ประกันภัย
ประกันภัยเสรี คนไทยได้อะไร
โปรย: เมื่อถึงวันนั้น การผูกขาดจะเป็นของกลุ่มต่างชาติ
ซึ่งสามารถกำหนดเงื่อนไขเบี้ยประกันได้อย่างเสรี แล้วอย่างนี้ชะตากรรมของคนไทยจะเป็นอย่างไร
การประชุม APEC ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเพิ่งจะผ่านพ้นไป เมื่อ 20-22 ตุลาคม 2546
หัวข้อส่วนใหญ่ว่าด้วยการค้าเสรีที่ประเทศเขตเศรษฐกิจ 21
ประเทศจะต้องเปิดประตูลดเงื่อนไขให้แก่กันและกัน หนึ่งในการถูกผลักดันให้เกิดการค้าเสรีอย่างยิ่งคือ
การประกันภัยเสรี คำถามต่อมาจึงมีว่า "คนไทยได้อะไรจากการเปิดประกันภัยเสรี"
โลกแห่งการแข่งเสรี ทำให้เกิดการลด...แลก...แจก...แถม กันอย่างบ้าระห่ำชนิดใครดีใครอยู่
ใครไม่สู้ก็ถอยไป ถ้าการแข่งขันอย่างเสรีทางการค้าเป็นไปอย่างสมบูรณ์หมายถึง
การมีผู้ค้ามากรายและอยู่ภายใต้ความเสมอภาคเท่าเทียมกันในการแข่งขัน ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด
คือประชาชนผู้บริโภค แต่ถ้าการแข่งขันไม่สมบูรณ์ กล่าวคือ มีผู้ค้าน้อยรายหรือมีมากมาย
แต่มีรายใหญ่ผูกขาดหรือสามารถกำหนดราคา กำหนดทิศทางของสินค้าได้ทั้งหมด
เช่นนี้ถือว่าเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ไม่เท่าเทียมกัน
กรณีหลังนี้ผู้ได้รับประโยชน์จะไม่ใช่ประชาชนผู้บริโภค แต่จะเป็นผู้ค้ารายใหญ่
ธุรกิจในประเทศไทยในระยะหลังๆ
มีการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาแข่งขันมากขึ้นตามนโยบายการค้าเสรีของระบบทุนนิยมที่พยายามกดดันใ
ห้ไทยเปิดตลาดการค้าเสรี เพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรในลักษณะพิเศษ (GSP)
ในการที่ไทยสามารถส่งสินค้าออกไปขายยังประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อันได้แก่
กลุ่มประเทศอุตสาหกรรม (G8) ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีป ยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
ซึ่งถือว่าเป็นตลาดหลักของสินค้าส่งออกไทย
การกดดันของกลุ่มประเทศมหาอำนาจซึ่งมีความเจริญทางด้านวัตถุ
มีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีอันทันสมัย มีความเชี่ยวชาญทางด้านการค้า สามารถสร้างกฎกติกา
มาตรการในเชิงการค้าต่างๆ ขึ้นมาอย่างมากมาย ทำให้ไทยต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบหลายประการ
เช่น การกีดกันทางการค้า โดยตั้งเงื่อนไขต่างๆ ด้านภาษีอากร
การกล่าวหาว่าสินค้าไทยไม่ได้คุณภาพปนเปื้อนสารพิษ หรือสินค้าไทยดำเนินการขัดกับสิทธิมนุษยชน
หรือสิ่งแวดล้อม แล้วแต่จะนำมากล่าวอ้างโจมตี
ในขณะเดียวกัน
ประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นก็มีกลวิธีเจรจาเพื่อขอให้นักลงทุนของตนเข้ามาลงทุนกับไทยได้ด้วยเงื่อนไ
ขพิเศษเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งกลุ่มทุนกลุ่มธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาร่วมทุน
ลงทุนในไทยก็จะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีกำลังเงินสูง เทคโนโลยีที่ทันสมัย
และมีอำนาจต่อรองเงื่อนไขกับรัฐบาลมาก ผู้อยู่เบื้องหลังการร่วมทุนมักเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจ
การเมืองที่มีผลประโยชน์แอบแฝงเพื่อกลุ่มและพรรคพวกของตน ทุกอย่างก็เป็นไปโดยง่าย
สิ่งที่ตามมาของกระแสวัฒนธรรมการค้าเสรีของโลกมหาอำนาจ
ส่งผลให้ประเทศไทยถูกธุรกิจข้ามชาติยึดครองกว่าครึ่ง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสื่อสาร
ธุรกิจน้ำมันและพลังงาน ธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน ธุรกิจก่อสร้าง
ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต เป็นต้น
การเข้ามาขยายตัวของธุรกิจข้ามชาติดังกล่าว
ทำให้ร้านค้ารายเล็กรายน้อยต้องปิดกิจการนับพันนับหมื่น
เพราะไม่สามารถจะแข่งขันกับทุนข้ามชาติได้ ธุรกิจการผลิตซัพพลายเออร์ขายส่ง
กลับถูกบีบให้กลายเป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตสินค้าในตรายี่ห้อของต่างชาติ แทนตราสินค้าของตนเอง
นับวันธุรกิจไทยจะยิ่งหดตัวปิดกิจการเพิ่มขึ้น
แล้วท้ายที่สุดก็จะถูกครอบครองโดยต่างชาติอย่างแน่นอน
การที่รัฐบาลออกมารณรงค์ให้คนไทยใช้สินค้าไทย สำนึกถึงความเป็นไทยในระยะหลังๆ นี้
ดูว่าจะสายเกินไปเสียแล้วเพราะคนไทยได้ดูดซับค่านิยมในแบรนด์ยี่ห้อ ตราสินค้า
ของต่างชาติไปเป็นชีวิตจิตใจ คนไทยมีรสนิยมว่าสินค้าต่างชาติดีมีคุณภาพสูงกว่าสินค้าไทย
ซึ่งผลิตโดยคนไทย และราคาสินค้าต่างชาติก็ไม่ได้สูงกว่าสินค้าไทยเท่าใดนัก
เมื่อเทียบกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือที่ในความรู้สึกสินค้าไทยด้อยกว่าทุกประตู
ซึ่งในที่สุดการออกมารณรงค์ของรัฐบาลก็เป็นเพียงการทำแบบเสียไม่ได้ หรือฉาบฉวย ขอไปที
เพื่อป้องกันการถูกด่า ถูกโจมตีจากประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินเท่านั้น
ไม่มีความจริงใจในการปลุกจิตสำนึก สร้างไทยด้วยสินค้าไทยอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะทั้งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ตลอดจนนักการเมืองทั้งหลายต่างเป็นผู้ร่วมทุน
มีผลประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติทั้งนั้น
มาดูในแง่ของการประกันภัย ธุรกิจต่างชาติ การร่วมทุนต่างชาติ เต็มไปหมด
จนบางครั้งไม่แน่ใจว่าชื่อบริษัทเรียกถูกหรือเปล่า จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไรแน่
เพราะเปลี่ยนชื่อตลอดเวลา เดี๋ยวต่อหน้า เดี๋ยวเติมท้าย วุ่นไปหมด
การเข้ามาร่วมลงทุนถ้ามองในด้านของเศรษฐกิจมหภาค อาจเห็นว่าเป็นแง่ดีตามนโยบาย IMF
คือจะได้มีเม็ดเงินใหม่เติมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ซึ่งไทยเพลี่ยงพล้ำถูกมรสุมทางเศรษฐกิจซัดกระหน่ำในช่วงปี 2540
ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังไม่ฟื้นคืนชีพ
แต่ถ้ามองในแง่ของผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าเดียวกัน ก็จะพบว่าธุรกิจข้ามชาติเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว
มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย
มีกำลังทุนที่หนาและพร้อมจะโจมตีด้วยวิธีการทุ่มตลาดวัดศักยภาพและสายป่านได้ตลอดเวลา
ดังนั้นลูกค้าดีๆ จะหันหน้าเข้าหาธุรกิจข้ามชาติที่สามารถเสนอเงื่อนไขดีๆ เบี้ยประกันถูกกว่า
และสามารถจะแย่งแชร์ตลาดในกลุ่มลูกค้าดีๆ จากบริษัทไทยไปได้
ธุรกิจคนไทยก็คงต้องเศร้าไปตามๆ กันเพราะลูกค้าที่เหลือจะเป็นลูกค้าระดับที่ไม่ดี มีความเสี่ยงสูง
และต่างชาติไม่สนใจ ครั้นจะไปออกสินค้าใหม่แข่งก็ติดเรื่องการประกันภัยต่อ
เพราะการต่อเชื่อมเครือข่ายกับต่างชาติ ต้นทุนต้องสูงกว่าแน่นอน
ดังนั้นสภาพการแข่งขันจะอยู่ในฐานะเสียเปรียบต่างชาติตลอดเวลา
ถึงวันนี้ต้องบอกได้ว่าธุรกิจประกันภัยไทยน่าเป็นห่วงมาก
ประกอบกับกรมการประกันภัยกำหนดให้การจัดสรรเงินสำรองเสี่ยงภัย
ต้องเป็นเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาล
ห้ามใช้ทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์มาตีราคาประเมินด้วยแล้วบริษัทประกันภัยไทยจะต้องวิ่งหาเงิน
มาเพิ่มกองทุน จะด้วยวิธีเพิ่มทุน หาผู้ร่วมลงทุนใหม่ หรือไม่ได้ ก็ต้องรอขายให้ต่างชาติไปตามระเบียบ
สิ่งที่สะท้อนภาพรัฐบาลรวมถึงกรมการประกันภัยที่ได้ออกมาตรการต่างๆ ออกมา
พร้อมกับแสดงเจตนารมณ์ว่าเพื่อความเข้มแข็ง และมั่นคงของธุรกิจประกันภัย แต่มาตรการต่างๆ
ไม่ได้ส่งเสริมหรือพัฒนาธุรกิจไทยเลย
แต่กลับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถหรือความได้เปรียบให้กับธุรกิจข้ามชาติที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว
ถึงไม่ค่อยมั่นใจในความมั่นคงและเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัยเท่าที่ควร เพราะภายใต้รัฐบาลชุดนี้
และท่านอธิบดีกรมการประกันภัยท่านนี้มุ่งเน้นที่จะให้เปิดเสรีธุรกิจประกันเพื่อเอาใจต่างชาติตลอดเวลา
มองในแง่ของประชาชนเชื่อว่าในระยะแรกๆ อาจได้ซื้อประกันของดี ราคาถูก
ในช่วงของการแข่งขันแบบทุ่มตลาด แต่เชื่อว่าในระยะยาว
ธุรกิจไทยจะต้องพ่ายแพ้ธุรกิจข้ามชาติแน่นอน ด้วยทุนที่หนากว่า เทคโนโลยีที่ทันสมัย
ต้นทุนเชื่อมต่อภายในเครือข่ายต่ำกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ
และเมื่อถึงวันนั้น การผูกขาดจะเป็นของกลุ่มต่างชาติ
ซึ่งสามารถกำหนดเงื่อนไขเบี้ยประกันภัยได้อย่างเสรีที่ไม่มีคู่แข่งที่เป็นธุรกิจไทย
เว้นแต่จะเป็นคู่แข่งต่างชาติด้วยกัน อาจพูดคุยภาษาเดียวกัน แบ่งปันผลประโยชน์เพื่อกำหนดตลาด
แล้วอย่างนี้ชะตากรรมของคนไทยจะเป็นอย่างไร
ท่านทั้งหลายจงใคร่ครวญคิดทบทวนดูกันเองก็แล้วกัน
ท้ายนี้ก็ขอวอนถึงท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน
โปรดแสดงความรักชาติ รักแผ่นดินอย่างจริงใจหน่อย อย่หลงในอำนาจวาสนา
นำพาประเทศชาติให้ตกอยู่ในเงื้อมือต่างชาติ ทุนข้ามชาติ ธุรกิจต่างชาติ
บุกยึดแผ่นดินไทยทุกหัวระแหง แล้วธุรกิจไทยจะอยู่อย่างไร ตัวท่านเป็นไทย ขอว่าใจอย่าเป็นทาส
รักชาติ รักแผ่นดิน รณรงค์กินใช้ของไทย อุดหนุนสินค้าไทย ประกันภัยประกันชีวิตกับธุรกิจของคนไทย
ทำให้ได้จริงๆ ตัวท่านนั่นแหละต้องเป็นแบบอย่างให้กับสังคมไทย
"ประเทศไทยจะอยู่รอดปลอดภัย อย่าปล่อยให้ต่างชาติครองเมือง"
เรื่องโดย : กฤชกมล
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51870