ้าเอาจริงคิดว่ามีความเป็นไปได้"
เมร์เซเดส-เบนซ์
"ถ้าเทียบระยะทางต่อลิตร ยังไงดีเซลก็ได้ระยะทางมากกว่า แต่เราไม่ได้บอกว่าดีเซลจะเข้ามาทดแทนเบนซิน"
ฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
"ราคาน้ำมันดีเซล อยู่ในขั้นวิกฤติอยู่พอสมควร โดยส่วนตัวเชื่อว่ามีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด ในส่วนของน้ำมันที่ใช้บริโภคในอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งทางภาครัฐได้แจ้งว่าเป็นกลุ่มที่ใช้น้ำมันเป็นรายใหญ่ เพราะภาคการผลิตอื่นๆ มีพลังงานอย่างอี่นทดแทน เช่น พลังงานไฟฟ้า แกส น้ำมันเตา เป็นต้น แต่ในส่วนของรถยนต์ได้รับผลกระทบเต็มๆ เนื่องจากอันดับแรกมีผลทางด้านจิตใจสองจำนวนเม็ดเงินที่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้จริง เช่น ถ้ารถวิ่งด้วยระยะทางเท่าเดิม ความเร็วเท่าเดิม แน่นอนอยู่แล้วว่า ค่าใช้จ่ายในเรื่องน้ำมันต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เงินในกระเป๋าก็จะลดน้อยลงไปด้วย นี่คือผลกระทบแก่ผู้บริโภคโดยตรง
แต่ภาพรวมของอุตสาหกรรมแล้ว เราต้องมองอุตสาหกรรมในแต่ละส่วนในการใช้น้ำมันว่ารถยนต์ประเภทไหนใช้น้ำมันอะไร ในภาคการขนส่งและภาคการผลิตที่เน้นการใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลักก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย คาดว่าในไม่ช้าต้องได้เห็นการปรับราคากันบ้างอย่างแน่นอน
โดยส่วนตัวสนับสนุนให้ลอยตัวน้ำมัน เพราะปัจจุบันเราบริโภคน้ำมันเกินกว่าที่เราควรจะเป็นมากขาดการวางแผนด้านน้ำมันค่อนข้างมาก ขาดการใช้พลังงานให้รอบคอบอย่างมากดังนั้นการลอยตัวน้ำมัน ต้องเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจะเลิกให้การสนับสนุนเรื่องน้ำมันหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่นโยบายรัฐที่จะพยุงราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโดยรวม แต่สิ่งที่อยากเห็นคือเรื่องนโยบายพลังงานที่ชัดเจนในอนาคต ว่ามีการวางแผนหรือแนวทางเรื่องของการใช้พลังงาน และการหาพลังงานทดแทนอย่างไร เพราะขณะนี้เราพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเป็นหลัก เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำมันในประเทศเราเอง และเมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกสูง มันก็ต้องมีผลกระทบอย่างเต็มตัวเกี่ยวกับเงินทุนสะพัด และดุลการค้า
การมองหาพลังงานทดแทนนั้น ไม่ต้องดูประเทศอี่น มองดูแค่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ที่ให้ความสำคัญในการวางแผนค่อนข้างมาก ในเรื่องแนวทางการใช้พลังงานจะออกมาในรูปแบบไหนโดยเริ่มหาพลังงานอื่นๆ ทดแทนน้ำมันแล้ว แต่สำหรับบ้านเราคงมองหาแนวทางไว้แล้วแต่จะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนกว่านี้ ไม่ใช่ว่าพอราคาน้ำมันขึ้นก็ออกมาบอกให้ประหยัดซึ่งอันนี้ไม่ถูกต้อง
และเมื่อน้ำมันขึ้นราคา ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อรถของผู้บริโภค อาจจะถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมรถยนต์ก็ว่าได้ ในอดีตผู้ซื้อรถจะเน้นภาวะทางด้านจิตใจเป็นหลัก โดยจะเลือกรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยถูกใจ แต่ความจำเป็นในการใช้งานจริงอาจจะไม่ใช่ บางคนครอบครัวใหญ่ก็อาจจะมองรถประเภท เอมพีวี ดีกว่าซื้อรถขนาดเล็ก 2 คัน ดังนั้นมองว่านี่ก็ถือเป็นจุดหักเหเหมือนกันแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโถค
ยอดขายปีนี้ อาจจะต้องชะลอตัว ไม่ต้องมองไปไกล แค่ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมารถที่อยู่บนทางด่วนเริ่มลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะเป็นที่ว่า เมื่อต้องบวกค่าทางด่วนและค่าน้ำมัน คนเราก็ต้องปรับตัวเองในการใช้รถ
บริษัทนำรถเครื่องยนต์ดีเซลมาเป็นทางเลือก ถ้าเทียบระยะทางต่อลิตร ยังไงดีเซลก็ได้ระยะทางมากกว่า แต่เราไม่ได้บอกว่า ดีเซลจะเข้ามาทดแทนเบนซิน แต่อยากบอกว่าบริษัทมองที่จะนำเทคโนโลยียานยนต์เข้ามา ซึ่งมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ แกสโซลีน เอนจิน กับ ดีเซลเอนจิน คาแรคเตอร์ของเครื่องดีเซลและเบนซินไม่เหมือนกัน อันนี้ต้องยอมรับ คงต้องเลือกให้ถูกกับพฤติกรรมการใช้
การที่รัฐบาลสนับสนุนรถประเภท อีโคคาร์ โดยส่วนตัวแล้วมีแนวคิดไม่เหมือนใครคือถ้ารัฐบาลกำหนดอีโคคาร์ ต้องกำหนดด้วยว่าต้องวิ่งได้เท่าไร ไม่ใช่มองว่าเทคโนโลยีปัจจุบันได้เท่าไร เช่นต้องบอกเลยว่า ต้องการรถที่วิ่งได้ 30 กม./ชม. ในลักษณะราคาน้ำมันในปัจจุบันก่อน และต้องกำหนดมลพิษไอเสียเท่านั้นเท่านี้ ให้กำหนดมาตรฐานสูงไว้ก่อนเหมือนกับที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทำการวิจัยอยู่
และเมื่อรัฐบาลกำหนดหัวข้อให้แล้ว บริษัทรถยนต์ก็ต้องรับโจทย์นี้ไป แต่สิ่งที่ไม่ต้องการคือให้ค่ายรถที่มีรถแล้วนำมาเสนอก่อน แล้วค่อยหาข้อสรุป เพื่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ผู้บริโภคอย่างสูงสุด ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน พูดง่ายๆ คืออยากจะให้สร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อรองรับผู้บริโภคภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
ในส่วนเรื่องการย้ายฐานการผลิต เมืองไทยเรามีศักยภาพเพียงพอ ทั้งในแง่ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆทักษะแรงงานในประเทศก็สูงมาก ไม่เป็นสองรองใคร แต่สำหรับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในอุตสาหกรรมรถยนต์ของเมืองไทยนั้น มองว่าหลักสูตรการเรียนการสอนยังเป็นหลักสูตรเก่าอยู่ดังนั้นน่าจะมานั่งคุยและปรับปรุงกันระหว่างผู้ประกอบการรถยนต์กับสถานการศึกษา และทั้งสองส่วนนี้จะได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน อุตสาหกรรมรถยนต์จะได้มีประสิทธิภาพแน่นอน
มิตซูบิชิ
"มองในแง่ของการแข่งขัน ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียวที่มีซัพพลายเออร์ แต่ยังมีประเทศจีนถ้าไม่เชื่อ การไหลออกของการลงทุนย่อมมี ไม่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทำให้ฟันเฟืองเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่องต่อไป"
วิกรานต์ อมตยกุล บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด
"ราคาน้ำมันดีเซลที่ลอยตัวมีผลด้านจิตวิทยาของผู้บริโภคในระยะสั้น ตราบใดที่รัฐบาลหมุนเวียนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รถพิคอัพยังขายต่อไป เพราะหากมองเศรษฐกิจในปัจจุบันการเคลื่อนย้ายสินค้าอุปโภค บริโภคจะขนส่งโดยรถพิคอัพ 1 ตัน ทำให้เศรษฐกิจเดินต่อเนื่อง เชื่อมั่นรัฐบาลทำได้อยู่แล้ว ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซันยอดขายจะตก 2-3 เดือน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ในช่วงเดือน พย.-ธค. ยอดขายก็จะปรับขึ้นมาตามปกติ
มิตซูบิชิ มีจังหวะที่ดี เนื่องจากอยู่ในช่วงเตรียมออกสินค้าใหม่ ทำให้การจำหน่าย พิคอัพ สตราดาจะหันไปเน้นที่ตลาดต่างประเทศ ส่วนเรื่องราคาน้ำมันก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่แบรนด์ก็สำคัญเพราะประหยัดแล้วเครื่องแรงหรือไม่ ซึ่ง มิตซูบิชิ มาพร้อมกับเทคโนโลยี เครื่องยนต์ แอโรไดนามิคเทคโนโลยีใหม่ ดังนั้นจึงมั่นใจในเรื่องของการจำหน่าย
กรณีการประท้วงเป็นความเดือดร้อนทั่วไป ต้องดูว่าอุตสาหกรรมใดใช้น้ำมันดีเซล เช่น ประมง ขนส่ง ซึ่งจะไปกระทบภาพรถขนาดใหญ่ รัฐบาลน่าจะมีนโยบายพิเศษสำหรับบางอุตสาหกรรมโดยส่วนตัวน่าจะประหยัดได้ เพราะมองดูว่าอะไรคือสิ่งจำเป็น จะทำให้เห็นผลออกมา
ปัญหาในเมืองไทยเกิดขึ้นตั้งแต่ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภัยแล้ง น้ำมันขึ้นราคาซึ่งเป็นปัจจัยทั้งภายใน/นอก ต้องเชื่อมั่นว่าตลาดรถโตต่อเนื่อง แต่ไม่ใช่ 8-10 % อย่างที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี ต้องยอมรับว่า ท่านประธาน มิตซูบิชิ มองถูกต้องเพราะคาดการณ์แค่ 5 % โตจากปีที่แล้ว ซึ่งก็นับว่าโตแต่ไม่สูงเท่ากับปีก่อน ส่วนปีหน้าต้องดูกันอีกครั้งว่าปัญหาระยะสั้นจะแก้ไขอย่างไร ภัยแล้งแก้ไขได้แล้ว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังแก้ไม่ได้ราคาน้ำมันเป็นนโยบายทางเลือกสำคัญที่สุด ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ เศรษฐกิจสะดุด ประหยัดทุกอย่างจะเป็นผลกระทบทั้งหมด เชื่อมั่นว่ารัฐบาลทำได้
บริษัท มิตซูบิชิ ฯ อยากรู้ว่ารัฐบาลทำอะไร ในเรื่องที่ผ่านมา ภาษี การลงทุนทำให้บริษัทรถยนต์ใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถพิคอัพ ส่งออกทุกยี่ห้อ รัฐบาลทำอะไรจึงเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาภาษี การส่งเสริมการลงทุน รัฐบาลสานต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์สิ่งเหล่านี้เอี้อเหมือนรถพิคอัพในปีที่ผ่านมา ทุกบริษัทยินดีที่จะมาลงทุนในไทย
มองในแง่ของการแข่งขัน ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียวที่มีซัพพลายเออร์ แต่ยังมีประเทศจีนถ้าไม่เชื่อ การไหลออกของการลงทุนย่อมมี ไม่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทำให้ฟันเฟืองเศรษฐกิจไม่ต่อเนื่องต่อไป
ภาษีใหม่รัฐบาลจะเอื้อประโยชน์อะไร ในขณะที่การลงทุนใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ทำให้เกิดซัพพลายการจ้างงาน อุตสาหกรรมเติบโตขึ้น มีดีทรอยท์ออฟเอเชีย การพิจารณาเรื่องภาษีกับบีโอไอทำไมถึงเลิก ไม่ควรจะใช้วิธีพ่วงเหมือนเหล้า พ่วงเบียร์ พ่วงน้ำ สินค้าทุกตัวน่าจะยืนด้วยตัวเอง"
นิสสัน
"ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัวไม่กระทบต่อยอดขาย ลูกค้าที่ตั้งใจซื้อก็จะตัดสินใจซื้อยู่ดีนิสสันจะไม่ปรับยอดขาย แต่จะปรับแผนการตลาด โดยเพิ่มงบส่งเสริมการขายให้พิคอัพ ฟรอนเทียร์
จารุมน ชยะสฤษดิ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายประชาสัมพันธ์และรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด
"ราคาน้ำมันดีเซลที่ลอยตัวในปัจจุบัน ยังไม่เกิดผลกระทบมากต่อยอดขายอาจมีบ้างในการชะลอการตัดสินใจ เพื่อดูสภาวะราคาน้ำมันอย่างไรก็ดีลูกค้าที่ตั้งใจซื้อก็จะตัดสินใจซื้ออยู่ดี เพราะรถยนต์เปรียบเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนไทย
นโยบายของ นิสสัน จะไม่มีการปรับยอดขาย แต่จะมีการปรับแผนการตลาด โดยจะเพิ่มงบประมาณในส่วนของการส่งเสริมการขายให้รถพิคอัพ ฟรอนเทียร์ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
การลอยตัวเป็นผลดีกว่าการพยุงราคาไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคตระหนักในการใช้น้ำมันมากขึ้นหรือพิจารณาทางเลือกอื่น ทางที่ดีรัฐบาลควรช่วยเหลือผู้บริโภคในเรื่องของภาษีพยุงราคาสินค้าอุปโภค บริโภคอื่นๆไม่ให้ขึ้นเกินความจำเป็น และมีปรับปรุงการขนส่งมวลชนให้ดีขึ้นซึ่งผู้ใช้รถจะได้มีทางเลือกอื่นในการเดินทาง และใช้รถยนต์เมื่อจำเป็นหรือวางแผนการเดินทางล่วงหน้า
ตลาดรถยนต์ทั่วไปยังโตอยู่แต่อาจจะไม่หวือหวาเหมือนปีที่ผ่านมาผู้ซื้อรถคงจะพิจารณาที่ความคุ้มค่า ความทนทาน มากกว่าแฟชัน แต่ค่าบำรุงรักษาสูง
สำหรับรถอีโคคาร์ถือเป็นทางเลือกหนึ่งให้ประชาชน แต่กลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มลูกค้ารถพิคอัพ เนื่องจาก ขนาดที่เล็กกว่ามาก ส่วนในเรื่องอื่นๆ คงจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริโภคแต่อย่างไรก็ตามต้องไม่กระทบตลาดรถพิคอัพ เพราะปัจจุบันหลายบริษัทได้ลงทุนย้ายฐานการผลิตรถพิคอัพมาประเทศไทย เพื่อเป็นการฐานผลิตในประเทศและส่งออก
นโยบายรัฐบาลไทยค่อนข้างสนับสนุนการลงทุนเพื่อรถพิคอัพอยู่แล้ว อยากให้พิจารณาเรื่องภาษีทั้งในเรื่องของสรรพสามิต หรือชิ้นส่วน ส่วนในเรื่องการผลิตก็เป็นภาษีเครื่องจักรที่ใช้ในการเพิ่มกำลังการผลิตให้ต่ำกว่าปัจจุบันหรือเป็นศูนย์
ส่วนในเรื่องการลงทุน นิสสัน ได้ปรับแผนการลงทุน โดยเพิ่มการลงทุนจาก 10,000 ล้านบาท เป็น 29,000 ล้านบาท เพื่อขยายการผลิต และเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากขึ้นให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ดีมีคุณภาพ"
โตโยตา
"คาดว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ แผนการตลาดคงไม่มีการปรับเพราะราคาดีเซลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่รู้กันหมดแล้ว"
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
"น้ำมันดีเซลลอยตัว โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขาย โดยจากยอดขายของ โตโยตา และตลาดโดยรวมเติบโตมากกว่าปีที่แล้วแต่ไม่มากนัก ซึ่งจากยอดขาย 5 เดือนที่ผ่านมาเติบโตไปในทิศทางที่ดี เพราะรถยนต์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะรถพิคอัพที่เป็นสิ่งจำเป็นด้วยคุณสมบัติของตัวเอง คือ ใช้บรรทุก
แต่ในเชิงการตลาดถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการสะท้อนต้นทุนและราคาที่แท้จริงคือที่ผ่านมามีการใช้มาตรการพยุงราคา ทำให้ราคาไม่เป็นไปตามความจริง อยู่ที่ว่าจะลอยตัวแบบไหนถ้าค่อยๆ ลอย คนส่วนมากคงรับได้ แต่ถ้าขึ้นทีเดียวเต็มที่อาจจะชอคได้ และปรับตัวไม่ทัน แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับได้ เช่น ในกรณีของน้ำมันเบนซินที่ประกาศลอยตัว คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ โดยจะเห็นได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถเพื่อให้ประหยัดมากขึ้น
สิ้นปีนี้คาดว่ายอดขายในตลาดรวม น่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้หรืออาจจะขยายตัวเกินกว่าที่ตั้งไว้ สาเหตุเกิดจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกดังนั้นย่อมส่งผลถึงปลายปีอย่างแน่นอน ส่วน โตโยตา คาดว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้สำหรับแผนการตลาดคงไม่มีการปรับแต่อย่างไร เพราะราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นส่วนใหญ่รู้กันหมดแล้ว เนื่องจากการวางแผนนั้นเป็นการวางแผนล่วงหน้า แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่คาดการณ์ไว้ก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามสภาพของตลาด ส่วนปีหน้าคาดว่าตลาดรถยนต์ยังคงเหมือนเดิม ทั้งในเรื่องพฤติกรรมการเลือกซื้อรถ แต่อาจไม่โตมากเหมือนกับปีนี้ เพราะปีนี้มีสินค้าที่หลากหลายออกสู่ตลาด
สำหรับเรื่องของอีโคคาร์ ถ้าดูเฉพาะราคา มีผลกระทบต่อรถทั่วไปแน่นอน เพราะราคาถูกกว่าแต่ถ้าดูความเป็นจริง ยังไงรถพิคอัพก็คุ้มค่ากว่าในเรื่องการใช้งานจริง แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่กลุ่มเป้าหมายด้วยว่าต้องการใช้รถประเภทไหน ถ้าต้องการใช้งานจริง บรรทุกและขนของใช้ได้หลากหลาย ก็เลือกซื้อรถพิคอัพ แต่ถ้าต้องการใช้งานอย่างเดียวก็อาจจะเลือกรถประเภทอีโคคาร์ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าส่งผลกระทบต่อตลาดรถพิคอัพเท่าไร แต่จะไปส่งผลกระทบตลาดรถขนาดเล็กมากกว่า
อยากให้รัฐบาลมองในแง่ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศไม่ว่าจะมีนโยบายอะไรออกมา ทั้งหมดย่อมส่งผลต่อการตลาดทั้งสิ้น"
โวลโว
"การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล จะไม่มีผลต่อยอดขายของบริษัท"
โรเบิร์ท นอร์แมน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
"การชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก จนส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์ดีเซลสาเหตุเพราะการมุ่งประเด็นไปแต่ที่น้ำมันดีเซลจนทำให้เกิดความคิดว่าการใช้น้ำมันดีเซลจะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าเบนซิน ซึ่งเราอยากให้มองที่อัตราการบริโภคน้ำมันที่แท้จริง ไม่ใช่ที่ราคาน้ำมันดีเซล
สำหรับการประกาศลอยตัวผมเห็นด้วย แต่น่าจะให้ลอยตัวในขั้นตอนเดียวมานานแล้วและอาจให้การชดเชย เฉพาะบางกลุ่ม เช่น เกษตรกร และชาวประมง
ที่ผ่านมา โวลโว เพิ่งเปิดตัวรถเครื่องยนต์ดีเซล โวลโว เอส 80 ดี 5 การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดีเซลจะไม่มีผลต่อยอดขายของบริษัท เพราะความต้องการเครื่องยนต์ดีเซลในตลาดยุโรป และสหรัฐ ฯ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเชื่อว่าประเทศไทยก็มีความต้องการไม่แตกต่างกัน
สำหรับการกรณีของอีโคคาร์นั้น คิดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดรถเครื่องยนต์ดีเซลทั้งนี้เนื่องจากเป็นรถคนละเซกเมนท์ ซึ่งความจริงแล้วอยากให้รัฐบาลส่งเสริมการใช้เครื่องยนต์ดีเซลเพราะประหยัดกว่า โดยเรื่องสมรรถนะไม่เป็นรองเครื่องยนต์เบนซิน"
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/52548