นับเป็นรถโมเดลแรก และโมเดลพิเศษ ซึ่งจะจำกัดจำนวนผลิตไว้ประมาณ 300 คัน ทุกคันมีสิ่งแตกต่างจากรถโมเดลมาตรฐานอยู่มากมาย ทั้งภายนอก ภายในตัวถัง เป็นรูปลักษณ์ และรายละเอียดที่เคยพบเคยเห็นกันมาก่อนแล้วในรถแนวคิด BENTLEY EXP 100 GT (เบนท์ลีย์ อีเอกซ์พี 100 จีที) ที่ค่ายนี้ทำขึ้นเมื่อปี 2019 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของบริษัท ในส่วนของตัวถังภายนอกจุดต่างที่เห็นได้ชัดมีอยู่ไม่มาก ตัวอย่าง คือ กระทะล้อขนาด 21 นิ้ว กันชนหน้า กันชนท้าย แถบชายกระโปรง และกรอบดวงโคมไฟหน้าไฟท้าย ที่เคลือบด้วยสีพิเศษซึ่งเพิ่งออกแบบขึ้นใหม่เพื่อใช้กับรถโมเดลนี้โดยเฉพาะ
ความแตกต่างส่วนใหญ่จะพบได้เมื่อก้าวเข้าไปนั่งภายในห้องโดยสาร ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความพยายามที่จะนำ SUSTAINABLE MATERIALS หรือวัสดุที่ใช้งานได้อย่างยั่งยืนมาใช้งานให้มากที่สุด ตัวอย่าง คือ การใช้ผ้าขนสัตว์ที่ใช้งานได้ทนทาน และผ้าแฟบริคที่ทำจากส่วนผสมของผ้าขนสัตว์กับโพลีเอสเตอร์ที่นำกลับมาใช้ใหม่เป็นวัสดุหุ้ม การทำแผงหน้าปัดอุปกรณ์ด้วยไม้พันธุ์พิเศษที่ได้จากป่าในฮาวาย เป็นไม้ลายสวยที่เคลือบแลคเกอร์เพียง 3 ชั้น และ BENTLEY (เบนท์ลีย์) ยืนยันว่าเมื่อตัดไม้ที่ว่านี้ 1 ต้น ก็จะปลูกทดแทน 3 ต้น
ส่วนกลไกขับเคลื่อนไม่มีอะไรแตกต่างจากรถโมเดลมาตรฐาน คือ ใช้ระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ หรือ PLUG-IN HYBRID ซึ่งใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ เบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 2,894 ซีซี 306 กิโลวัตต์/416 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน 18.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้กำลังรวมสูงสุด 400 กิโลวัตต์/544 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 285 กม./ชม. และเมื่อชาร์จไฟเต็ม รถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกลประมาณ 40 กม. 
