รอบรู้เรื่องรถ
ระวัง "จรวดทางเรียบ"
ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่เคยเห็นรถขนท่อเหล็ก เช่น ในภาพที่นำมาลงให้ชมกัน สำหรับคนทั่วไปแล้วมองอย่างผิวเผินก็ไม่น่ามีอะไรผิดแปลก แต่ถ้าเป็นคนที่มีอาชีพเกี่ยวข้อง หรือเคยเรียนวิชาเกี่ยวกับพลศาสตร์ของของแข็งแล้วละก็ ผมว่าจะต้องเกิดความรู้สึกสยองขึ้นมาทันที
หากลองจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ารถเหล่านี้ต้องหยุดกะทันหันขึ้นมา ไม่ว่าชนท้ายรถคันหน้าหรือเพียงแค่เบรคฉุกเฉิน เพราะแรงเฉื่อยของท่อเหล็กหรือแท่งเหล็กเหล่านี้ ซึ่งถูกคาดรัดไว้เพียงไม่ให้กลิ้งตกไปด้านข้าง จะทำให้มันพุ่งทะยานต่อไปได้ ด้วยความเร็วเกือบเท่าความเร็วของรถที่บรรทุกมันก่อนชนหรือก่อนเบรค ถ้ารถคันหน้าที่ถูกชนท้าย เป็นรถตู้กระจกหลังชันจนแฉลบไม่ได้หรือเป็นรถพิคอัพ มันก็จะพุ่งเข้าเสียบหรือกระแทกคนในรถให้แหลกไปทันที หรือไม่ก็อาจกระแทกคนเดินหรือคนข้ามถนนได้
แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย และยังไม่มีใครได้เห็นความสยดสยองทำนองนี้ทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือในข่าวทางโทรทัศน์ บางคันปล่อยปลายท่อยาวยื่นไปทางด้านหลัง ทุกครั้งที่เลี้ยวหักมุมฉากตามทางแยก ก็จะกวาดไปเฉียดหัวคนที่กำลังข้ามถนน ถ้าหลบไม่ทันก็อาจจะกะโหลกยุบหรือถูกทิ่มตาจนบอดได้ กฎจราจรที่ให้ผูกผ้าแดงไว้ที่ปลายสุด แล้วจะบรรทุกอะไรยื่นไปด้านหลังก็ได้นั้น เป็นกฎหมายอายุค่อนศตวรรษที่สมควรยกเลิกไปได้แล้วครับ
ขึ้นชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้า ก็ต้องหวังลงทุนน้อยกำไรมากเป็นธรรมดา ไม่มีใครมีสำนึกเรื่องความปลอดภัยของผู้อื่นหรอกครับ รัฐมีหน้าที่ออกกฎหมายควบคุม เพื่อคุ้มครองประชาชนผู้เสียภาษี ให้ดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใครจะทำธุรกิจต้องลงทุนก่อนครับ รถที่จะขนสินค้าดังกล่าวนี้ ต้องมีตู้ปิดความยาวเกินสินค้าที่บรรทุก ไม่ใช่ว่ามีรถพิคอัพแล้วจะต้องขนทุกสิ่งทุกอย่างได้ ผมเคยเห็นรถพิคอัพซึ่งถูกต่อโครงหลังคาขึ้นไปด้านบน สูงเกินกว่าเอารถนี้มาซ้อนกันสามคัน นึกว่าฝันไปเสียอีกครับ แต่เป็นเรื่องจริง และมันก็สามารถขับผ่านตำรวจจราจรได้ทั่วเมืองเสียด้วย
เคยสังเกตไหมครับ ว่าทุกเช้าจะเห็นถนนเปียกเป็นทางทั้งๆที่อากาศดีฝนไม่ตก ใครที่ล้างรถมาใหม่ๆจะต้องหัวเสีย เพราะถูกละอองน้ำจากล้อรถคันหน้า น้ำเหล่านี้คือน้ำแข็งที่ละลายจากรถพิคอัพส่งน้ำแข็งครับ อาชีพที่กำลังเฟื่องฟูเพราะใครๆ ก็ทำได้ แค่มีรถพิคอัพหนึ่งคัน จ้างคนขับกับคนขนน้ำแข็งขึ้นลงจากกระบะเท่านั้น ปล่อยน้ำหยดไปทั่วเมือง และจะนองเต็มถนนถ้าติดไฟแดงตามแยก
นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่มีอันตรายแต่ก็ผิดหลักทางเทคนิคพร้อมกับสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นด้วย จะขนส่งน้ำแข็ง ต้องใช้รถที่เป็นตู้ปิดมิดชิด และผนังตู้ทุกด้านเป็นฉนวนกันความร้อนครับ ถ้าระยะทางไกล ควรมีอุปกรณ์สูบความร้อนออกจากภายในด้วยแบบเดียวกับรถขนไอศครีมหรืออาหารแช่แข็ง การทำธุรกิจไม่ใช่การจับเสือมือเปล่าครับ
"เบาะหนัง" ไม่ได้ดีที่สุด
สรรพสิ่งเปลี่ยนแปรไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอนนอกจากความตาย อ้าว คุยเรื่องรถกันอยู่ดีๆ แท้ๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ต้องการบอกว่า ของแพง หรูหรา หรือสำหรับเฉพาะชนชั้นนั้น วันหนึ่งก็อาจกลับกลายเป็นของธรรมดา ราคาถูก ทุกคนมีได้ ใช้ได้นาฬิกา ปากกา โทรศัพท์ โทรทัศน์ฯลฯเหล่านี้ แรกเริ่มที่ผลิตได้ก็ล้วนเป็นของใช้สำหรับอภิสิทธิ์ชนหรือเศรษฐีเท่านั้น เมื่อสี่สิบถึงห้าสิบปีก่อน เบาะหนังในรถยนต์ก็ไม่ต่างกัน อย่าว่าแต่ได้เป็นเจ้าของ หรือได้ลองนั่งเลยครับ ใครได้เห็นก็นับว่าโชคดีแล้ว
มาถึงวันนี้ แค่ซื้อรถระดับกลางก็ได้เป็นเจ้าของเบาะหรือเก้าอี้หุ้มหนังแท้แล้ว ใครที่ไม่มีแต่อยากได้แล้วเบาะเก่าก็เสื่อมสภาพพอดี สามารถสั่งหุ้มหนังแท้ได้ในราคาประมาณสองหมื่นบาทเท่านั้น ปัญหาอยู่ที่ว่าเบาะหนังแท้นั้น ดีจริงสมกับชื่อเสียงของมัน และความคาดหวังอย่างเชื่อมั่นของพวกเราหรือไม่ ตามหลักต้องเก็บคำตอบไว้ตอนท้าย แต่ผมขอตอบก่อน เพื่อให้อธิบายแบบเปรียบเทียบได้ โดยไม่เปลืองเนื้อที่ที่เหลือน้อยเต็มที ว่า "ไม่" ครับ เพราะสู้เบาะผ้าไม่ได้ในหลายหัวข้อด้วยกัน
การยึดผู้นั่งไม่ให้ลื่นไถล เบาะหนังลื่นกว่ามาก ถ้าใครจะเถียงว่าเบาะหนังที่ใช้อยู่ ไม่เห็นมันลื่น นั่นเป็นเพราะเขาใช้รูปทรงช่วยยึดร่างกายเราครับ ถ้าหุ้มด้วยผ้า จะยิ่งดีกว่าอีก
การระบายความชื้น ก็สู้เบาะผ้าไม่ได้ครับ เพราะอากาศผ่านเนื้อผ้าได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเทียบกับหนังเทียมซึ่งเนื้อตันเลย เบาะหนังดีกว่ามาก
การเป็นฉนวนความร้อนที่ดี เบาะผ้าก็ยังได้เปรียบครับ ข้อนี้อาจเข้าใจยากหน่อย ถ้าวัสดุที่หุ้มเก้าอี้เป็นฉนวนความร้อนที่ดี ตอนเย็น (อากาศเย็น) มันจะไม่ดูดความร้อนจากเนิ้อเรา ทำให้เราไม่รู้สึกเย็นวาบเหมือนถูกหนังเทียม ตอนร้อนมันก็ไม่คายความร้อนใส่ผิวหนังเราที่สัมผัส ข้อนี้ถ้าเทียบกับหนังเทียมแล้ว หนังแท้กินขาดครับ แต่แพ้เบาะผ้านิดหน่อย
การดูแลรักษา หนังแท้ได้เปรียบครับโดยเฉพาะเวลาของเหลวหกราด จะไม่ซึมเข้าเนื้อทันทีเหมือนเบาะผ้า และไม่กักเก็บฝุ่นละอองด้วย ใครใช้เบาะผ้าต้องหมั่นดูดฝุ่นเป็นระยะ บางแบบดูดไม่ค่อยออกด้วย ต้องใช้วิธีตีให้ฝุ่นฟุ้งออกมา แบบคนสมัยก่อนใช้หวายตีที่นอนนั่นแหละครับ แล้วจึงดูดฝุ่นปิดท้าย ส่วนหนังแท้ที่พวกเราส่วนใหญ่ เข้าใจว่าใช้อย่างถนอมอย่างเดียวก็พอแล้วนั้น ที่จริงไม่ใช่ครับ ต้องมีการบำรุงรักษาด้วย โดยทาน้ำมันถนอมหนังแท้ ซื้อได้ตามแผนกอุปกรณ์รถยนต์ในห้างสรรพสินค้า เน้นใช้ของต่างประเทศล้วนครับ ของไทยอย่าไปซื้อ ฟอกหนังให้ถูกต้องยังไม่เป็น จะมาทำน้ำยาถนอมหนังได้อย่างไร ร้าน TRUE VALUE ถนนติวานนท์ และสาขาชลบุรีมีของชั้นเยี่ยมให้เลือกหลายอย่างครับ ใครรักรถ ซ่อมบำรุงเล็กๆ น้อยๆ เอง และชอบของคุณภาพสูง ไปที่นี่ไม่ผิดหวัง
บรรยากาศดี บริการดี เพราะลูกค้าเขาน้อยมาก น่าเห็นใจผู้ประกอบการ ที่เจอลูกค้าแบบคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งเทียบเฉพาะราคา แต่เทียบคุณค่าและคุณภาพไม่เป็น กับพวกเสียน้อยเสียยาก จะซื้อของดีหน่อย คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายเลือกของถูก แต่กลางคืนซดเหล้าขวดละพัน จ่าย SEX WORKER อีกสามพันได้โดยไม่ต้องคิด
ความทนทาน หรือจะเรียกว่าอายุใช้งานก็ได้ เบาะหนังทนกว่าแน่นอนครับ (พวกที่กรอบ แตกลายงา นั่นใช้ของไม่ดีย้อมสีครับ มาเจอกับการใช้อย่างเดียวเข้า ก็ยิ่งเรียบร้อย) ส่วนเบาะผ้าถึงจะถนอมอย่างไร ก็จะเปื่อยไปตามอายุขัยของมันเสมอ
กลิ่น เบาะผ้าไม่มีกลิ่นครับ แต่สะสมกลิ่นแปลกปลอมได้ดี ต้องใช้อย่างถูกต้อง ส่วนเบาะหนังมีกลิ่นของมันเองในตัว คือกลิ่นหนังบวกกลิ่นน้ำยาฟอก บวกสีย้อม ใครคลั่งไคล้กลิ่นหนังแท้ก็เชิญสูดให้ช่ำปอด ใครไม่ชอบก็คงหงุดหงิดทุกครั้งที่เปิดประตูขึ้น แต่ไม่เกินสองนาทีก็จะไม่ได้กลิ่นแล้วครับ เพราะประสาทรับกลิ่นของเรา จะรับรู้เฉพาะเมื่อเปลี่ยนกลิ่นหรือความเข้มเท่านั้น
ส่วนพวกที่ทนทุกข์ทรมานจริงๆ คือผู้ที่แพ้ไอจากหนังแท้ คือไอของหนังเอง หรือไอของสารเคมีที่ใช้ฟอก ล้าง และย้อมหนัง พวกนี้มักมีอาการอักเสบของเยื่อเมือก อย่าทนใช้ครับ ไม่คุ้มกับความทรมานและเสียสุขภาพ ลองสำรวจตัวเองว่าเราแพ้หนังแท้หรือไม่
อีกข้อหนึ่งที่เป็นจุดเสียของเบาะผ้า (โดยเฉพาะที่มีสัดส่วนของใยสังเคราะห์สูง) คือการเกิดไฟ้ฟ้าสถิตที่ตัวของเรา จากการเสียดสีของเครื่องแต่งกายกับเบาะ โดยเฉพาะตอนลุกและก้าวลง พอจับบานประตูก็จะมีการคายประจุไฟฟ้า ซึ่งเจ็บปวดพอสมควรครับ จะเป็นมากตอนอากาศแห้ง เช่น หน้าหนาว ใช้วิธีจับขอบประตูไว้ แล้วก้าวลงแบบให้เสื้อผ้าถูกับเบาะน้อยที่สุดครับ
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเลือกเบาะผ้าครับ แต่ถ้าใครชอบหนัง และจุดอ่อนของมันไม่รบกวน ก็ต้องถือว่าเบาะหนัง "ดีกว่า" สำหรับผู้นั้น ทั้งหมดที่ว่ามานี้เฉพาะเบาะในรถยนต์นะครับ ถ้าเป็นเก้าอี้นั่งดีๆ ในบ้าน ทำจากต่างประเทศ ถูกหลักสรีระวิทยา ผมขอเลือกหนังครับ เพราะไม่มีปัญหาเรื่องลื่น เรื่องความชื้นจากเหงื่อ เรื่องกลิ่น (เพราะห้องใหญ่ หรือ มีการระบายอากาศ)
และสุดท้ายสำหรับผู้ที่รำคาญเสียงรบกวน เบาะหนังจะส่งเสียงทุกครั้งที่เราขยับตัว จะดังหรือค่อย ขึ้นอยู่กับผิวของหนัง น้ำยาที่เคลือบ และเนื้อผ้าของเครื่องแต่งกายเรา
ผมว่าเป็นเรื่องดีอย่างมาก ที่มีการนำหนังฟอกอย่างถูกต้องจากต่างประเทศมาให้พวกเราได้มีโอกาสเลือกซื้อใช้ ผมเชื่อว่าหนังที่ฟอกในประเทศไทย สำหรับให้คนไทยใช้ ไม่ได้ถูกฟอก ล้าง สะเทิน และย้อม (หรือ จะเรียกว่ากรรมวิธีอะไรก็ตาม) อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล ดูตัวอย่างได้จากสายนาฬิกาหนังแท้ของไทย ใส่ครึ่งชั่วโมง สารเคมีในหนัง ที่อาจผสมกับเหงื่อของเราก็ทำให้ขึ้นผื่นคันรอบข้อมือจนต้องโยนทิ้งไป นี่คือสิ่งพิสูจน์ถึงความแตกต่างระหว่างการ "ทำได้" กับการ "ทำเป็น" ครับ
ABOUT THE AUTHOR
เ
เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ