มาตรวัดตลาดรถ
ลดภาษีร้อน ๆ จ้า
ท่านเป็นอีกคนหนึ่งใช่ไหม ที่ได้อานิสงค์จากมาตรการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ และลดภาษีของรัฐบาลที่ว่าอย่างนั้นเพราะมาตรการปรับปรุงหนนี้ เกลี่ยลงไปในหลาย ๆ สัดส่วนของประชากร ตั้งแต่มาตรการภาษีกรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กรณีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมาตรการภาษีเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือบรรดาผู้ที่เป็นหนี้ และติดอยู่ในวังวนของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อยู่มาตรการนี้ จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจที่ประสบปัญหา ปรับตัวเข้าสู่สภาพการณ์ใหม่ ๆ ได้คล่องตัวขึ้น
ถัดไปเป็นมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยขยายเวลาการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ จากการขายอสังหาริมทรัพย์ไปอีก 1 ปีขยายเวลาค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนอาคารชุดไปอีก 1 ปี
และเพื่อการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการขายที่อยู่อาศัยเดิม เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ภายในระยะเวลาหนึ่งปี โดยให้หักภาษีณ ที่จ่าย เอาไว้ก่อน เมื่อครบองค์ประกอบตามหลักการแล้ว ก็สามารถยื่นขอคืนภาษีได้จากสรรพากร
มาตรการนี้จะสนับสนุนให้ประชาชนผู้ประสงค์จะปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัยของตัวเองให้เหมาะสมกับฐานะ ...ไม่รู้ว่าฐานะดีขึ้นหรือเลวลงนะฮะ
ที่ว่ามาก็สำหรับคนที่พอมีสตางค์เท่านั้น แต่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลางที่ยังไม่ต้องอาศัยเกณฑ์เส้นความยากจน ก็มีมาตรการยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้สุทธิแรก 50,000บาท เพิ่มขึ้นเป็น 80,000 บาท โดยมีผลสำหรับเงินได้ในปี 2546
อันนี้จะช่วยลดภาระภาษีกับผู้มีเงินได้ ส่งผลต่อการเพิ่มอำนาจซื้อโดยทางอ้อม
ในส่วนผลกระทบรายได้ภาครัฐ จะสูญเสียในส่วนภาษีสรรพากร ประมาณปีละ 7,000 ล้านและค่าธรรมเนียมของมหาดไทย 4,700 ล้าน ส่วนเรื่องภาษีเงินได้ จะสูญเสียประมาณ 4,000 ล้านบาท
แต่ทั้งหมดก็เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจเข้มแข็งประชากรก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยรวม ก็จะส่งผลให้เงินรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นอยู่ดี
กลับเข้าสู่เรื่องของเราดีกว่า เพราะถึงอย่างไรบรรดาห่านทองคำก็หนีไปไหนไม่รอดอยู่แล้วมาตรการที่ออกมาทั้งหมด พูดง่าย ๆ ก็คือ พยายามต้อนบรรดาห่านหน้าใหม่ ๆ เข้าสู่เล้าให้ได้มากที่สุด
ความเจริญเติบโตของตลาดรถยนต์ในบ้านเรา กลับเข้าสู่ยุคกระทิงดุกันอีกครั้ง เพราะเพียงแค่ 11 เดือนโตขึ้นถึง 38.6 % ขายกันได้ทั้งตลาด 360,586 คัน เพียงเดือนพฤศจิกายน เดือนเดียวก็โตถึง 29.5% ขาย 34,697 คัน
ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน สองอันดับแรกยังคงเดิม นำด้วย โตโยตา ขายกระฉูด 11,450 คัน เพิ่มขึ้น 25.5% ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 33.0 % อันดับสอง อีซูซุ ขายเพิ่มเยอะ 8,913 คัน เพิ่มสูง 42.7% ส่วนแบ่ง 25.7%ที่สามเบียดโค้งสุดท้ายขึ้นมา นิสสัน ขาย 3,559 คัน เพิ่มมากที่สุด 63.9 % ส่วนแบ่ง 10.3 % ที่สี่มัวแต่เตรียมรถใหม่ฮอนดา ขาย 3,400 คัน ปล่อยให้คนแถวสี่แยกปทุมวันหัวร่อไปก่อน เพิ่มเล็กน้อย 8.5% ส่วนแบ่ง 9.8%และที่ห้ายังรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ มิตซูบิชิ ขาย 2,444 คัน ลดลงเพราะมีแต่หน้าเก่า ๆ เหลือน้อยกว่าปีก่อน 9.3 % ส่วนแบ่ง 7.0 %
ตำแหน่งยอดรวมยังคงเช่นเดิม โตโยตา ขายได้ 115,063 คัน อีซูซุ ขาย 81,759 คัน ฮอนดา ขาย 46,378คัน นิสสัน ขาย 39,950 คัน และ มิตซูบิชิ ขาย 28,196 คัน
พอมาถึงประเภทรถยนต์นั่ง กลับกลายเป็นว่ารอบเดือนนี้เป็นครั้งแรกที่ขายได้น้อยกว่าปีก่อน ลดลงถึง15.2 % ขายได้เพียง 7,647 คัน พอรวมตั้งแต่ต้นปี ยังคงขายได้เพิ่มขึ้น 20.9 % เพราะสะสมมาดีตั้งแต่ต้นปี ขายรวม105,068 คัน
ตำแหน่งแชมพ์เช่นเคย โตโยตา ขาย 3,725 คัน เพิ่มนิดเดียว 3.5 % ส่วนแบ่ง 48.7 %
อันดับสอง ฮอนดา ขายน้อยกว่าเก่าเยอะ 1,568 คัน ลดลง 46.8 % ส่วนแบ่ง 20.5 % ที่สาม นิสสัน ขาย 818 คันเพิ่ม 13.8 % ส่วนแบ่ง 10.7 % ที่สี่ มิตซูบิชิ 416 คัน ลดลง 47.9 % ส่วนแบ่ง 5.4 % และที่ห้า เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย363 คัน เพิ่ม 5.8 % ส่วนแบ่ง 4.7 %
ผู้เสียภาษีเข้าหลวงเยอะสุด แจกวาร์ ขาย 6 คัน และ โพร์เช ขาย 6 คัน เช่นกัน
ประเภทรถกระบะหนึ่งตัน ไม่รวมขับเคลื่อนสี่ล้อ เพิ่มขึ้น 59.0 % ขายได้ 17,916 คัน
ขณะที่ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีขายได้ 166,976 คัน เพิ่ม 56.9 %
แชมพ์ประจำเดือนได้แก่ อีซูซุ ขาย 7,135 คัน เพิ่ม 48.7 % ส่วนแบ่ง 39.8 % ที่สอง โตโยตาขาย 5,040 คัน เพิ่ม 69.0 % ส่วนแบ่ง 28.1 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,386 คัน เพิ่ม 106.8 % ส่วนแบ่ง 13.3% ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 1,453 คัน เพิ่ม 20.6 % ส่วนแบ่ง 8.1 % ที่ห้า ฟอร์ด ขาย 1,171 คัน เพิ่ม 33.4 % ส่วนแบ่ง 6.5 %
รถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุก ก็ยังเพิ่มเล็กน้อย 19.3% ขายได้ 920 คัน รวมแต่ต้นปี เพิ่ม 22.7% ขาย8.967 คัน แชมพ์ประจำเดือน ฮีโน่ ขาย 383 คัน เพิ่มเยอะ 91.5 % ส่วนแบ่ง 41.6 % ที่สอง อีซูซุ ขาย 327 คัน ลดลง31.6 % ส่วนแบ่ง 35.5% และที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 90 คัน แต่ยังเพิ่มอยู่ 63.6 % ส่วนแบ่ง 9.8 %
รถขับเคลื่อนสี่ล้อทุกประเภท ไม่รวมรถกระบะ 1 ตัน หรือ เอสยูวี ขายได้ 1,951 คัน เพิ่ม 389 %ขณะที่ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีขายได้ 19,250 คัน เพิ่ม 242.5 %
แชมพ์ประจำเดือน คือ ฮอนดา ขาย 1,705 คัน เพิ่ม 847.2 % ส่วนแบ่ง 87.4 % ที่สอง แลนด์โรเวอร์ ขาย82 คัน เพิ่ม 57.7 % ส่วนแบ่ง 4.2 % ที่สาม ซูซูกิ ขาย 71 คัน เพิ่ม 29.1 % ส่วนแบ่ง 3.6 % ที่สี่ ไครสเลอร์ ขาย 40 คันเพิ่ม 150 % ส่วนแบ่ง 2.1 % ที่ห้า บีเอมดับเบิลยู ขาย 17 คัน เพิ่ม 112.5 % ส่วนแบ่ง 0.9 %
นั่นคือภาวะในช่วงปลายปี ที่พอเดือนสุดท้ายของปีก็มีมหกรรมกระหน่ำลดราคาทำเอายอดจองในงานมหกรรมยานยนต์พุ่งกระฉูดเป็นครั้งแรก อ้อ เพราะมีชิงโชครถอีกคันด้วยนะฮะ
นี่แหละฮะสไตล์ เข้าใจรถ เข้าใจคุณ ของเราละ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51458