วิถีตลาดรถยนต์
900,000 คัน ไหวไหม ?
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม 2021/2020
792,146 คัน คือ บทสรุปของการจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ป้ายแดงภายในประเทศของปี 2563 สำหรับปี 2564 นี้ว่ากันว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 850,000-900,000 คัน ซึ่งถ้าในสถานการณ์ปกติอย่างเช่นก่อนปี 2563 ตัวเลขที่ประมาณการกันไว้นี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย เพราะนอกจากการมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง การจัดพโรโมชันพิเศษในแต่ละเดือนของบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ต่างๆ แล้ว ยังมีช่วงเวลาพิเศษที่สืบเนื่องมาจากการจัดงานแสดงรถยนต์เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสแรกไปจนถึงการจัดงานในช่วงกลางปี และส่งท้ายปี นี่ยังไม่นับรวมถึงการจัดงานแสดงรถยนต์ตามห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคของแต่ละตัวแทนจำหน่ายบริษัทรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ แต่สำหรับปี 2564 ยังคงเป็นการค้าการขายภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 อยู่ ถึงแม้จะมีข่าวดีอยู่บ้าง ที่มีวัคซีนซึ่งจะสยบเชื้อร้ายตัวนี้ออกมาแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรสำหรับการนำเข้า การผลิตภายในประเทศเพื่อให้ทุกคนภายในประเทศได้เข้าถึงวัคซีนนี้อย่างทั่วถึง เห็นว่ากว่าจะบรรลุผลสำเร็จเสร็จสรรพตามที่วางพแลนไว้ก็ปาเข้าไปช่วงปลายปี 2564 แล้ว
หากเจ้าเชื้อโรคร้ายนี้ไม่กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่วัคซีนปัจจุบันเอาไม่อยู่ เราก็จะกลับมาใช้ชีวิตทำมาหากินกันแบบค่อนข้างจะปกติได้ ก็เห็นจะเป็นปี 2565 โน่นเลยทีเดียว แต่ถ้าเชื้อโรคร้ายกลายพันธุ์ วัคซีนเอาไม่อยู่จริง ก็เอวังด้วยประการฉะนี้ คงต้องลุ้นกันยาวๆ ไปสำหรับตัวเลขยอดจำหน่ายระหว่าง 850,000-900,000 คัน สำหรับปี 2564 นี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่สำหรับเดือนมกราคมนี้ ผลรวมยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศยังคงป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่กับตัวเลขสีแดง เฉกเช่นเดียวกับเดือนอื่นๆ ในปี 2563 ที่ผ่านมา
เดือนมกราคม 2564 เดือนแรกของปีมีการซื้อขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงเกิดขึ้นรวมทั้งสิ้น 55,208 คัน เทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายในเดือนแรกของปี 2563 แล้วปรากฏว่า การซื้อขายหดตัวลงไป 23.0 % โดยที่เดือนแรกของปีมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับอันดับรถยนต์ที่ขายดี ขายได้มากที่สุด โดย MAZDA (มาซดา) ขยับตัวเองขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 ของรถยนต์ขายดีเดือนมกราคม ส่งผลให้ NISSAN (นิสสัน) ที่ปกติจะติดชาร์ท 5 อันดับรถยนต์ขายดีที่สุดในแต่ละเดือน ให้หลุดออกจากชาร์ทไป ส่วนอันดับ 1-4 ยังคงเป็นของเจ้าเดิมๆ เหมือนเช่นที่เป็นมา อันดับ 1 รถยนต์จำหน่ายขายดีที่สุดยังคงเป็น TOYOTA (โตโยตา) จำหน่ายได้ 17,679 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 32.0 % อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายที่ทำเอาไว้ในเดือนมกราคมปี 2563 แล้ว ต่างกันอยู่ 12.4 % อันดับ 2 ISUZU (อีซูซุ) จำหน่ายได้รวม 15,248 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 27.6 % เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้น 6.7 % อันดับ 3 HONDA (ฮอนดา) จำหน่ายได้รวม 5,657 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 10.2 % เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดน้อยลงถึง 50.4 % อันดับ 4 MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) จำหน่ายได้รวม 3,320 คัน ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.0 % เทียบกับเดือนมกราคม 2563 แล้วติดลบไป 44.7 % และอันดับ 5 เป็นของค่ายรถยนต์ที่มาแรงในปีนี้ MAZDA จำหน่ายได้ 3,170 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 5.7 % อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตัวเลขยอดจำหน่ายนี้จะทำให้ MAZDA เบียดแซงขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 ได้ แต่เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายของเดือนมกราคม 2563 แล้วยังเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดลง 21.5 %
สำหรับรถพิคอัพ 1 ตัน เปิดหัวปี 2564 ยังคงเป็นพิคอัพตระกูล D-MAX (ดี-แมกซ์) ของ ISUZU ที่ยังครองความเป็นหนึ่งในหัวใจผู้ใช้รถพิคอัพเพื่อทำมาหากินอยู่เหมือนเดิม โดยเดือนแรกของปี ISUZU ออกสตาร์ทนำโด่งออกไปที่ 14,198 คัน ปาดส่วนแบ่งการตลาดไปครองถึง 47.2 % และยังมีการเติบโตทางด้านตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 6.1 % เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2563 พิคอัพมหาชนอันดับ 2 ยังคงเป็นตระกูล REVO (รีโว) ของ TOYOTA มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 10,494 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 34.9 % เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2563 แล้วตัวเลขยอดจำหน่ายนี้น้อยลงกว่าที่เคยทำได้ 11.0 % อันดับ 3 กลับมาอีกครั้งกับพิคอัพ RANGER (เรนเจอร์) ของค่าย FORD (ฟอร์ด) เดือนมกราคมนี้ทำยอดจำหน่ายได้ 2,305 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7.7 % เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับตัวเพิ่มมากขึ้น 8.0 % อันดับ 4 เป็นพิคอัพ TRITON (ทไรทัน) ของ MITSUBISHI มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 1,954 คัน ส่วนแบ่งการตลาดได้ไป 6.5 % เป็นยอดจำหน่ายที่ลดลง 42.5 % และอันดับที่ 5 สายพันธุ์ NAVARA (นาวารา) ของ NISSAN ยอดจำหน่าย 522 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.7 % เป็นยอดจำหน่ายที่ลดลงถึง 66.9 % อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขยอดจำหน่ายของ NISSAN จะขยับปรับตัวเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ NISSAN NAVARA ใหม่ บุกตลาดอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้พิคอัพ 1 ตัน ตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งตลาดของเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ 30,107 คัน ลดลง 9.6 % เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2563
ทางด้านของรถเอสยูวี หรือรถกิจกรรมกลางแจ้ง เปิดหัวปี 2564 ได้อย่างแจ่ม ภาพรวมของทั้งตลาดปรับตัวไปในทิศทางที่ดี สวนกระแสกำลังซื้อถดถอยจากพิษ COVID-19 ทั้งตลาดมียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 6,050 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2563 ถึง 25.7 % TOYOTA ออกสตาร์ทเป็นผู้นำตลาดอีกครั้งด้วยยอดจำหน่ายรวม 1,682 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 27.8 % เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นถึง 244.7 % ตามด้วยเอสยูวีของ MG (เอมจี) จำหน่ายได้รวม 1,443 คัน รับส่วนแบ่งการตลาดไป 23.9 % เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 10.2 % ตามด้วย MAZDA ทุกโมเดลรุ่นจำหน่ายรวมกันได้ 1,149 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 19.0 % เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 99.8 % และเอสยูวีค่าย HONDA จำหน่ายได้รวม 1,131 คัน ส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 18.7 % น่าเสียดายที่ตัวเลขยอดจำหน่ายนี้ต่างจากตัวเลขยอดจำหน่ายเดือนมกราคม 2563 ถึง 41.4 % ปิดท้ายด้วยรถเอสยูวีของ SUBARU (ซูบารุ) อยู่ในอันดับที่ 5 ด้วยยอดจำหน่าย 356 คัน ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 5.9 % เพิ่มขึ้น 86.4 %
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ ยกเว้นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เดือนมกราคม 2564 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 2,947 คัน ลดลง 9.4 % ขณะที่เดือนมกราคม 2564 มียอดจดทะเบียนรถพิคอัพ 1 ตัน และรถยนต์ SUV รวมกัน 54,249 คัน เพิ่มขึ้น 3.0 % เมื่อเทียบกับมกราคม ปี 2563
ตลาดโดยรวม | -23.0 % |
รถยนต์นั่ง | -46.9 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | +25.7 % |
กระบะ 1 ตัน | -9.6 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | -9.4 % |
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2564
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/365719