ผมขอสรุปตัวเลขเพื่อบันทึกภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในฝั่งการตลาดการขาย โดยอ้างอิงรายงานตัวเลขแลกเปลี่ยน ในปี 2565 ไทยเรามียอดขายรถยนต์รวมทุกชนิด จำนวน 849,388 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 คิดเป็น 11.9 % แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 265,069 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 5.3 % รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 584,319 คัน เพิ่มขึ้น 15.2 % รถกระบะ 1 ตัน รวมรถดัดแปลง (PPV) จำนวน 454,875 คัน เพิ่มขึ้น 15.6 % แต่หากแยกดูยอดรถกระบะอย่างเดียว มียอด 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7 %
ในช่วงปี 2565 อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยอยู่ในภาวการณ์ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยหลักๆ มาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การผ่อนคลายทางภาคการเงิน และสถานการณ์ของ COVID-19 ที่ดีขึ้น มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวก็เริ่มฟื้นตัว ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าก็มีการฟื้นตัว มีผลต่อยอดการส่งออกของไทย ส่วนปัจจัยลบของปี 2565 นั้นแน่นอน เรื่องของการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ยังเป็นปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก ความผันแปรของสถานการณ์การเงินโลก ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ราคาพลังงาน และวัตถุดิบ เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์ ทั้งที่จำหน่ายในประเทศ และผลิตเพื่อส่งออก ในขณะที่ไทยยังมีปัญหาเรื่องขาดแคลนเรือที่จะบรรทุกรถเพื่อการส่งออกอีกด้วย
ส่วนประมาณการณ์ปี 2566 บรรดาผู้จำหน่ายรถยนต์เห็นว่า แนวโน้มของรถยนต์ไทยปี 2566 ยังคงค่อยเป็นค่อยไปในการฟื้นตัว ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตน่าจะคลี่คลายลงอย่างช้าๆ ส่วนภาคเศรษฐกิจไทยมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น การลดระดับความกังวลเรื่อง COVID-19 ของประชาชน ช่วยให้การดำเนินชีวิตกลับมาปกติ โดยรวมแล้ว อุปสงค์ภายในก็ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัว ดังนั้นปี 2566 ยอดขายรถยนต์คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.0 % จากปีที่แล้ว สำหรับกลุ่มรถยนต์ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง ได้แก่ รถยนต์นั่ง ซึ่งจะเติบโตสูงกว่าปี 2565 เป็นอย่างมาก จากการที่มีค่ายรถนำเสนอรถรุ่นใหม่ และนวัตกรรมใหม่ๆ ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ คาดว่าขยายตัวไม่มากนัก
เป้าหมายการขายรถในประเทศ 900,000 คัน เป็นยอดที่ใกล้ล้านคันอีกครั้ง ตลาดไทยเคยไต่ระดับปีละเกิน 1 ล้านคันมาแล้ว แต่ช่วงนั้นเกิดจากการกระตุ้นเร่งโตแบบไม่ปกติ ซึ่งเชื่อว่าจากนี้ไป 1 ล้านคัน น่าจะเป็นตลาดอนาคตที่ยั่งยืนพอสมควร บทความแนะนำ

