ลำดับที่ 3 ของ “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้ เป็นรถเก๋งซีดานขนาดใหญ่ที่สุด และค่าตัวแพงที่สุดของค่าย “ดาวสามแฉก” และน่าจะกล่าวได้ว่าเป็นรถเก๋งซีดานสายพันธุ์เยอรมันขนาดใหญ่ที่สุดในขณะนี้ หากไม่นับรถตัวถังพิเศษที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ใช่รถที่ซื้อขายกันทั่วไปค่าย “ดาวสามแฉก” ทำรถ MERCEDES-MAYBACH S-CLASS (เมร์เซเดส-มายบัค เอส-คลาสส์) มาแล้ว 2 รุ่น รุ่นแรกเปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิสเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 และเริ่มจำหน่ายโดยมีรถให้เลือก 2 โมเดลหลัก คือ MERCEDES-MAYBACH S 500 กับ MERCEDES-MAYBACH S 600 ทั้ง 2 โมเดลเป็นผลลัพธ์ของการนำรถร่วมค่าย คือ MERCEDES-BENZ S-CLASS (เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์) รุ่นที่ 11 รหัสโรงงาน W222 ตัวถังฐานล้อยาว มาขยายความยาวประมาณ 20 ซม. ส่วนรุ่นที่ 2 เพิ่งเปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์กวางโจวในสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 และขณะนี้เริ่มการจำหน่ายในเยอรมนี และบางประเทศในทวีปยุโรปไปเรียบร้อยแล้ว รถรุ่นใหม่นี้ อธิบายอย่างสั้นๆ ได้ว่า เป็นรถเก๋งซีดานระดับสุดหรู ในตัวถังยาว 5.469 ม. กว้าง 1.921 ม. และสูง 1.510 ม. ที่เป็นผลลัพธ์ของการนำตัวถังฐานล้อยาวของรถ MERCEDES-BENZ S-CLASS รุ่นปัจจุบันซึ่งมีรหัสโรงงาน W223 มาขยายช่วงฐานล้อ จาก 3.216 เป็น 3.396 ม. กับยืดความยาวตัวถัง จาก 5.289 เป็น 5.469 ม. คือ ยาวขึ้น 18 ซม. พอดิบพอดี จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนรายละเอียดสารพัดสารพันสุดจะบรรยาย เพื่อเพิ่มพูนความหรูหราสะดวกสบาย และสมรรถนะการขับขี่ เฉพาะตัวถังที่มองได้จากภายนอกนั้น จุดต่างที่เห็นได้ชัดเจนมีอยู่หลายจุด จุดที่สมควรกล่าวถึง คือ แผงกระจังหน้าวางซี่ในแนวตั้งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถยี่ห้อนี้ ประตูข้างบานหลังที่กว้างกว่ารถซึ่งเป็นที่มา โลโก MM (ย่อมาจาก MERCEDES-MAYBACH) ที่ติดอยู่บนเสาค้ำยันหลังคาคู่ที่ 3 ทั้ง 2 ด้าน และตัวถังเคลือบสี TWO-TONE (ทู-โทน) ซึ่งเป็นสีพิเศษที่ต้องเพิ่มค่าตัว 14,875 ยูโร หรือประมาณ 580,000 บาทไทย รถที่เริ่มจำหน่ายแล้วในเยอรมนีเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีวัวโซเพราะ COVID มี 2 โมเดล คือ MERCEDES-MAYBACH S 580 4MATIC (เมร์เซเดส-มายบัค เอส 580 4 เมทิค) ซึ่งค่าตัวรวมภาษี มูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 เริ่มต้นที่ 164,565 ยูโร หรือประมาณ 6.42 ล้านบาทไทย กับ MERCEDES-MAYBACH S 680 4MATIC (เมร์เซเดส-มายบัค เอส 680 4 เมทิค) ซึ่งค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มเริ่มต้นที่ 217,324 ยูโร หรือประมาณ 8.48 ล้านบาทไทย โมเดลแรกเป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ด้วยพลังของเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 370 กิโลวัตต์/503 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบไฮบริดแบบอ่อน 15 กิโลวัตต์/20 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. ส่วนโมเดลหลัง นอกจากเป็นรถติดตรา “ดาวสามแฉก” ค่าตัวแพงที่สุดขณะนี้แล้ว ยังสร้างปรากฏใหม่ในฐานะรถโมเดลแรกในประวัติศาสตร์ของค่าย “ดาวสามแฉก” ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ วี 12 สูบ (รหัส M279) ในรถขับเคลื่อนทุกล้อ 4MATIC เป็นเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง SOHC วี 12 สูบ 5,980 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 450 กิโลวัตต์/612 แรงม้า ที่ 5,250-5,500 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร/91.8 กก.ม. ที่ 2,000-4,000 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อคู่หน้าและคู่หลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC เช่นกัน สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.5 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. และเมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 13.4-14.4 ลิตร/100 กม. หรือ 6.9-7.5 กม./ลิตร กับมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่น่าเป็นห่วง คือ สูงถึง 304-236 กรัม/กม. เป็นรถอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า CHAUFFEURED CAR (โชเฟอร์ คาร์) ซื้อแล้วต้องเตรียมค่าจ้างผู้ขับไว้ด้วย เพราะรถอย่างนี้ เจ้าของรถไม่ได้เป็นผู้ขับ ผู้ขับไม่ใช่เจ้าของรถ MERCEDES-MAYBACH S 680 4MATIC