สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์
บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายราย เลือกใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตบุคลากรด้านยานยนต์ของไทยยังขาดแคลนมิใช่น้อย ซึ่งจะเห็นได้จากแต่ละประเทศที่เข้ามาลงทุนมักจะมีผู้เชี่ยวชาญติดตามมาด้วยเสมอ
ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้เปิดการสอนสาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์ขึ้นเพื่อสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ไว้รองรับ การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต
นี่คือเหตุผลที่ "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์
ฟอร์มูลา : ในฐานะอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ท่านประเมินความสำคัญของการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีต่อการพัฒนาประเทศในระดับใด ?
ดร. อาทิตย์ : การศึกษาระดับอุดมศึกษาไม่ใช่เพียงแต่ให้เด็กจบปริญญา แล้วไปหางานทำแต่เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศทุกด้าน ทั้งด้านทรัพยากร บุคคล กำลังคน รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ประเทศเราจะมีอนาคต มีความมั่นคงแข็งแกร่งขนาดไหนขึ้นอยู่กับแนวทางและการเตรียมการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพราะถือเป็นขั้นสุดท้ายของการศึกษาก่อนที่จะออกไปเพื่อพัฒนาบ้านเมือง
ฉะนั้น บทบาทของการศึกษาก็ต้องสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทั้งแนวทางความต้องการของโลกในด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีโดยเฉพาะ นี่คือบทบาทที่ผมมองเห็นเพราะแยกออกจากความเป็นจริงไม่ได้ มันต้องอยู่ในสภาพความเป็นจริงและต้องเป็นสิ่งที่มีสาระ มีประโยชน์ไม่ใช่เรียนออกไปได้ปริญญา ถ่ายรูป ตื่นเต้นวันนั้นเพียงวันเดียว เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นค่านิยม กับสาระจริงๆ
ฟอร์มูลา : การพัฒนาด้านการศึกษาในปัจจุบันไปถึงขั้นไหน และเกี่ยวโยงกับการพัฒนาประเทศอย่างไร ?
ดร. อาทิตย์ : ความจริงแล้วพูดเฉยๆ เข้าใจกัน แต่ภาคปฏิบัติยังไม่เข้าใจการศึกษาบ้านเราเป็นการเรียนหนังสือให้จบ เอาวุฒิการศึกษาไปทำงาน แต่ยังไม่เชื่อมโยงกับแนวทางโลกความต้องการของเรา จะเตรียมความพร้อมอย่างไร ยังไม่ค่อยไปด้วยกันยิ่งในภาคการศึกษาเดิมที่เป็นของรัฐทั้งหมด ความจริงต้องชี้นำ ปัจจุบันเริ่มมีเอกชนเข้ามาร่วมด้วยแต่ยังไม่เป็นตัวชี้นำดีเท่าที่ควร
ตอนนี้รัฐกำลังจะออกมานอกระบบ ต่อไปจะให้ใครชี้นำ มันก็จะเป็นไปตามสื่อ ตัวอย่างเช่นประชาชนชอบอ่านเรื่องอย่างนี้ ชอบดูละครน้ำเน่า ก็ทำเพื่อสนองประชาชนหรือว่าต้องวางแนวทางใหม่ที่จะนำว่าทางที่ถูกควรจะเป็นอย่างไร การศึกษายิ่งต้องนำใหญ่ อย่าแข่งกันในทางที่ผิดอย่างที่บอกสถาบันของรัฐออกมานอกระบบ ต้องคำนึงถึงความอยู่รอดมากขึ้น ทำอย่างไรให้รายรับรายจ่าย พอกันคนอยากเรียนตรงไหนก็เฮกันไป เอาจำนวนเข้าว่า ซึ่งไม่ใช่ เรายังไม่รู้ผลว่าเสียหายหรือไม่เสียหายแต่ว่ามันจะออกผลในอีก 5 ปีข้างหน้า ถ้าอย่างที่อยากจะได้ไม่มี มันจะตัดโอกาสอย่างมาก
วกเข้ามาเรื่องของยานยนต์ ผมพยายามที่จะดึง ฟอร์ด เข้ามาในประเทศไทย ฟอร์อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะตั้งศูนย์ที่ประเทศไหน กำลังพิจารณาอยู่ 2 ประเทศ คือ ไทยกับอินเดียเราก็อยากจะดึงงานแรกเข้ามา คือ งานวิจัย ต้องวิจัยก่อน ไม่ใช่เข้ามาผลิตเลย เริ่มพัฒนาการผลิตก่อนโดยไม่มีอะไรเลย ผลิตอย่างเดียวทุกอย่างนำเข้ามาหมด ชิ้นส่วน คน เครื่องจักร เครื่องมือไม่มีอะไรที่เติบโตจากประเทศไทยเลย เหมือนเราปักดอกไม้สวยงาม แต่อยู่ได้เพียง 2 วันก็ตาย สิ่งที่ผมพูดเหล่านี้มันต้องปลูกในไทย เขาก็จะพิจารณาว่าที่ไหนพร้อมหรือดีกว่ากัน
ความพร้อมคืออะไร มีปัจจัยหลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุด คือ คน มีเพียงพอ มีความสามารถ ที่สำคัญที่สุดพูดกันรู้เรื่องหรือไม่ ฉะนั้นไม่ใช่เพียงมีคนอย่างเดียว ภาษาต้องดีด้วย พูดกันรู้เรื่อง เติบโตได้ไม่ใช่แต่เพียงมีคนเข้ามาทำงานในโรงงานได้อย่างเดียว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดมาก เมื่อมองย้อนหลังไป คือ อุตสาหกรรมทอผ้า เมื่อก่อนบูมมาก โรงงานทอผ้า การ์เมนท์เกิดขึ้นทั่วไปหมด แต่ก็เจ๊งไปหมด ล้มระเนระนาด ไม่เหลืออะไรเลย เพราะว่าไม่ได้ปลูกในประเทศ ไม่ได้เป็นหน่อที่เกิดขึ้นในประเทศ ถึงแม้โคนต้นจะตายไปก็สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ ไม่มีหมด แต่เป็นการย้ายฐานเพราะว่าไทยไม่ได้แข็งแรง ย้ายไปเวียดนาม จีน ถ้าเขาทำเหมือนกับเราก็จะเป็นเหมือนเราแต่ถ้าเขาฉลาดกว่าเราไปปลูกฝัง มีเทคโนโลยี มีการพัฒนาก็อาจจะยั่งยืนกว่าเรายิ่งถ้าเป็นในเรื่องยานยนต์ก็ต้องมองในภาพรวมว่าจะสนับสนุนหรือไม่ ควรจะเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศหรือไม่ถ้าเป็นยุทธศาสตร์ก็น่าที่จะส่งเสริม
ฟอร์มูลา : ความเป็นไปได้ที่ ฟอร์ด จะเข้ามาลงทุนในไทยนั้นมีมากน้อยแค่ไหน ?
ดร. อาทิตย์ : ความจริงในปัจจุบัน ฟอร์ด มีโรงงานที่ระยองแล้ว แต่การมาลงทุนของ ฟอร์ดในครั้งนี้ถือว่าเป็นโครงการใหญ่มาก ซึ่งจะแข่งขันกับ จีเอม จีเอม เลือกมาเมืองไทย แล้ว โตโยตา ก็มาอีกเลือกประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคแถบนี้ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่ในแง่ของผู้ลงทุนเขาก็ต้องดูว่ามีความพร้อมหรือไม่ ที่เห็นได้ชัดเจนคือ คน ที่ยังไม่พร้อม ทั้งคุณภาพ และปริมาณและประเทศไทยพร้อมหรือไม่ ซึ่งถ้าจะใช้เป็นศูนย์กลาง จะต้องดูความพร้อมที่เศรษฐกิจ คน และภาษาเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องภาษาอินเดียได้เปรียบกว่าเรา
ฟอร์มูลา : สถานการณ์การเมืองที่ไม่ค่อยมั่นคงมากนัก มีส่วนในการตัดสินใจของ ฟอร์ด ไหม ?
ดร.อาทิตย์ : การเมืองในประเทศไทยมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง เนื่องจากมีความเจริญมาถึงจุดหนึ่งไม่ได้มีความน่ากลัว จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นคน หรือรัฐบาล แต่ว่าไม่ได้เปลี่ยนระบอบไม่เป็นคอมมิวนิตส์อีกแล้ว มีความก้าวหน้ามากกว่า ไม่กลับไปกลับมา แต่ก็ยังมีเรื่องไร้สาระอีกมาก
ความไร้สาระตรงนี้ ทำให้คนขี้เกียจยุ่ง เหมือนเราไปต่างประเทศ เจอเล่นใต้โต๊ะ คอร์รัพชัน หนีไปที่อื่นดีกว่าถ้ามาประเทศแถบนี้มักจะเจอเรื่องอย่างนี้ เรายังมีจุดอ่อนอยู่ ยังไม่เปิดกว้าง แบบมีมาตรฐาน มีระเบียบ วินัยที่เข้าหลักเกณฑ์ ถ้าได้ก็จะเป็นตัวดึง เป็นผลดี
ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า ฟอร์ด จะตัดสินใจอย่างไร แต่เราก็พยายามดึงมาที่อุทยานวิทยาศาสตร์เป็นศูนย์วิจัยและศูนย์ต้นแบบของอุตสาหกรรมทั้งหลาย ขนาดที่ใช้ที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมแต่เป็นการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยเข้ามาตั้งโรงงาน ที่สนใจ ฟอร์ด เพราะผลิตรถยนต์ที่ใช้เอธานอล 85 % ซึ่งถ้าทำได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเกษตรของไทย เนื่องจากทำจากพืชผลอะไรก็ใช้ได้หมด
ฟอร์มูลา : การศึกษาในประเทศไทยควรจะพัฒนาไปในรูปแบบใด ?
ดร. อาทิตย์ : อันดับแรกต้องมองว่าต้องไปทางไหนก่อน อะไรที่เป็นยุทธศาสตร์ของเรา ต้องการอะไรไม่ใช่เพื่อให้เด็กมาเรียนมากๆ แต่เพื่อว่าประเทศจะได้อะไร
ในด้านยานยนต์ ผมมองว่าอย่างไรเสียรถก็จะอยู่คู่โลก ภาพเศรษฐกิจรวม อาจซบเซา ตกต่ำเมื่อ 5 ปีที่แล้วเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วทุกคนจะต้องเริ่มฟื้นตัว ความต้องการด้านยานยนต์ต้องมีแน่นอน แต่มันจะมีประเภทไหน อย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างประเทศไทยมันต้องเป็นประเภทใช้งาน เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมทุกอย่างไปพร้อมกัน ไม่ใช่พัฒนาการผลิตรถหรูหรา ต้องมองที่รถพิคอัพ ที่เติบโตอย่างมากมีความต้องการในทุกประเทศทั่วโลก และจะเห็นได้ว่ามีการพัฒนาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเทคโนโลยีที่เอาจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น มาผสมผสานกัน ทำให้มีรูปลักษณ์ที่ใหญ่ สวยงาม มีกำลังแรงมีความหรูหรามากขึ้น ซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานในวงการทุกชนิด แม้กระทั่ง ฟอร์ด เองก็ไม่ตกต่ำ มีการพัฒนารถพิคอัพซึ่งก็จะบูมมากในภูมิภาคนี้
ฟอร์มูลา : ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและมีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมคิดว่าเราควรจะพัฒนาประเทศไปในทางใด จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ?
ดร.อาทิตย์ : ต้องเน้นเกษตรกรรม จะทำอุตสาหกรรมอะไรก็ต้องเกี่ยวข้องกับเกษตร เหมือนต้นไม้ต้องมีรากแก้ว อยู่ๆเอามาปักเฉยๆ สักวันก็จะตายไป แต่อย่างอื่นก็ต้องมี เช่น ยานยนต์ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ของเราไม่ได้มีรากอะไรรองรับไว้ แต่จำเป็นจะต้องมีการพัฒนา อย่างไรก็ตามหลักใหญ่เราจะพัฒนาอุตสาหกรรมอะไรก็ตามแต่ต้องมีรากฐานมาทางด้านเกษตรกรรม
ผมเชื่อว่ามีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องทำ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาหลักใหญ่ของประเทศที่น่าจะเป็นไปได้ซึ่งหากมองแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่จะทำได้ เช่น การพัฒนาและผสมผสานในเรื่องเอธานอล ซึ่งดีมากแต่ยังไม่แพร่หลาย เพราะหากมียานยนต์ที่ใช้เอธานอลได้ 100 % โดยไม่ต้องปรับเครื่องยนต์ก็จะช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร ให้อยู่ดีกินดีขึ้น
ที่ผ่านมา ทำแล้วมีปัญหาด้านเทคโนโลยี มีส่วนผสมแค่ 10-20 % และราคาก็ไม่จูงใจเนื่องจากไม่แตกต่างจากราคาน้ำมันปกติมากนัก ก็เลยยังไม่มีใครกล้าลงทุนพอมีปัญหาเรื่องราคาน้ำมันแพงก็พูดกันทีหนึ่ง
ฟอร์มูลา : เหตุใดจึงเปิดสาขาวิชาวิศวกรรมยานยนต์ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ?
ดร. อาทิตย์ : ไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นผลสำเร็จ เราเป็นส่วนหนึ่งของประเทศความพร้อมจะเกิดขึ้นได้จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมในด้านการผลิตบุคลากร เราก็ทำในส่วนนี้
ผมมองว่ามันถึงเวลาแล้ว เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ผลิตไม่ทัน แล้วเมื่อถึงเวลาเขาไม่มาลงทุนเราก็สูญเสียโอกาส
ฟอร์มูลา : ปัญหาด้านวิศวกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในขณะนี้มีอะไรบ้าง ?
ดร. อาทิตย์ : ปัญหาด้านวิศวกรรมยานยนต์ คือไม่มียุทธศาสตร์ที่เป็นของเราเองอย่างลึกซึ้งไม่รู้จะไปทางไหนรอให้โลกไปทางไหนอย่างเดียวแล้วเราก็ตามให้เร็วที่สุด ขนาดตามเร็วที่สุดยังห่างไกลมากดูได้จากอีเลคทรอนิคส์ก้าวไปไกลมาก ของเรายังไม่มีอะไรเลยที่จะสอดคล้องกับอีเลคทรอนิคส์ด้านสื่อสารโทรคมนาคม ยังไม่มีอะไรเป็นของเราเลย อีเลคทรอนิคส์ของโลกไปถึงไมโครอีเลคทรอนิคส์เราประกอบชิพอย่างเดียว ตอนนี้ไปอีกสเตพหนึ่งแล้ว คือ นาโนอีเลคทรอนิคส์ ของไทยยังล้าหลังเขา 50-100 ปี
คณะวิศวกรรมศาสตร์ ต้องลงทุนสูงมาก เปรียบเทียบกับเกษตรที่ไม่ใช่การเพาะปลูกเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเกษตรวิทยาศาสตร์ ช่วยให้ดีขึ้น แต่ต้องไม่ทิ้งตรงจุดนี้ คนไทยมีความสามารถเรามีคนเก่งในเรื่องไมโครอีเลคทรอนิคส์ แต่ไปทำงานเมืองนอกกันหมด ซึ่งความจริงเขาก็อยากกลับมาแต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร
ผมว่าสิ่งเหล่านี้หยุดไม่ได้ เราต้องตามโลก แต่จะให้ชนะเขาก็คงไม่มีทาง เพราะเราไม่มียุทธศาสตร์ต่างคนต่างทำในแต่ละมหาวิทยาลัยไม่มีความร่วมมือกัน
ฟอร์มูลา : ไทยมีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใดในการเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเหตุใด ?
ดร. อาทิตย์ : น่าจะเป็นไปได้ถ้าเปรียบเทียบกับที่อื่น ดูได้จาก โลเกชัน เหมาะสมที่สุด แต่ก็มีคู่แข่งอย่างเช่น อินเดียจีน ที่เห็นได้ชัดคือ จีน น่ากลัวมาก เนื่องจากจะเน้นการสร้างบุคลากรด้วยการศึกษา ของไทยนั้นทำไม่ได้เนื่องจากมีทุนน้อย แต่เราก็ได้เปรียบที่ความเหมาะสมในเรื่องโลเกชัน สร้างระบบขนส่งคมนาคมให้ดีวางแผนว่าน่าจะเป็นริมฝั่งทะเลตะวันตกเหนือ
ฟอร์มูลา : ท่านมองว่าเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้เป็นอย่างไร ?
ดร. อาทิตย์ : เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง มองที่ส่งออกอย่างเดียว ความจริงแล้วติดลบ มองได้สองทาง คือบวก ลบ ประเทศไทยยังส่งออกน้อย รายได้น้อย แต่ถ้าจะทำให้ได้มาก ไม่ได้อยู่ที่การขาย การตลาด อย่างเดียวต้องอยู่ที่เทคโนโลยี ของที่ไปขายสู้ไม่ได้ ทั้งเทคโนโลยี ราคาต้นทุน ทำให้ส่งออกได้น้อยซี่งไม่ได้อยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ ขายเก่งอย่างไรแต่เทคโนโลยีสู้เขาไม่ได้ ต้องมาแข่งตรงจุดนี้ ถ้าสร้างได้ก็จะฟื้นตัว
เศรษฐกิจซบเซา อย่ามองเรื่องสถาบันการเงินเพียงอย่างเดียว ต้องมาดูที่อสังหาริมทรัพย์ด้วยการแก้ปัญหานั้นต้องแก้ในแต่ละภาค
ยกตัวอย่าง การแก้ปัญหายางพารา ซึ่งมีปัญหาตลอด อดีตที่ผ่านมายางแผ่นรมควันดิบอยู่ในสตอค 4 แสนตัน เมื่อราคาตก ก็ทำให้เกิดปัญหา เทคโนโลยีล้าสมัย ชาวสวนทำได้แต่ยางแผ่นไม่ได้มาตรฐานทำให้ยางล้นตลาด แต่หากมองในแง่ของความต้องการแล้ว โรงงานผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทยมีมากทำไมเราไม่ผลิตยางแท่งสำหรับทำยางรถยนต์ หากมีการส่งเสริมการลงทุน ให้มีคุณภาพดีขึ้น ก็อาจที่จะแก้ปัญหาได้ดังนั้นการศึกษาวางแนวทางให้ชัดเจนจะมีส่วนช่วยได้หมด
ฟอร์มูลา : จากประสบการณ์ในการทำงานระดับสูงที่ยาวนาน คิดว่าประเทศไทยในช่วงเวลา 10- 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ?
ดร. อาทิตย์ : ดีขึ้น แต่น่าจะเติบโตได้ด้วยตัวเราเอง ไม่อยากให้ใช้แบบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) การลงทุนแบบนั้นไม่ได้ผล เช่น อีเลคทรอนิคส์เข้ามา แล้วก็ออกไป เราสร้างคน ความสำเร็จเลือกอุตสาหกรรมที่ไปได้ดีกับประเทศของเรา เลือกทำในทิศทางอย่างนั้น อย่าหวังพึงต่างประเทศมากนักถ้าเป็นไฮเทคอินดัสตรีส์ คนจะมีงานทำ เรามีความพร้อมอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ชิ้นส่วนประกอบ ได้ประโยชน์ด้วยซึ่งนับว่าดี แต่ไม่ใช่ทำแบบเดิม ต้องมีการพัฒนาด้วย
ฟอร์มูลา : คิดว่าอุตสาหกรรมด้านใดที่จะเติบโตได้ดีในประเทศไทย ?
ดร. อาทิตย์ : อุตสาหกรรมอาหาร อีเลคทรอนิคส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์
ฟอร์มูลา : การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปัจจุบัน เป็นผลดี ผลเสียอย่างไร ?
ดร. อาทิตย์ : การฟื้นตัวอย่างเร็ว ถือว่าไม่เป็นผลเสีย เนื่องจากไม่ได้เป็นรถหรูสะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตมีปัจจัยอื่นประกอบ เช่น ถนนดีขึ้น ความต้องการ ความมั่นคงรายได้ของคนไทยมีมากขึ้น มีสภาพคล่อง ทำให้เติบโตทุกอย่าง คนกู้ไม่มาก แบงค์จ่ายได้
ฟอร์มูลา : ท่านมีความคิดเห็นในเรื่องการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ เขต 1อย่างไร ?
ดร. อาทิตย์ : มองที่พื้นที่ หากเปิดใหม่ไปไกลๆ ไม่ถูกทั้งหมด ต้องมองที่เหตุผล อย่าไปมองว่าเอื้อประโยชน์เนื้อแท้นั้นเอื้อประโยชน์ให้อุตสาหกรรมอื่นๆ ทำให้ทั้งประเทศได้รับผลประโยชน์ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นถ้ายึดติดพื้นที่ฝืนธรรมชาติ ทำอะไรอย่ามองด้านเดียว มีการเอื้อประโยชน์ เปรียบเทียบส่วนรวมจะดีกว่า
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51157