FORD BRONCO ในขณะนี้ผลิตออกมาแค่พวงมาลัยซ้ายเท่านั้น รูปแบบตัวถังมี 3 แบบหลักๆ คือ 5 ประตู, 4 ประตู และแบบ 2 ประตู ฐานล้อสั้น เช่นเดียวกับ BRONCO รุ่นแรกๆ หุ่นคลาสสิคในยุค 60
คอมแพคท์เอสยูวีรุ่นนี้ผลิตขึ้นบนพแลทฟอร์ม C2 ที่ใช้ร่วมกับ FORD รุ่นต่างๆ เช่น KUGA (คูกา), ESCAPE (เอสเคพ) และ FOCUS (โฟคัส) ขนาดตัวจะใกล้เคียงกับ FORD ESCAPE รูปทรงภายนอก ยังคงเหลี่ยมสันเอาไว้เช่นเดียวกับ BRONCO ในอดีต
ห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย ทันสมัย ระบบอินโฟเทนเมนท์ ทำงานผ่านหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว บนแผงหน้าปัดมีที่ติดตั้งมือถือ หรือ GO PRO ไว้สำหรับบันทึกภาพในระหว่างการเดินทางด้วย ในรุ่นสปอร์ท ปุ่มปรับเกียร์เป็นแบบโรตารี SHIFT-BY-WIRE ส่วนรุ่น 4 และ 2 ประตู ยังคงมีคันเกียร์แบบปกติ ในห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายกว้างขวางกว่า JEEP WRANGLER ในรุ่น 2 ประตู มีเนื้อที่ 22.4 ลูกบาศก์ฟุต ส่วนรุ่น 4 ประตู 35.6 ลูกบาศก์ฟุต
FORD ได้ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ อาทิ โต๊ะพิคนิคแบบลากเก็บได้, รูฟแรคพร้อมสำหรับการติดตั้งรูฟเทนท์, เครื่องผลิตกระแสไฟขนาด 400 วัตต์ ให้แก่อุปกรณ์ต่างๆ ในขณะตั้งแคมพ์, ไฟราว LED บนฝาประตูท้าย ส่องสว่างในระยะ 12 ตรม. นอกจากนี้ FORD ยังจัดเต็มในเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ทั้งในเชิงป้องกัน และแก้ไข
เครื่องยนต์มีให้เลือกหลายขนาดความแรง คือ เครื่องยนต์เบนซิน อีโคบูสต์ 3 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 184 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 26.1 กก.-ม. และเครื่องยนต์เบนซิน อีโคบูสต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 248 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 37.9 กก.-ม. ทั้งคู่ถ่ายทอดกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แต่ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 จะพิเศษด้วยฟังค์ชัน SELECT SHIFT SYSTEM และมีแพดเดิล ชิฟท์เปลี่ยนเกียร์ที่บริเวณพวงมาลัย นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่รักความแรง ยังมีเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.3 ลิตร 300 แรงม้า และ วี 6 สูบ 2.7 ลิตร ทวินเทอร์โบ 330 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ อีกด้วย
รุ่น 2 และ 4 ประตู จะเน้นการนำไปลุยหนัก มาพร้อมตัวช่วยในการขับขี่ที่พิเศษกว่ารุ่นสปอร์ท เช่น ระบบปรับโหมดในการขับที่สามารถเลือกโหมดได้ระหว่าง NORMAL, ECO, SPORT, SAND, SLIPPERY, BAJA, MUD/RUTS และ ROCK CRAWL สำหรับการปีนไต่เนินหิน, ระบบ TRAIL CONTROL SYSTEM หรือครูสคอนทโรล สำหรับใช้งานขณะลุยด้วยความเร็วต่ำ นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์พิเศษ เช่น เพลาหน้า/หลัง DANA 44 AD VANTEK, ดิฟเฟอเรนเชียล DANA ADVANTEK และดิฟเฟอเรนเชียลลอคแบบไฟฟ้า ให้เลือกติดตั้งได้ทั้งด้านหน้า/หลัง
เราได้นำรุ่น วี 6 สูบ ทวินเทอร์โบ 2.7 ลิตร 330 แรงม้า มาทดลองขับ ได้ตัวเลขต่างๆ ดังนี้ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ในเวลาเพียง 6.3 วินาที ระยะ 402 ม. ใช้เวลา 15 วินาที ที่ความเร็วปลาย 146 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-160 กม./ชม. ทำได้ใน 19.5 วินาที ส่วนระยะเบรคจากความเร็ว 112 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 197 ฟุต สมรรถนะในการยึดเกาะถนนบนสกิดพเลทรัศมี 300 ฟุต ทำได้ 0.71 จี อัตราการสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยทั้งในเมือง และนอกเมือง 7.23 กม./ลิตร น้ำมันเต็มถังสามารถไปได้ไกลถึงประมาณ 500 กม.
FORD BRONCO ถือเป็นคอมแพคท์เอสยูวีที่น่าใช้มาก สามารถนำมาใช้งานได้ในทุกๆ วัน พละกำลังมีให้เลือกหลายระดับความแรง ความอเนก ประสงค์ และประสิทธิภาพในการลุยทางทุรกันดารทำได้อย่างเหนือชั้น คาดกันว่าทาง FORD ประเทศไทย คงไม่นำเข้ามาจำหน่าย ต้องรอทางผู้นำเข้าอิสระว่าจะให้ความสนใจรถรุ่นนี้มากน้อยเพียงใด แต่เป็นรถที่ถูก ใจขาลุยอย่างแน่นอน
คุณรู้หรือไม่ ?
เมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่ม FORD BRONCO ที่ติดตั้งแพคเกจสำหรับการลุย จะมีตัวเลขมิติต่างๆ ดีที่สุดในคลาสส์ ระยะใต้ท้องต่ำสุด 224 มม. มุมปะทะสูงสุด 30.4 องศา, มุมจากทำได้ถึง 33.1 องศา, มุมคร่อมสูงสุด 20.4 องศา สามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 599 มม. มีสมรรถนะในการลากจูง 3,500 ปอนด์ 
