คนรักรถสปอร์ทคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า รถ 2 ที่นั่ง ติดป้ายชื่อ CHEVROLET CORVETTE (เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์) เป็นรถสปอร์ทคู่บ้านคู่เมืองของสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เริ่มนำรถอนุกรมนี้ออกสู่ตลาดเมื่อปี 1953 และเปลี่ยนรุ่นไปแล้วรวม 7 ครั้ง ในปี 1963, 1968, 1984, 1997, 2005, 2014 และ 2020
รถรุ่นล่าสุดซึ่งนับนิ้วได้ว่าเป็นรุ่นที่ 8 นี้ ก็เช่นเดียวกับรถรุ่นก่อนๆ คือ มีตัวถังให้เลือกใช้ 2 แบบ คือ ตัวถัง 2 ประตูคูเป 2 ที่นั่ง ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 กับตัวถัง 2 ประตูเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ซึ่งตามมา 3 เดือนหลังจากนั้น คือ ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ตัวถังทั้ง 2 แบบ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่รถสปอร์ทอนุกรมนี้ คือ เปลี่ยนตำแหน่งการติดตั้งเครื่องยนต์ จาก FRONT ENGINE เป็น MID ENGINE หรือจาก “วางเครื่องหน้า” เป็น “วางเครื่องกลางลำ” นอกจากนั้น เฉพาะรถเปิดประทุนก็มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่อีกเรื่อง คือ ใช้ประทุนหลังคาแบบแข็ง ไม่ใช่ประทุนอ่อนเหมือนรถรุ่นก่อนๆ ทุกรุ่น
ในปีโมเดล 2023 นี้ ทั้งตัวถังคูเป และตัวถังเปิดประทุน มีรถให้เลือกใช้ 2 โมเดล คือ CHEVROLET CORVETTE STINGRAY (เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์ สติงเรย์) กับ CHEVROLET CORVETTE Z06 (เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์ เซด 06) โมเดลแรกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง OHV วี 8 สูบ 16 วาล์ว 6,162 ซีซี 369 กิโลวัตต์/495 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลา 2.9 วินาที ส่วนโมเดลหลังใช้เครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 32 วาล์ว 5.5 ลิตร 500 กิโลวัตต์/670 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ โมเดลนี้ใช้เวลาเพียง 2.6 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.
ส่วน CHEVROLET CORVETTE E-RAY (เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์ อี-เรย์) ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ เป็นรถโมเดลล่าสุด เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันอังคารที่ 17 มกราคม 2023 คือ เป็นช่วงเวลาที่รถอนุกรมนี้มีอายุครบรอบ 70 ปี และมีกำหนดออกโชว์รูมก่อนสิ้นปีในฐานะรถรุ่นปี 2024
เป็นรถโมเดลใหม่ที่สร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นหลายรายการ คือ เป็นรถ CHEVROLET CORVETTE โมเดลแรกที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ เป็นรถ CHEVROLET CORVETTE โมเดลแรกที่เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ และเป็นรถ CHEVROLET CORVETTE ที่วิ่งได้เร็วกว่ารถโมเดลใดๆ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
เช่นเดียวกับรถโมเดลอื่นๆ ที่กล่าวไปแล้ว รถโมเดลนี้มีทั้งตัวถังคูเป และตัวถังเปิดประทุน เป็นตัวถังยาว 4.699 ม. กว้าง 2.025 ม. และสูง 1.235 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.722 ม. หน้าตา และรูปทรงองค์เอวตัวถังมีจุดต่างจากรถโมเดลอื่นๆ อยู่หลายจุด ที่สะดุดตา และเห็นได้ชัดที่สุด คือ ช่องดักลมคู่หน้า และช่องดักลมริมตัวถังทั้ง 2 ด้าน
ทั้งรถคูเปซึ่งค่าตัว MSRP เริ่มต้นที่ 104.295 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.65 ล้านบาทไทย) และรถเปิดประทุนซึ่งแพงกว่ากันนิดๆ หน่อยๆ คือ เริ่มต้นที่ 111,295 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.90 ล้านบาทไทย) ติดตั้งระบบขับไฮบริดซึ่งไม่เหมือนกับรถไฮบริดคันใดในโลก เป็นระบบที่ใช้เครื่องยนต์ และระบบเกียร์ซึ่งยกมาทั้งบลอคจากรถ CHEVROLET CORVETTE STINGRAY คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง OHV วี 8 สูบ 16 วาล์ว 6,162 ซีซี 369 กิโลวัตต์/495 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ ขับล้อคู่หลัง กับใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 120 กิโลวัตต์/160 แรงม้า ซึ่งได้พลังไฟฟ้าจากแบทเตอรี LITHIUM-ION (ลิเธียม-ไอออน) ขนาด 12 โวลท์ 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับล้อคู่หน้า ได้กำลังรวมสูงสุด 481 กิโลวัตต์/655 แรงม้า เป็นระบบขับไฮบริดที่รถจะวิ่งด้วยพลังของมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ทจนถึงความเร็ว 45 ไมล์/ชม. (ประมาณ 72 กม./ชม.)
สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ใน 2.5 วินาที และระยะทาง QUARTER MILE (ควอร์เตอร์ไมล์) หรือประมาณ 400 ม. ทำได้ใน 10.5 วินาที
CHEVROLET CORVETTE E-RAY
รถสปอร์ทคูเป และรถสปอร์ทเปิดประทุน ขับทุกล้อด้วยระบบไฮบริด
มิติตัวถัง 4.699x2.025x1.235 ม. ห้องโดยสาร 2 ที่นั่ง
เครื่องยนต์เบนซินฉีดตรง OHV วี 8 สูบ 6,162 ซีซี+มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด
กำลังรวมสูงสุด 481 กิโลวัตต์/655 แรงม้า
ราคาในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นที่ 104,295 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.65 ล้านบาท) 
