โค้งอันตราย
ช่วยสังคม
สนุกสนานรับปีแพะกันดีอยู่นะครับ ถึงแม้จะมีกรณีของเพื่อนบ้านเรือนเคียงมาให้สะกิดหัวใจเล่นแต่ก็ได้รับการตอบแทนตามสมควรไปแล้ว ถึงแม้จะไม่ค่อยสะใจผู้ชมเท่าไรนัก
ในส่วนของการตลาดบริษัทรถยนต์เอง ก็เริ่มต้นสนุกสนานกันแต่ต้นปีเฉลิมฉลองเทศกาลกันจนงงไปหมด แค่ฉลองตรุษจีนก็ลดดอกเบี้ยเหลือแค่ 1.99 % ปีก่อนขายได้เยอะก็ต้องแถมทองกันแต่หัววัน เรียนหนังสือจบมาใหม่ก็ได้ส่วนลดสองหมื่นห้าอีกหน่อยคลอดลูกแล้วมาซื้อรถนี่คงได้ส่วนลดถึงห้าหมื่นแน่
เริ่มแกว่งปากกากันแต่ต้นปี ท่าทางจะน่าเป็นห่วง เอาเป็นว่าไปเรื่องน่ารู้โดยเฉพาะสำหรับนักการตลาด ที่ต้องเที่ยวได้สอดส่ายหาวิกฤติมาทำเป็นโอกาสจะได้หาทางทำการตลาดรถของตัวให้เจริญรุ่งเรือง เรื่องแรก เป็นเรื่องของธนาคารสมองที่ดำเนินการเพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
วุฒิอาสาธนาคารสมอง คือ ผู้ที่เกษียณอายุจากราชการแล้ว แสดงความจำนงสมัครเข้ามาจนถึงปัจจุบันมีทั้งสิ้น 1,788 คน แบ่งเป็นชาย 1,294 คน และหญิง 494 คน มีระดับการศึกษาปริญญาเอก 13.70 % ปริญญาโท 32.94 % ปริญญาตรี 41.28 % และต่ำกว่าปริญญาตรี 12.08 % โดยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ 21 สาขามุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดยให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงาน องค์กรและชุมชนรากหญ้าต่างๆ เพื่อสร้าง "ความอยู่ดีมีสุข" ให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน
ช่วงปีที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือแก่หน่วยงาน ทั้งระดับท้องถิ่น ชุมชน และสถานศึกษา อาทิให้ความช่วยเหลือ อบต. ไร่ขิง สามพราน นครปฐม แก้ไขปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมให้คำปรึกษาด้านกฎหมายที่ดิน เพราะมีปัญหาเรื่องแนวเขตพื้นที่ไม่ชัดเจน
เรื่องที่สอง ให้ความช่วยเหลือโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา โดย วุฒิอาสาธนาคารสมองจำนวน 16ท่านได้เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่เด็กนักเรียน ในโครงการตายายสอนหลานที่โรงเรียนบางขุนเทียนได้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากบุคลากรและตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของผู้อาวุโส
ถัดมาเป็นโรงเรียนดรุณสิกขาลัย ให้คำแนะนำในด้านจิตวิทยาเด็กเนื่องจากการเรียนการสอนของโรงเรียนดรุณสิกขาลัย เป็นโครงการนำร่องในการปฏิรูปการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ตามทฤษฎี การเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ด้วยปัญญา (CONSTRUCTIONISM)
ช่วยกันคนละไม้ละมือ เพื่อเสริมสร้างความเจริญของบ้านเมือง เสริมสร้างความแข็งแกร่งของประชากรลดปัญหาลงได้หนึ่งเรื่อง ดีกว่าจะให้มีปัญหาเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเรื่อง
ไม่งั้นก็ต้องยุ่งยากมาทำสงครามกันทั่วประเทศด้วยวิสามัญกันอีก
ที่เอาเรื่องนี้มานำเสนอไม่ใช่เพราะตัวเองกำลังจะเกษียณหรอกนะแต่เพื่อว่าผู้ที่สนใจจะช่วยเหลือชาติบ้านเมือง สนใจติดต่อผ่านมาทางนี้ได้นะครับ
ฟังดูดีเลยนะเนี่ย
เรื่องน่ารู้เรื่องถัดไป คนฝั่งธน น่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดี เพราะเมื่อก่อนทางรถไฟสายแม่กลองน่าจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเจ้าประจำของคนฝั่งธนทีเดียว เพราะแค่นั่งรถไฟจากวงเวียนใหญ่ไปถึงแม่กลอง คุณก็จะพบอาหารทะเลสุดอร่อย สดแบบเพิ่งขึ้นจากเรือมาทันควันนั่งทานอาหารอยู่ก็จะมองเห็นคนงานกำลังขนปลาขึ้นจากเรือ ประมาณนั้นเชียวที่เดี๋ยวนี้ถ้าอยากรำลึกความหลัง ก็ต้องขับรถกันไปเอง
นึกแล้วก็น้ำลายไหลนะครับ เสียดายที่รถไฟสายนี้เลิกไปเสียแล้ว
พอมาถึงยุคสมัยนี้ ก็มีการศึกษาเบื้องต้น เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและกระจายความเจริญด้วยการคมนาคมขนส่งระบบราง แถมด้วยเรื่องการท่องเที่ยวเช่นกัน
โครงการที่ว่า คาดว่าจะพัฒนาเส้นทางรถไฟสายแม่กลองขึ้นมาใหม่ จากวงเวียนใหญ่ถึงสถานีมหาชัยและจากสถานีบ้านแหลมถึงสถานีแม่กลอง ให้มีการเชื่อมต่อกันเป็นเส้นทางสายใหม่แล้วสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง
แล้วจะสร้างทางรถไฟยกระดับ จากสถานีรถไฟหัวลำโพง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปวงเวียนใหญ่อีกทีพอเสร็จแล้วจะก่อสร้างทางรถไฟที่ระดับพื้นดิน ไปเชื่อมต่อยังสถานีรถไฟปากท่อที่ราชบุรีนี่คือส่วนของทางรถไฟ
ขณะเดียวกันส่วนของรถไฟฟ้า บีทีเอส ก็จะต่อขยายจากสถานีตากสินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาถึงสถานีแม่กลอง เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการเดินทางจะเลือกนั่งรถไฟ หรือรถไฟฟ้าก็ได้ตามสะดวก
การเชื่อมระบบที่ว่า ช่วยลดระยะทางและระยะเวลาการเดินทางของผู้โดยสารที่จะเดินทางลงสู่ภาคใต้ประมาณ 45 กม. หรือ 1 ชม.เมื่อเทียบกับการเดินทางโดยเส้นทางรถไฟสายใต้ในปัจจุบันที่มีระยะทางถึง 135 กม. หรือ 3 ชม. และเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสงครามที่จะสามารถเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ฯ ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
ดีครับ พวกกระผมจะได้ช่วยกันไปกระจายรายได้ โดยการได้มีโอกาสไปทดสอบอาหารทะเลสดๆเหมือนดังในอดีตได้อีก ว่าแต่ว่าโครงการในฝันที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ยังเป็นแค่การศึกษาความเป็นไปได้นั่งประชุมในห้องอยู่เลยครับ ยังไม่ได้ของบประมาณ ยังไม่ได้ทำโครงการ ยังไม่ได้สำรวจยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย
ประมาณว่าถ้าจะทำจริงๆ คงแล้วเสร็จภายในอีกสักห้าปีเป็นอย่างน้อย อย่างน้อยไม่อยากบอกว่าต้องถึงสิบปี
ก็เลยยังไม่อยากบอกว่าใครเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ ขอเก็บเอาไว้เป็นเรื่องค่อนข้างลับก่อนถ้าหมากกระดานนี้ล้มลงไป จะได้นำมาแฉโพยกันให้จะ จะว่าใครเป็นคนไปกว้านซื้อที่ดักทางรถไฟเอาไว้ก่อน เหมือนแต่ก่อนไง
พอหลวงเวนคืนก็ร้องโอดโอย ว่าไม่มีที่ดินทำกิน ขอค่าเวนคืนแพงๆแต่คนได้สตางค์นั่งทำงานในห้องแอร์อยู่ในเมืองกรุงนี่แหละ
ฟังดูคุ้นๆ ไหมครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51521