วิถีตลาดรถยนต์
ระลอก 3
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2021/2020
ตลาดโดยรวม -11.6 %
รถยนต์นั่ง -9.8 %
กระบะ 1 ตัน -15.0 %
รถเพื่อการพาณิชย์ -2.3 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2021/2020
ตลาดโดยรวม +9.7 %
รถยนต์นั่ง -0.9 %
กระบะ 1 ตัน +12.9 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +26.2 %
ก่อนที่จะว่ากันถึงเรื่องราวตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงประจำเดือนกรกฎาคม 2564 ขอย้อนไปสรุปตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลค้าขายปี 2564 กันสักนิด 6 เดือนแรกของปี ปัจจุบันมีการซื้อขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงเกิดขึ้นแล้วทั้งสิ้น 373,191 คัน เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 13.6 % โดยรถยนต์ 5 ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูงสุด ประกอบด้วย TOYOTA (โตโยตา) จำหน่ายแล้วรวม 117,185 คัน คิดเป็นปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 24.4 % ถือครองส่วนแบ่งการตลาด 31.4 % ตามด้วย ISUZU (อีซูซุ) จำหน่ายแล้วรวม 93,165 คัน เพิ่มขึ้น 22.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 25.0 % ต่อด้วย HONDA (ฮอนดา) จำหน่ายแล้วรวม 42,715 คัน เพิ่มขึ้น 3.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.4 % MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) จำหน่ายแล้วรวม 23,528 คัน ลดลง 8.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.3 % และ MAZDA (มาซดา) จำหน่ายแล้วรวม 18,908 คัน เพิ่มขึ้น 22.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.1 % สรุปโดยรวมแล้วการค้าขายรถใหม่ป้ายแดงในช่วงครึ่งปีแรกผ่านพ้นไปด้วยดี ถึงแม้ว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อร้าย COVID-19 จะยังคงอยู่ร่วมโลกร่วมประเทศต่อไป แต่ด้วยมาตรการเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกัน และการฉีดวัคซีนที่เร่งจัดหาจัดฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ผนวกกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมกับแคมเปญพโรโมชันพิเศษที่ดึงดูดความสนใจได้ดี และการจัดงานแสดงรถยนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างได้ผล ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก เดินหน้าต่อไปได้ไม่หยุดชะงักขาดตอนลงไป
สำหรับเดือนกรกฎาคม เดือนที่ 7 ของปี และถือเป็นเดือนแรกของการค้าการขายในช่วง 6 เดือนหลังของปี ปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจประเทศ และครัวเรือน ยังคงเป็นเรื่องของเชื้อร้าย COVID-19 ที่ดูท่าว่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เป็นการระบาดในรอบที่ 3 ที่มีสายพันธุ์เดลทาเป็นหัวหอกทะลุทะลวงส่งเขื้อร้ายเข้าสู่ร่างกายคน จำนวนคนป่วย และผู้เสียชีวิตรายวัน เพิ่มสูงขึ้นกว่าในช่วงการระบาด 2 รอบแรก คู่ขนานไปกับจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนมีการยืนยันแล้วว่าไม่ช่วยไม่ให้ติดเชื้อได้ เพียงแต่ติดแล้วอาการจะไม่หนักมากเท่ากับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มใดเข็มหนึ่ง หรือยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง ดังนั้นฉีดไว้ก่อนดีที่สุด แน่นอนที่สุด ระมัดระวัง และป้องกันตัวเอง ด้วยมาตรการเข้มงวดสูงสุด ดีที่สุดด้วยเช่นกัน
ในภาคส่วนของการซื้อขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงนั้น จากผลกระทบของ COVID-19 ทำให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ของเดือนกรกฎาคมนี้ มีการปรับตัวลดลงกว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอย่างชัดเจน โดยเดือนกรกฎาคมนี้ ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์โดยรวมทุกตลาด ทุกเซกเมนท์ อยู่ที่ 52,442 คัน ลดลง 11.6 % เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2563 อย่างไรก็ดี ผลจากการที่ในช่วงครึ่งปีแรกตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์มีการปรับตัวที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2563 ดังนั้นเมื่อรวมกับตัวเลขยอดจำหน่ายของเดือนกรกฎาคมแล้ว ตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมจึงยังคงเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2563 อยู่ แต่ก็มีแนวโน้มที่ลดน้อยถอยลงในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ต่อจากเดือนกรกฎาคมนี้ไป ซึ่งสาเหตุสำคัญก็มาจากผลกระทบของการระบาดของเจ้าเชื้อร้ายนั่นเอง
สำหรับรถยนต์ที่ได้รับความนิยมซื้อหาไปใช้งานสูงสุด 5 ยี่ห้อ ในเดือนกรกฎาคมนี้ ประกอบด้วยอันดับ 1 TOYOTA 17,040 คัน เป็นยอดจำหน่ายที่ลดลง 2.9 % เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2563 ส่วนแบ่งการตลาด 32.5 % อันดับ 2 ISUZU 13,680 คัน ลดลง 11.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 26.1 % อันดับ 3 HONDA 6,958 คัน เพิ่มขึ้น 15.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 13.3 % อันดับ 4 MITSUBISHI 3,205 คัน ลดลง 34.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.1 % และอันดับ 5 MG (เอมจี) 2,246 คัน ลดลง 2.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.3 % รวมตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ตั้งแต่เดือนแรกของปี มาจนถึงเดือนกรกฎาคม จำหน่ายไปแล้วรวมกันทั้งสิ้น 425,633 คัน เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปี 2563 อยู่ 9.7 % อันดับรถยนต์ยอดนิยมขายดิบขายดียังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อันดับ 1 TOYOTA จำหน่ายแล้วรวม 134,225 คัน เพิ่มขึ้น 20.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 31.5 % อันดับ 2 ISUZU จำหน่ายแล้วรวม 106,845 คัน เพิ่มขึ้น 16.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 25.1 % อันดับ 3 HONDA จำหน่ายแล้วรวม 49,673 คัน เพิ่มขึ้น 4.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.7 % อันดับ 4 MITSUBISHI จำหน่ายแล้วรวม 26,733 คัน ลดลง 12.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.3 % และอันดับ 5 MAZDA จำหน่ายแล้วรวม 21,020 คัน เพิ่มขึ้น 13.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.9 %
ภาคส่วนของรถพิคอัพ 1 ตัน หนีไม่พ้นผลกระทบจากการระบาดของเชื้อร้าย COVID-19 เช่นกัน ผลรวมยอดจำหน่ายของทั้งตลาดลดน้อยถอยลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2563 แต่ตัวเลขยอดสะสมจากเดือนแรกถึงเดือนนี้ยังเป็นผลบวกอยู่ เมื่อเทียบกับห้วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2563 โดยผลประกอบการของเดือนกรกฎาคม 2564 ตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 27,816 คัน ลดลง 15.0 % เมื่อเทียบกับกรกฎาคม 2563 ผู้นำของกลุ่มรถยนต์ประเภทนี้ยังคงเป็น ISUZU จำหน่ายได้ 12,401 คัน ลดลง 13.4 % จากกรกฎาคม 2563 ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 44.6 % ตามด้วย TOYOTA จำหน่ายได้ 10,563 คัน เพิ่มขึ้น 1.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 38.0 % FORD (ฟอร์ด) จำหน่ายได้ 2,121 คัน ลดลง 8.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.6 % MITSUBISHI จำหน่ายได้ 1,979 คัน ลดลง 36.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.1 % และ NISSAN (นิสสัน) 376 คัน ลดลง 76.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.4 %
รวมตัวเลขยอดจำหน่ายรถพิคอัพ 1 ตัน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2564 อยู่ที่ 224,750 คัน เพิ่มขึ้น 12.9 % จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2563 ยอดจำหน่ายสูงสุดเป็น ISUZU 97,422 คัน เพิ่มขึ้น 14.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 43.3 % ตามด้วย TOYOTA 84,704 คัน เพิ่มขึ้น 27.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 37.7 % ต่อด้วย FORD 18,417 คัน เพิ่มขึ้น 33.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.2 % และ MITSUBISHI 16,203 คัน ลดลง 12.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.2 % สุดท้ายเป็น NISSAN 4,286 คัน ลดลง 54.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.9 %
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ประเภทอื่นๆ เดือนกรกฎาคม 2564 จำหน่ายได้ 7,937 คัน ลดลง 2.3 % โดย 7 เดือนผ่านไป จำหน่ายแล้วรวม 63,834 คัน เพิ่มขึ้น 26.2 %
เดือนกรกฎาคม 2564 มีการนำรถพิคอัพ และรถเอสยูวี ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกทั้งสิ้น 31,065 คัน ลดลง 7.5 % เมื่อเทียบกับตัวเลขจดทะเบียนของเดือนกรกฎาคม 2563
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2564
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/387311