ร่มไม้ชายศาล
"หลบไม่พ้น"
พูดถึงการหลบหลีกเอาตัวรอด หรือพูดสั้นๆ คำเดียวว่า "เขี้ยว" หรือ "เบี้ยว" ที่เกิดในบ้านเมืองเราต้องยกให้ "บริษัทประกันภัย"เป็นเจ้ายุทธจักร หาใครเทียบยาก สร้างความหาวเรอให้แก่สาธารณชนคนไทยมานักต่อนัก
รายนี้ก็เหมือนกัน "นายน้ำตาล" เจอเข้าตัวเองชนิดขมปี๋ก็แล้วกัน เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ รถยนต์ของ นายน้ำตาล ไปปะทะกับรถยนต์ของคนอื่น
เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ตำรวจเข้ามาเมียงมองส่องดูเหตุการณ์ ฟันธงว่า ผิดทั้งคู่ ประมาททั้งคู่นั่นแหละอย่ามาโก่งคอเถียงกันให้เมื่อยให้รถติดอีนุงตุงนัง
คนขับรถของ นายน้ำตาล กับคู่กรณีไตร่ตรองดูตามรูปเรื่องแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ยอมรับว่าต่างคนต่างประมาทตำรวจจึงเปรียบเทียบปรับ เอาเงินเข้าหลวงเล็กน้อย เนื่องจากไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย คดีอาญาถือว่าจบแบบเจ๊ากันไป
หันมาหาเรื่อง "ค่าเสียหาย" งานนี้ส่อเค้าว่าง่าย ตำรวจชี้ช่องให้ "เจ๊า" อีกเหมือนกัน ในเมื่อขับรถชุ่ยทั้งคู่แบบนี้ "ต่างคนต่างซ่อม"ก็สิ้นเรื่อง นายน้ำตาล ซึ่งรุดมายังที่เกิดเหตุกับคู่กรณีใช้เวลาไตร่ตรองพักใหญ่ เพราะเสียหายแยะทีเดียว ในที่สุดก็โอเคเรื่องทางแพ่งเกี่ยวกับค่าเสียหายถือว่าเจ๊า ตำรวจทำบันทึกตกลงแล้วต่างฝ่ายต่างหน้าจ๋อยกลับบ้านใครบ้านมัน
นายน้ำตาล ไม่สู้เดือดร้อนอะไรมากนัก เพราะรู้อยู่ว่าจ่ายเงินก้อนหนึ่งทำประกันไว้แล้วที่ "บริษัท ไม่ห่วยประกันภัย จำกัด"เป็นประกันชั้นหนึ่งวงเงินคุ้มกับความเสียหายแน่นอน จึงติดต่อบริษัทให้รับผิดชอบจ่ายค่าซ่อมให้ด้วย
ตอนแรก บริษัทไม่ห่วยประกันภัย ยังไม่ห่วยเหมือนชื่อ เขี้ยวยังไม่งอก ความเบี้ยวยังไม่กำเริบ จึงส่งรถไปให้อู่ในสังกัดจัดการซ่อมให้ประเมินแล้วค่าซ่อมราวๆ 1 แสนบาท
ถึงนาทีนี้เจ้าของรถที่เกิดเรื่องอย่าเพิ่งนอนใจหรือนอนกายเอกเขนก คิดว่าไม่มีปัญหา ได้รถมาขี่ตามปกติเพราะเขี้ยวบริษัทประกันอาจจะงอกโง้งออกมาได้เสมอ แม้จะตกลงกันดิบดี เอารถเข้าอู่ซ่อมให้เราแล้ว
รายนี้ก็อย่างที่บอก นายน้ำตาล เทียวไล้เทียวขื่ออู่ซ่อมรถนับหนไม่ถ้วน เวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ เซ็งแล้วเซ็งอีก รถจึงซ่อมเสร็จปรากฏว่าหงายท้องออกมา ทางอู่ไม่ยอมปล่อยรถ เพราะบริษัทประกันเบี้ยว ปฏิเสธไม่จ่ายค่าซ่อมเฉยเลย
ตกหนัก นายน้ำตาล ต้องขวนขวายหาเงินไปจ่ายค่าซ่อม 1 แสนบาทเป็นการสำรองไปก่อน แล้วหาเงินอีกจำนวนหนึ่งไปจ้างทนายกระวีกระวาดยื่นฟ้องบริษัทประกันโดยด่วนก่อนที่จะขาดอายุความ บังคับให้จ่ายค่าซ่อมตามสัญญาประกันจำนวน 1 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ย
บริษัทประกันไม่ครั่นคร้ามอยู่แล้วเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล จัดแจงสู้คดี ให้การว่าเกิดเหตุขึ้นแล้ว นายน้ำตาลดันไปตกลงยินยอมกับคู่กรณีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท ถือว่าทำผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่เขียนมัดไว้ชัดเจนเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม ค่าเสียหายจริงๆ แค่ไม่เกิน 2 หมื่นบาท ขอให้ยกฟ้อง
เห็นหรือยังว่าเขี้ยวของบริษัทประกันงอกออกมาแบบไหนแม้กระทั่งค่าเสียหายที่บริษัทประกันเคยยอมรับเมื่อส่งรถไปอู่ซ่อมยังเถียงดื้อๆ ว่าไม่เกิน 2 หมื่นบาท ห่างไกลจาก 1 แสนบาทแบบสุดกู่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับบริษัทประกันในข้อที่ว่า นายน้ำตาล ทำผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ พิพากษายกฟ้อง
นายน้ำตาล เซ็งหนักเข้าไปอีก ต้องดิ้นรนด้วยการยื่นอุทธรณ์ ยืนยันว่าการตกลงกับคู่กรณีต่างคนต่างซ่อมไม่เข้าข่ายผิดเงื่อนไขตามที่บริษัทประกันกล่าวอ้าง บริษัทประกันต้องจ่ายค่าซ่อมตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วโอเค เห็นด้วยกับ นายน้ำตาล พิพากษากลับ บังคับให้บริษัทประกันจ่ายค่าซ่อมรถให้แก่ นายน้ำตาล 1แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย
อย่าคิดว่าจะได้เงินง่ายๆ เพราะบริษัทประกันถนัดในการเล่นเกมยาวด้วยการยื่นฎีกาลากจนครบสามศาล ทู่ซี้อ้างว่า นายน้ำตาลทำผิดเงื่อนไขเรื่องต่างคนต่างซ่อม ทำให้บริษัทประกันเสียหาย หมดโอกาสไล่เบี้ยเรียกร้องให้คู่กรณีของ นายน้ำตาล รับผิดต้องยกฟ้องลูกเดียว
ศาลฎีกาจึงไม่เหงามือมีงานทำอีกคดีหนึ่ง พิจารณาคดีนี้อย่างสุขุม แล้วชี้ขาดออกมาว่า
เงื่อนไขที่เขียนไว้ระบุว่า "ผู้เอาประกันหรือคนทำประกันต้องไม่ตกลงยินยอม เสนอ หรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลใด
โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท เว้นแต่บริษัทมิได้จัดการต่อการเรียกร้องนั้น"
ตีความแล้วหมายความว่า ถ้ามีการเรียกร้องให้คนทำประกันจ่ายค่าเสียหายให้แก่บุคคลอื่นคนทำประกันรถหรือเจ้าของรถต้องไม่ยินยอม เสนอ หรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทประกัน
เงื่อนไขแบบนี้มีความมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้คนทำประกันก่อหนี้แล้วมีผลผูกพันถึงบริษัทประกัน โดยบริษัทประกันไม่ได้ยินยอม
ไม่ได้หมายความว่ายกเว้นความรับผิดของบริษัทประกันทั้งๆ ที่ต้องรับผิดหรือห้ามไม่ให้คนทำประกันสละสิทธิเรียกร้องจากบุคคลอื่นใดแล้วมีผลถึงสิทธิไล่เบี้ยของบริษัทดังที่บริษัทประกันอ้าง
เมื่อได้ความว่า คนขับรถของ นายน้ำตาล ตกลงสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายต่อกัน แต่ไม่ได้ยินยอมเสนอหรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายแก่คู่กรณีดังที่บริษัทประกันอ้างหรือตามที่มีเงื่อนไขมัดไว้ นายน้ำตาล จึงไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขบริษัทประกันหนีไม่พ้น ต้องจ่ายค่าซ่อมตามฟ้อง
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้
ถ้ามองอย่างกลางๆ ไม่ถล่มบริษัทประกันซะทีเดียว บริษัทเขาเกรงว่ารถที่มีประกันไม่สนใจเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีแบมือเรียกร้องให้บริษัทประกันจ่ายตะพึด จึงเขียนกติกานี้ขึ้นมาในสัญญาประกันและกลายเป็นข้ออ้างให้คนทำประกันเวียนหัวพอสมควร
ข้ออ้างนี้บริษัทประกันจะหยิบยกขึ้นมาต่อรองเสียก่อนว่า เจ้าของรถทำผิดเงื่อนไขแล้วนะ จะไม่ได้ค่าซ่อมหรอกนะอย่าหาว่าบริษัทประกันหัวหมอ เอางี้ดีไหม ตกลงจ่ายให้ส่วนหนึ่งครึ่งหนึ่ง เจ้าของรถรำคาญหรือขี้เกียจขึ้นศาลหรือไม่แน่ใจว่าศาลจะตัดสินออกมาแบบไหน ก็ยอมหยวน บริษัทประกันสบายโก๋ไปงานหนึ่ง
ครับเรื่องของการทำประกันอันที่จริงบริษัทรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ได้จ่ายทุกรายไป กินดิบกินหวานเบี้ยประกันจนครบอายุประกันไม่เกิดเรื่องเกิดราวนั้นเป็นส่วนใหญ่ ที่เกิดเรื่อง ต้องจ่ายนั้นเป็นส่วนน้อยนิด
แต่บริษัทประกันทั้งหลายพยายามเล็งผลเลิศ ไม่อยากจ่ายแม้แต่รายเดียว ถ้าจ่ายไปบ้างก็ต้องหาทางไล่เบี้ยจากคู่กรณีของรถที่ทำประกันให้จงได้ จึงเกิดรายการเขี้ยวอยู่เป็นประจำจนเจ้าของรถที่ทำประกันในเมืองไทยอยากหนีไปทำประกันที่ประเทศอื่น ถ้าทำได้ จริงไหมท่านผู้ชม
ใครไม่โดนเข้ากับตัวเอง เจอบริษัทประกันหัวหมอ ไม่ได้ขึ้นศาลแบบมาราธอนกว่าจะได้เงินจากบริษัทประกันไม่มีวันรู้หรอกว่ามันแสบสันแค่ไหน
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2537
เรื่องโดย : จอมยุทธ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51456