ผลการทำตลาดนี้ถูกส่งต่อไปยังภาพลักษณ์ของบแรนด์จีน สามารถนำไปต่อยอด นำมาซึ่งการไหลบ่าของรถหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็น GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) BYD (บีวายดี) NETA (เนทา) VOLT EV (โวลท์ อีวี) DFSK (ดีเอฟเอสเค) หรือที่กำลังแต่งตัวอย่าง SERES (เซเรส) CHANGAN (ฉางอัน) GEELY (กีลี) และ CHERY (เชอรี) รวมถึงรถเพื่อการพาณิชย์อย่าง MAXUS (แมกซัส) กับ CP FOTON (ซีพี โฟตอน) และนี่คือบางส่วนจากผู้ผลิตรถบแรนด์จีน 33 บแรนด์ชั้นนำเท่านั้น เป้าหมายจีน คือ ยึด 20 % ให้ได้ ตีญี่ปุ่นให้แตก
ในขณะที่ญี่ปุ่นก็เคลื่อนไหวรับมือการเปิดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BZ4X (บีเซด 4 เอกซ์) ของ TOYOTA (โตโยตา) เมื่อปลายปีที่แล้ว บ่งบอกถึงการไหวตัวของฝั่งญี่ปุ่น TOYOTA นั้นเป็นหัวเรือใหญ่ ในฐานะเบอร์ 1 ของโลก และเบอร์ 1 ของเมืองไทย เมื่อไรที่ค่ายนี้เคลื่อนไหว ใครๆ ก็ต้องจับตามอง TOYOTA สร้างความประหลาดใจให้วงการรถยนต์ในงานครบรอบ 60 ปี TOYOTA ในประเทศไทย ด้วยการส่งรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ 2 รุ่นรวด มาอวดโฉมในงาน มีทั้งกระบะ REVO (รีโว) และกระบะอเนกประสงค์รุ่นใหม่ หน้าตาใหม่ เป็นการเบรคกระแสรถจีนไปในที รวมถึงส่งสารมายังปักกิ่ง ว่าเซกเมนท์นี้ของข้าใครอย่าแตะ แนวร่วมของ TOYOTA ไม่ว่าจะเป็น MAZDA (มาซดา) SUBARU (ซูบารุ) และ SUZUKI (ซูซูกิ) ก็เคลื่อนไปพร้อมๆ กัน MAZDA ดำเนินการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองอย่างแข็งขัน ในเร็วๆ นี้คงได้เห็นส่วน SUBARU คงขายรถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาจากพแลทฟอร์มเดียวกันกับ TOYOTA BZ4X ในเร็วๆ นี้ ในขณะที่ SUZUKI เจ้าตลาดรถเล็กราคาประหยัดก็เริ่มเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ของตัวเองในตลาดไทย ด้วยการเริ่มขายรถเครื่องยนต์ไฮบริด (HYBRID ELECTRIC VEHICLE) ในไทยเป็นครั้งแรก เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
การรวมกลุ่มกันของบรรดาผู้ค้า และผู้ผลิตรถยนต์จีนในไทย ในนามสมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวเพื่อให้รถจีนมีพลังอำนาจต่อรองมากขึ้น และเพื่อบรรลุเป้าหมาย การสร้างฐานผลิตสำรองนอกแผ่นดินใหญ่ ศึกช้างชนช้างกำลังเกิดขึ้น โดยมีไทยเป็นเวที สำหรับพี่ไทยจะได้ประโยชน์ขึ้นอยู่กับคนที่กำหนด และกำกับนโยบาย คิดกันลึกๆ ดูกันให้รอบคอบ มิฉะนั้นหญ้าแพรกที่แหลกลาญ คือ เรานั่นเอง บทความแนะนำ

