เป็น COMPACT CROSSOVER SUV (คอมแพคท์ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี) หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้พแลทฟอร์มชุดเดียวกันกับรถ JEEP RENEGADE (จีพ เรเนเกด) โดยมีผู้ใช้รถวัยหนุ่มวัยสาวผู้อาศัยอยู่ในเมือง และผู้จำเป็นต้องเคลื่อนที่อยู่เสมอเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษของค่ายนี้ถัดจากรถ ALFA ROMEO STELVIO (อัลฟา โรเมโอ สเตลวีโอ) ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2016 และเป็นรถใหม่อนุกรมแรกของค่ายนี้ในยุคที่มีฐานะเป็นหนึ่งในบรรดารถยนต์มากกว่า 10 ยี่ห้อ ซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์เหล้าเก่าในขวดใหม่ STELLANTIS BV (สเตลลันติส บีวี) ที่ก่อกำเนิดเมื่อเดือนมกราคม 2021
จะใช้โรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง NAPLES (เนเปิลส์) ในภาคใต้ของอิตาลีเป็นที่ผลิต มีขนาดตัวถังยาว 4.53 ม. กว้าง 1.84 ม. และสูง 1.60 ม. ห้องโดยสารติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน จะมีทั้งรถขับล้อหน้ารถขับทุกล้อ และในระยะแรกจะมีขุมพลังขับเคลื่อนให้เลือกรวม 3 แบบ คือ ขับด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 118 กิโลวัตต์/160 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID (มายด์ ไฮบริด) 48 โวลท์ 15 กิโลวัตต์/20 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ขับด้วยพลังของเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร 96 กิโลวัตต์/130 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะ กับขับด้วยระบบ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งให้กำลังรวมสูงสุด 202 กิโลวัตต์/275 แรงม้า และเมื่อชาร์จไฟเต็มรถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 60 กม.
ที่สมควรบันทึกไว้ด้วย ก็คือ จะเป็นรถยนต์นั่งแบบแรกในโลก ที่มีการนำ NFT หรือ NON-FUNGIBLE TOKEN (นอน-ฟันจิเบิล โทเคน) มาใช้งานด้วย เป็นระบบที่ผู้ผลิตบอกว่าใช้ BLOCKCHAIN TECHNOLOGY หรือเทคโนโลยีบลอคเชนบ่งบอกประวัติการใช้งานของรถ ซึ่งจะส่งผลในทางบวกต่อราคาค่าตัวของรถเมื่อมีการขายต่อ 
