ชีวิตอิสระ(4wheels)
ราชบุรี วันเดียวก็เที่ยวได้ กับ MG HS PHEV
เสาร์-อาทิตย์นี้ หากยังไม่รู้จะไปไหน เราขอแนะนำจังหวัด “ราชบุรี” ดินแดนวัฒนธรรมลุ่มน้ำแม่กลอง และสายหมอกแห่งขุนเขาตะนาวศรี ชมภูมิประเทศที่หลากหลาย งานศิลปะจากเครื่องปั้นดินเผา วัดชุมชนเก่า และการละเล่นโบราณหาดูยากมุ่งหน้าราชบุรี เมืองแห่งงานศิลป์ เราเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่ มุ่งหน้าถนนเพชรเกษม หมายเลข 4 ผ่านเข้าตัวเมืองนครปฐม เข้าสู่ จ. ราชบุรี รวมระยะทางแค่ 120 กม. โดยใช้รถ MG HS PHEV (เอมจี เอชเอส พีเอชอีวี) ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีแบบพลัก-อิน ไฮบริด ที่คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ MG HS PHEV เป็นรถที่ช่วงล่างดีทีเดียว แถมกำลังแรงเกิดคาด รวมสูงสุด 284 แรงม้า แบ่งเป็นกำลังจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 122 แรงม้า ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ โดยมีโหมดต่างๆ ให้ปรับเปลี่ยนได้อีก เช่น EV, ECO, NORMAL, SPORT และ SUPER SPORT ทำให้ขับสนุกตลอดการเดินทาง ชมงานศิลปะร่วมสมัยที่เถ้าฮงไถ่ หากใครมาตัวเมืองราชบุรี อยากให้แวะชมโรงงานเซรามิค เถ้าฮงไถ่ สักหน่อย เนื่องจากเป็นโรงงานเซรามิคที่เก่าแก่อายุกว่า 80 ปี ผลิตเครื่องปั้นดินเผา โอ่ง ไห กระถาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากเซรามิค ราชบุรี มีชื่อเสียงเรื่องโอ่งมังกรมาช้านาน เพราะดินที่นี่เป็นเนื้อดินชั้นดี เหมาะแก่การปั้นเครื่องดินเผา แต่ปัจจุบันคนยุคใหม่ไม่นิยมโอ่งกันแล้ว จึงมีผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ที่สวยงามแปลกตาเพิ่มขึ้น แถมยังนำมาเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านได้ เช่น อ่างบัว แจกัน โอ่ง โต๊ะ เก้าอี้ ที่ใส่เทียนหอม หรือตุ๊กตาประดับฝาผนัง จุดเด่นของ เถ้าฮงไถ่ คือ นำเอารูปทรงดั้งเดิมมาประยุกต์ใช้กับสีสันที่ร่วมสมัย เป็นการผสมผสานระหว่างอดีตกับปัจจุบัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ ที่สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ พร้อมพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ออกมาทุก 1-2 เดือน ส่วนราคาก็อยู่ที่ขนาด และสีสัน ความยากง่าย เริ่มต้นที่ 100 บาท ไปจนถึงหลักหมื่น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าชมวิธีการทำ และขั้นตอนการผลิตได้อีกด้วย เขาแก่นจันทร์ จุดชมวิวชั้นดี เขาแก่นจันทร์ หรือเขาจันทร์แดง เป็นยอดเขาสูงที่สุดของ จ. ราชบุรี มีความสูง 141 ม. สามารถขับรถขึ้นไปได้เพื่อชมตัวเมืองราชบุรี แบบ 360 องศา และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด บนยอดเขามีวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนิโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระสี่มุมเมือง” เป็นพระ 1 ใน 4 องค์ที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น แล้วพระราชทานไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองต่างๆ ทั้ง 4 เมือง ได้แก่ ราชบุรี ลำปาง สระบุรี และพัทลุง บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งชาวราชบุรีพร้อมใจกันสร้างขึ้นในโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อุทยานหินเขางู แหล่งรวมความสวยงาม อุทยานหินเขางู อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 8 กม. เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เดิมทีเป็นแหล่งระเบิด และย่อยหินที่สำคัญของไทย ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ต่อมาภาครัฐ และประชาชนได้เล็งเห็นถึงความเสื่อมโทรมของภูมิประเทศ อีกทั้งยังเป็นศาสนสถานอันเก่าแก่ จึงได้ยกเลิกสัมปทานเหมืองหินบริเวณนี้ไป ทำให้กลายเป็นเหมืองร้าง สภาพทรุดโทรม จนจังหวัดได้พัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดี จุดที่นักท่องเที่ยวนิยม ได้แก่ ทางเข้าสวนสาธารณะ ซึ่งมีภาพแกะสลักพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ ไปจนสุดทางออก และอีกจุดหนึ่ง คือ ศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน มีสะพานเลียบแม่น้ำทอดยาวสำหรับเดินชมวิว ถ่ายภาพ ภายในอุทยานหินเขางู มีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอยู่หลายแห่ง บริเวณรอบๆ มีฝูงลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปจำหลัก หรือพระพุทธรูปที่สลักจากหินที่ฝาผนังถ้ำอยู่หลายองค์ ซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึงสมัยทวารวดีเลยทีเดียว ชมหินงอกหินย้อย ที่ถ้ำเขาบิน ถ้ำเขาบิน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ภายในถ้ำแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ 8 ห้องใหญ่ ตามลักษณะของหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่ 1. “โถงอาคันตุกะ” เปรียบเสมือนห้องรับแขกที่ใช้ต้อนรับผู้มาเยือนด้วยหินงอกหินย้อยที่กำลังเกิดใหม่ 2. “ศิวะสถาน” เปรียบเสมือนเสาหลักเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ หากเดินผ่านจะสุขสมหวัง 3. “ธารอโนดาต” เปรียบเสมือนได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ จากผนังที่เต็มไปด้วยหินย้อยคล้ายปะการังใต้ทะเล 4. “สกุณชาติคูหา” หินปูนลักษณะคล้ายนกกางปีกบิน ที่มาของชื่อถ้ำ 5. “เทวสภาสโมสรสถาน” ประกอบด้วยเสาหินหลายร้อยต้น เสมือนหินที่แหลมคมดุจปัญญาของผู้มาเยือน 6. “กินนรทัศนา” ถ้ำสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ ภายในเป็นบ่อน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยแห้ง 7. “พฤกษาหิมพานต์” ใครผ่านมาถึง จะมีบ้านเรือนที่สุขสดชื่น และ 8. “อุุุทยานทวยเทพ” สามารถขอพรให้มีความโชคดี หมดทุกข์หมดโศกปราศจากโรคภัย วัดขนอน และพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ วัดขนอน (หนังใหญ่) เป็นวัดโบราณที่สวยงาม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ภายในมีพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ ลักษณะเป็นเรือนไทย จัดแสดงนิทรรศการหนังใหญ่ ประวัติความเป็นมาของหนังใหญ่ และกรรมวิธีการแกะสลักตัวหนังใหญ่ มีตัวหนังจำนวน 313 ตัว ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ แบ่งเป็นชุดหนุมานถวายแหวน ชุดสหัสสกุมาร และเผากรุงลงกา วัดขนอน เป็นวัดเดียวที่มีมหรสพ โดยคณะหนังใหญ่ที่สมบูรณ์อยู่ในความอุปถัมภ์ของวัด และยังคงมีการจัดการแสดงหนังใหญ่สืบทอดต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ส่วนการแสดงเชิดหนังใหญ่ จัดแสดงเป็นพิเศษมีให้ชมทุกวันเสาร์ เวลา 10.00-11.00 น. เพียงรอบเดียว แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นหมู่คณะในวันธรรมดา สามารถติดต่อล่วงหน้าได้ โดยมีค่าใช้จ่ายรอบละ 2,500 บาท ขอขอบคุณ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทาง
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช/จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2564
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/365701