มาตรวัดตลาดรถ
ทำไมรถติด ?
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนมกราคม ปี '46 กับ '45,,
ตลาดโดยรวม ,+ ,52.9 %
รถยนต์นั่ง ,+,89.8 %
รถกระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,+,40.1 %
รื่นเริงสุขสำราญรับปีแพะกันยกใหญ่ เมื่อยอดการขายรถยนต์เดือนแรกของปีพุ่งพรวดเติบโตมากกว่าปีก่อนถึง 52.9 % ขายกันทั้งตลาด 37,797 คัน ต้อนรับราคาน้ำมันที่พุ่งไม่หยุดจนหลวงท่านต้องออกมาฉุดเอาไว้อยู่
รู้สึกว่ารถติดเพิ่มมากขึ้นไหมครับ ไม่ใช่แค่ในเมืองหลวงเท่านั้น เมืองใหญ่ทุกแห่งทั่วประเทศพร้อมใจกันรถติดเพิ่มมากขึ้นทุกเวลาเร่งด่วน รวมทั้งช่วงเวลาที่มีกิจกรรมพิเศษ แถวสนามหลวงแถวสนามศุภ ฯ หรือแถวหัวหมาก รวมทั้งฝนตกลงเมื่อใด เมื่อเอย เมื่อนั้น รถก็จะต้องติด
หนนี้มีเรื่องแปลกแต่จริงมาเล่าสู่กันฟังพอหอมๆ หน่อย
ท่านทราบหรือไม่ว่าหน่วยงานด้านการจราจรในบ้านเรา ปัจจุบันนี้มีมากกว่า 26 แห่ง เช่นสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (สจร.) กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวงกรุงเทพมหานคร การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ ฯลฯ
ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ติดกันวินาศสันตะโร ท่านว่าเกิดจากสาเหตุหลักๆ คือ
ประการแรก ปริมาณผิวการจราจรไม่สามารถรองรับจำนวนรถยนต์ประกอบกับปริมาณความต้องการเดินทางในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ปี 2545 มีมากเกินกว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจรที่จะรองรับได้ คือ ปริมาณความต้องการเดินทางมีถึง 18.78 ล้านเที่ยว/วัน โดยชั่วโมงเร่งด่วนเช้ามีถึง 1.26 ล้านเที่ยว/วัน และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น 1.05 ล้านเที่ยว/วัน ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต้องประกอบด้วย โครงข่ายถนนสายหลัก/รองระบบทางด่วน ระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถโดยสารประจำทาง รถตู้โดยสาร ฯลฯ
ประการที่สอง บรรดาโครงการก่อสร้างทั้งหลายที่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่ยังก่อสร้างอยู่หรือทั้งระบบโครงข่ายวงแหวนที่ยังไม่เสร็จเหมือนกัน ทำให้การจราจรในเมืองคับคั่ง
เอาแค่สองประการก็คงพอนะครับ
เป็นสองประการที่รู้ๆ กันอยู่ และมีความพยายามแก้ไขกันมาโดยตลอด แต่อย่างว่าละครับอะไรที่ลงมือทำโดยข้าราชการ ก็คงรู้กันอยู่นะครับว่าเป็นอย่างไร
พูดไปก็เหมือนตักน้ำรดที่ตำน้ำพริกนั่นแหละ
มาเรื่องตัวเลขดีกว่า เดือนมกราคม เดือนเดียว ความต้องการของผู้บริโภคประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน ดอกเบี้ยของผู้ฝากที่เป็นสถาบันแค่ 0.25 % นิดเดียวเองหนึ่งสลึง ประกอบกับโบนัสออก เงินเดือนขึ้น แคมเปญมหาศาล ตัวเลขเลยพุ่งพรวดเป็น 37,797 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 52.9 %
ตำแหน่งแชมพ์หน้าเดิมของยอดขายรวม โตโยตา ขายได้ 13,309 คัน เพิ่มขึ้นเท่าตัว 100 % ส่วนแบ่ง 35.2 % อันดับสองยังคุมเชิงตามมาห่างๆ อีซูซุ ขาย 9,203 คัน เพิ่มเล็กน้อย 54.0 % อันดับสามเพิ่มเยอะ ฮอนดา 5,386 คัน เพิ่ม 113 % ส่วนแบ่ง 14.2 % อันดับสี่ นิสสัน ขายได้ 3,843 คัน เพิ่ม 29.0 % ส่วนแบ่ง 10.2 % อันดับห้า เปลี่ยนตำแหน่ง ฟอร์ด ขาย 1,847 คัน เพิ่มเล็กน้อย 48.0 % ส่วนแบ่ง 4.9 %
ที่น่าแปลกใจรอบนี้ มิตซูบิชิ ขายน้อยกว่าปีก่อน ลดลง 49 % ได้แค่ 1,579 คันคงเพราะวุ่นอยู่กับการบริหารแบบใหม่ๆ
พอย่อยประเภทออกมาเป็นรถยนต์นั่ง ตัวเลขก็เพิ่มสูงขึ้นน่าสนใจ ขายได้ 14,555 คัน เพิ่มขึ้น 89.8 %
ตำแหน่งแชมพ์หน้าเดิม โตโยตา ขาย 7,200 คัน เพิ่ม 198.9 % ส่วนแบ่ง 49.5 % แน่นอนว่าตัวเลขที่เพิ่มมาจากน้องใหม่ของตลาด วีออส ที่สอง ฮอนดา ขายเพิ่มเล็กน้อย 4,374 เพิ่ม 87.5 % ส่วนแบ่ง 30.1 % ด้วยตัวเลขของน้องใหม่เช่นกัน ซิที ที่สาม นิสสัน ขาย 1,308 คัน เพิ่ม 49.5% ส่วนแบ่ง 9.0% ที่สี่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 402 คัน เพิ่ม 68.2 % ส่วนแบ่ง 2.8 % ที่ห้า มิตซูบิชิ มีแต่รถหน้าเดิม ขาย 301 คัน ลดลง 59.7 % ส่วนแบ่งลดเหลือ 2.1 %
มาถึงประเภทกระบะหนึ่งตัน ไม่รวมขับเคลื่อน 4 ล้อ แน่นอนว่าต้องเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพิ่ม 40.1 % ขายได้ 16,127 คัน
แชมพ์ประจำเดือนได้แก่ อีซูซุ ขาย 7,675 คัน เพิ่ม 57.8 % ส่วนแบ่ง 47.6 % ที่สอง โตโยตา ขาย 4,063 คัน เพิ่ม 66.8 % ส่วนแบ่ง 25.2 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,119 คัน เพิ่ม 19.2 % ส่วนแบ่ง 13.1 % ที่สี่ ฟอร์ด ขาย 992 คัน เพิ่ม 28.2 % ส่วนแบ่ง 6.2 % ที่ห้า มิตซูบิชิ ขาย 844 คัน ลดลง 39.9 % ส่วนแบ่ง 5.2 %
รถกระบะ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ ลดลงจากปีที่แล้ว 3.6 % ขายได้ 16,127 คัน
แชมพ์ประจำเดือน ได้แก่ โตโยตา ขาย 1,640 คัน เพิ่ม 18.2 % ส่วนแบ่ง 45.4 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 1,280 คัน เพิ่ม 70.2 % ส่วนแบ่ง 35.5 % ที่สาม ฟอร์ด ขาย 295 คัน ลดลง 28.2 % ส่วนแบ่ง 8.2 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 276 คัน ลดลง 68.8 % ส่วนแบ่ง 7.6 % ที่ห้า มาซดา ขาย 63 คัน ลดลง 51.5 % ส่วนแบ่ง 1.7 %
รถเพื่อการพาณิชย์ ก็ขายมากกว่าปีก่อนด้วย ขายได้ 821 คัน เพิ่ม 29.3% แชมพ์ ฮีโน ขาย 305 % เพิ่ม 58.0 % ส่วนแบ่ง 37.1 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 242 คัน ลดลง 24.1 % ที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 156 คัน เพิ่มเยอะ 160.0 % ส่วนแบ่ง 19.0 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ เพิ่มเพราะมีรถส่งมอบลูกค้ามากขึ้น ทั้งตลาด ขาย 2,684 คัน เพิ่ม 131.2 % โดย ฮอนดา ขายมากที่สุด 1,012 คัน เพิ่มถึง 419.0 %
นั่นคือประชากรรถยนต์ที่ออกมาติดป้ายแดงวิ่งกันบนท้องถนนถึงแม้จะมีข่าวออกมาเป็นประจำสม่ำเสมอ ว่ารถกินน้ำมันบ้าง มีปัญหาบ้างแต่ความต้องการของผู้ใช้ก็ยังไม่เลิกรา ยังคงอุดหนุนกันเป็นประจำประกอบกับถึงช่วงจังหวะที่ต้องเปลี่ยนรถกันได้แล้ว ส่วนรถมือสอง ก็พลอยได้รับอานิสงส์กันไปด้วย
นี่ยังไม่ได้พูดถึงร้านตกแต่งรถยนต์ โดยเฉพาะรถขับเคลื่อนสี่ล้อนะครับบางคันแต่งเสียจนเกือบจะเหมือนโรงลิเกไปแล้ว เจ้าของก็ยังขับแบบภาคภูมิใจ
แต่ของกระผมเองนี่ เดิม เดิม ครับ
ไม่ว่ากันนะครับ ใจเขาใจเรา
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51518