สรีระของเราไม่ได้ถูกสร้างมาให้ใช้งานในท่านี้ แค่ยืดแขนไปในแนวขนานกับหัวไหล่ เช่น เหยียดแขนไปทางพนักพิงด้านซ้าย ก็แย่แล้ว แต่นี่ทำมุมเกินแนวนี้ไปอีกมาก ยังไม่ถึงกับต้องยกของนะครับ เพียงเท่านี้ ก็มีสิทธิ์บาดเจ็บได้แล้วไม่นานมานี้ ผมเอื้อมมือสุดแขน ไปหยิบกระเป๋าสะพายที่เบาะหลังจากตำแหน่งคนขับ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ถนัด แต่ด้วยความรีบ จึงเป็นเหตุให้เจ็บกล้ามเนื้อหัวไหล่ และพบกับอาการปวดอยู่หลายวัน หากนั่งแถวหน้าของรถ ไม่ว่าในตำแหน่งผู้ขับ หรือผู้โดยสารก็ตาม “ห้ามเอื้อมแขนไปหยิบของจากเบาะหลัง” เด็ดขาดครับ เพราะการเอื้อมมือไปหยิบของลักษณะนี้ เป็นท่าที่ใช้กล้ามเนื้อหัวไหล่ผิดทิศผิดมุมอย่างมาก จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บตามมาได้ สรีระของเราไม่ได้สร้างมาให้ใช้งานในท่านี้ครับ แค่ยืดแขนในแนวขนานกับหัวไหล่ เช่น เหยียดแขนไปทางพนักพิงด้านซ้ายสุดแล้วค้างไว้ก็แย่แล้ว แต่นี่ทำมุมเกินแนวนี้ไปด้านหลังอีกมาก ยังไม่ถึงกับต้องยกของอะไรนะครับ แต่กล้ามเนื้อหัวไหล่รับน้ำหนักแขนในมุมตึงแบบ “สุดโหด” นี่ก็มีสิทธิ์บาดเจ็บได้แล้ว และหากต้องยกของหนักอีก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นอาจชำรุด ถ้ารุนแรงมากๆ อาจถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลได้เลย วิธีป้องกัน เพียงแค่ “ห้ามทำ” ก็พอครับ ถึงที่หมายแล้วค่อยลงมายืนนอกรถ เปิดประตูหลัง ถ้ามีแค่ 2 ประตู ก็ชะโงกตัวไปหยิบ แล้วต้องหยิบในท่าที่ถนัด แต่หากจำเป็นต้องหยิบกลางทาง ต้องหาที่หยุดรถให้ปลอดภัย แล้วลงมาหยิบ หากมีความเป็นไปได้สูง ว่าจะต้องหยิบมาใช้ขณะขับรถกลางทาง ให้เตรียมนำมาวางไว้ใกล้มือ หรือหากไม่มีใครนั่งหน้าด้านซ้าย ก็เอามาวางไว้บนเบาะตั้งแต่ต้นเลยครับ การบาดเจ็บลักษณะนี้ ส่วนใหญ่อาจไม่รุนแรงถึงต้องให้แพทย์รักษา แต่ก็หายยากมากครับ ถึงจะหายสนิทแล้ว แต่หากพลาดก็จะบาดเจ็บอีกได้ง่ายมาก และที่สำคัญ หากเราหันหลังหยิบของขณะขับรถ ก็อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุเอาง่ายๆ จึงควรมองไปด้านหน้ารถตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยครับ
บทความแนะนำ