รอบรู้เรื่องรถ
ยิ่งล้างยิ่งแย่ (ตอนจบ)
เดือนที่แล้วเราคุยกันจบแค่การล้างเครื่องยนต์ เพราะหน้ากระดาษหมดพอดี ที่จริงต้องเขียนว่าเรื่องการไม่ล้าง (ภายใน)เครื่องยนต์มากกว่านะครับ
คราวนี้มาดูที่เกียร์กันบ้าง ผมไม่แน่ใจว่ามีการชักชวนให้ล้างเกียร์ธรรมดากันมากน้อยเพียงใดภายในของห้องเกียร์ธรรมดานั้นเป็นบริเวณที่สะอาดมาก เพราะเป็นห้องแบบปิด มีเพียงช่องระบายอากาศเล็กๆ อยู่ด้านบนเท่านั้น ช่องนี้ทำหน้าที่รักษาความดันของอากาศภายในห้องเกียร์ ให้เท่ากับความดันอากาศภายนอกอยู่เสมอ เพราะอุณหภูมิภายในห้องเกียร์แปรเปลี่ยนอย่างมากเมื่อถูกใช้งาน ฟันเฟืองและน้ำมันเกียร์จะร้อนขึ้น ทำให้ผนังห้องเกียร์และอากาศภายในร้อนขึ้นตาม
เราเรียนรู้กันจากวิชาวิทยาศาสตร์แล้วว่า อากาศที่ร้อนขึ้นจะขยายตัว ถ้าไม่มีเนื้อที่ให้มันขยายตัว คือเพิ่มปริมาตรไม่ได้ ความดันก็จะเพิ่มขึ้นแทน พอความดันภายในห้องเกียร์สูงกว่าความดันของอากาศภายนอกอากาศภายในก็จะหาทางเล็ดลอดออกมาทุกที่ ถ้ามีช่องให้มันลอด
แต่ภายในห้องเกียร์ไม่ได้มีแต่อากาศครับ ส่วนหนึ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่น ที่รู้จักกันในนาม น้ำมันเกียร์ ซึ่งก็จะถูกอากาศภายในดันด้วยความดันค่าเดียวกัน และมันก็จะหาทางเล็ดลอดออกมาภายนอก โดยมีทางออกที่ง่ายที่สุดคือซีลกันน้ำมันรั่ว ที่โอบรอบเพลาอยู่นั่นเอง เพื่อป้องกันการรั่วจากการต่างความดันนี้ ห้องเกียร์ทั้งหลายจึงต้องมีช่องระบายอากาศหรือก๊าซเสมอ โดยอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุดด้านบน เพื่อไม่ให้น้ำมันเกียร์ถูกดันออกมา ส่วนใหญ่จะมีฝาครอบกันฝุ่นเข้า เพราะต้องการให้อากาศซึมผ่านได้ทั้งขาเข้าและขาออกเท่านั้น เมื่อสิ่งสกปรกและสิ่งแปลกปลอมเข้ามาไม่ได้ น้ำมันเกียร์จึงสะอาดมากครับ
และสิ่งที่ยืนยันได้ดีก็คือกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ซึ่งยาวนานเอาการ คือประมาณสามหมื่นถึงหกหมื่นกิโลเมตร หมายถึงค่าที่ผู้ผลิตรถเขากำหนดจริงๆ นะครับ ไม่ใช่ตัวแทนจำหน่ายหรือศูนย์บริการของไทย กำหนดเอาเองเพื่อให้ลูกค้ามาส่งส่วยถี่ขึ้น ส่วนเศษเหล็กที่เกิดจากการเสียดสีของหน้าฟันเฟืองนั้น หากมันมีส่วนอยู่บ้างที่จะทำให้อายุใช้งานสั้นลง โรงงานรถยนต์หรือผู้ผลิตเกียร์ก็จะติดแม่เหล็กไว้ให้ที่สลักเกลียวหรือ นอท ตัวผู้ตัวล่าง ที่มีไว้สำหรับปล่อยน้ำมันเกียร์ทิ้งเวลาเปลี่ยน ถ้ามีเราก็จะเห็นผงเหล็กจับหนาที่ผิวของแม่เหล็ก ช่างที่ดีจะเช็ดผงเหล็กนี้ทิ้ง เพื่อให้มีแรงดูดผงเหล็กได้มาก
คราวนี้มาดูเกียร์อัตโนมัติกันบ้าง ซึ่งเป็นเกียร์ที่นักรับจ้างล้างเกียร์บอกว่า ต้องล้าง ซึ่งที่จริงแล้วไม่มีความจำเป็นครับเหตุผลก็เหมือนกันเกียร์ธรรมดาที่ผมอธิบายมาแล้ว แต่มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่สองประการคือ ในเกียร์อัตโนมัติมีแผ่นคลัทช์จำนวนมากที่เสียดสีกันขณะทำงาน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะสารที่ใช้ทำผ้าคลัทช์ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นโลหะและไม่ใช่โลหะ และเป็นผงละเอียดปนอยู่ในน้ำมันเกียร์ จะถูกพาออกไปทิ้งพร้อมกับน้ำมันเกียร์ที่เราถ่ายออก
แน่นอนครับว่าเราไม่สามารถปล่อยน้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ใช้งานแล้ว ทิ้งได้หมดทั้งระบบ ส่วนหนึ่งจะต้องค้างอยู่ในทอร์คคอนเวอร์เตอร์ สัดส่วนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ถูกปล่อยทิ้งได้นี่ ก็ไม่มีค่าตายตัว ขึ้นอยู่กับการออกแบบ ซึ่งก็คือเหตุผลทางเทคนิคของผู้ออกแบบห้องเกียร์นั่นเอง มีตั้งแต่เกินครึ่งของปริมาณน้ำมันเกียร์ทั้งหมดเล็กน้อย ไปจนถึงเพียง 20% ของน้ำมันเกียร์ทั้งระบบก็มีถ้าเป็นกรณีหลัง โรงงานก็ย่อมทราบดีและเลือกระยะเปลี่ยนให้สั้นตามความเหมาะสมอยู่แล้ว
บางคนอาจจะอ้างว่าในเกียร์อัตโนมัติมีวงจรควบคุมจังหวะเกียร์ ที่เป็นช่องแคบคดเคี้ยวมากมาย (ช่างมักเรียกว่า สมอง ของเกียร์) ไม่มีปัญหาครับเพราะผงจากความสึกหรอของผ้าคลัทช์และฟันเฟืองนั้น ละเอียดกว่ามากจนไม่ทำให้เกิดปัญหาได้ และสมมติว่าบางรุ่นอาจมีปัญหาจากสาเหตุนี้ ผู้ผลิตก็จะติดตั้งหม้อกรองมาให้ด้วย สำหรับเปลี่ยนตามระยะเช่นเดียวกับหม้อกรองน้ำมันเครื่อง ที่ก้นอ่างน้ำมันเกียร์อัตโนมัติเกือบทุกรุ่น จะมีแม่เหล็กติดไว้เพื่อดูดผงเหล็กที่ปนอยู่ในน้ำมันเกียร์
ไม่ต้องไปล้างครับมันทำหน้าที่ของมันได้ตลอดอายุใช้งาน ยกเว้น ปะเก็น อ่างน้ำมันเกียร์รั่ว ต้องถอดมาทำความสะอาดอยู่แล้ว จึงค่อยจัดการกำจัดผลเหล็กนี้ทิ้งไป บางรุ่นก็มีแม่เหล็กอยู่ที่จุกถ่ายแทน ถ้าจะอ้างว่าล้างเพื่อเอาผงเหล็กนี้ออกโดยไม่ต้องถอดอ่างก็ยิ่งเป็นเรื่องโกหก เพราะเป็นแม่เหล็กถาวรแบบแรงดูดสูงครับ ไม่มีทางหลุดได้ ถ้าไม่หาอะไรขูดหรือเช็ดออก
สำหรับผู้ที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ยังไม่อยากเชื่อ (มีจริงๆ นะครับคนที่เชื่อว่าถ้าเสียเงินแล้ว ย่อมหมายความว่าจะได้อะไรดีๆ ตอบแทนกลับมาเสมอ วิธีคิดทำนองนี้อันตรายครับ) ผมอยากเขียนให้ทราบว่ามีรถหลาย ยี่ห้อ หลายรุ่น ที่โรงงานกำหนดให้ใช้น้ำมันเกียร์อัตโนมัติตลอดอายุใช้งานรถ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเลย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ดีที่สุดว่าภายในห้องเกียร์อัตโนมัติไม่มีสิ่งสกปรกที่ต้องเอาน้ำมันหรือน้ำยาใดๆ เข้าไปล้าง
ถ้าอย่างนั้นทำไมรถเกือบทั้งหมด ไม่ว่าที่ใช้เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ จึงยังต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เป็นระยะ สาเหตุหลักคือความเสื่อมสภาพในการหล่อลื่นครับ เพราะน้ำมันเกียร์ถูกความร้อนระดับต่างๆ สลับไปสลับมา ถูกไอน้ำในอากาศถูกหน้าฟันเฟืองบดขยี้ จนสารต้านการสึกหรอซึ่งเป็นสารเคมีที่ผู้ผลิตน้ำมันเกียร์ผสมไว้ในสัดส่วนที่พอเหมาะ เสื่อมสภาพไปพอสมควร แน่นอนว่าผลพลอยได้หรือเหตุผลประกอบอย่างหนึ่งคือการพาผงสารต่างๆ จากการสึกหรอที่ไม่พึงประสงค์และแขวนลอยอยู่ในน้ำมันเกียร์ ออกไปทิ้งพร้อมกับน้ำมันเกียร์เดิม แต่ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญครับ
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2546
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51488