ทบทวนเป้าหมายของอุตสาหกรรมไทยกันอีกครั้ง ไทยนั้นประเมินปริมาณว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเริ่มทยอยกลับคืนสู่สภาวะปกติ และคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.0 % เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งปี 2565 ตลาดไทยมีตัวเลขยอดขายรวมภายในประเทศอยู่ที่ 849,388 คัน หรือเพิ่มขึ้น 11.9 % เมื่อเทียบกับปี 2564
ไตรมาสสุดท้าย สิ่งที่เป็นประเด็นใหญ่ที่ทำให้เราต้องลุ้น ว่ายอดขายในประเทศจะทำได้ตามเป้าหมายในไตรมาสสุดท้ายหรือไม่ นั้นไม่ใช่ปัจจัยเดิมอีกต่อไป เพราะปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ ได้รับการแก้ไขให้เบาบางลงไป
อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นดูเหมือนเราจะควบคุมได้ ส่วนปัจจัยภายนอกที่ส่งผลทางอ้อม เช่น ความผันผวนของสถานการณ์การเงินโลก ราคาพลังงาน และวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยภายนอก มีการปรับตัวรับมือกันมาแล้วพอสมควร
ปัจจัยที่กลับมาเป็นประเด็นปลายปีนี้ คือ เรื่องของความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ยอมรับนะครับว่า วันนี้เมื่อถึงเวลาที่เราๆ ท่านๆ ต้องควักเงินในกระเป๋าใช้จ่าย เรามักคิดถึงความคุ้มค่าของสินค้ามากกว่าเดิม ซึ่งสะท้อนความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย เราจ่ายให้สินค้าขนาดใหญ่อย่างรถยนต์ ซึ่งราคาสูง มีความคงทน แข็งแรง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ยิ่งต้องมีความละเอียด และพิจารณาให้มากกว่าสินค้าขนาดเล็ก “ราคา” จึงมีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่อย่างมากในไตรมาสสุดท้าย
แน่นอนว่า รถยนต์ในกลุ่ม BEV มีเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ตามมติคณะกรรมการนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ครั้งที่ 3/2564 และ 1/2565 ให้ออก “มาตรการกระตุ้นภาษี EV” ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 กพ. 65 แถมรถยนต์ไฟฟ้ายังได้สิทธิลดหย่อนอากรสำหรับรถนำเข้าสำเร็จรูป(CBU BEV) เพื่อการนำเข้ามาทดลองตลาด รถยนต์ไฟฟ้าเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 2 % (สำหรับรถยนต์นั่ง) เรียกว่าแทบไม่มีภาระต้นทุนทางด้านภาษีเลย
ดังนั้น บรรดาค่ายรถยนต์ที่ได้เปรียบ มีแต้มต่อทั้ง 22 บแรนด์ ก็ยังมีโอกาสไปต่อได้ น่าสนใจตรงที่ 8 ยี่ห้อ ที่ทำรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว เราพบว่ามีการตั้งราคาขายรถยนต์ได้อย่างสมเหตุสมผล สามารถแข่งขันได้กับตลาด แม้ความเชื่อมั่นในบแรนด์เหล่านั้นจะด้อยกว่าค่ายรถอื่นๆ ที่อยู่ก่อนหน้า
ผมก็ได้แต่หวังว่า แรงจูงใจทางด้านราคาจะนำพาเราไปสู่เป้าหมาย 900,000 คันได้ นี่ก็แอบลุ้นว่า หากมีค่ายรถยนต์ BEV รายใหม่ๆ มาขึ้นเวทีมหกรรมยานยนต์ ปลายปีเพิ่มเติม การมุ่งสู่เป้ายอดขายปลายปีตามที่ตั้งไว้ น่าจะเหนื่อยน้อยลง “เราคงต้องรอดู” บทความแนะนำ

