| ตลาดโดยรวม | -21.4 % |
| รถยนต์นั่ง | -31.0 % |
| รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -2.2 % |
| กระบะ 1 ตัน | -19.5 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | +12.3 % |
| TOTAL VEHICLE/ตลาดโดยรวม | +16.6% |
| SUV/รถกิจกรรมกลางแจ้ง | +37.7% |
| กระบะ 1 ตัน | +14.4% |
| รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | +5.4% |
ในประเภทรถพิคอัพ 1 ตัน เดือนธันวาคมมียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 51,516 คัน เพิ่มขึ้น 14.4 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 2562 โดยที่ ISUZU ทิ้งท้ายด้วยการคว้าแชมพ์ยอดจำหน่ายรายเดือนสูงสุดไปได้อีก 1 เดือน จำหน่ายไปได้ทั้งสิ้น 21,566 คัน เพิ่มขึ้น 46.9 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 41.9 % ตามด้วย TOYOTA จำหน่ายได้รวม 20,123 คัน เพิ่มขึ้น 17.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 39.1 % พิคอัพของ FORD (ฟอร์ด) จำหน่ายได้ 4,595 คัน ไม่เพิ่มไม่ลดเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคมปี 2562 ส่วนแบ่งการตลาด 8.9 % ต่อด้วยพิคอัพ MITSUBISHI จำหน่ายได้ 3,505 คัน ลดลง 24.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.8 % ปิดท้ายด้วย NISSAN จำหน่ายได้ 982 คัน ลดลง 53.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.9 %
สรุปปี 2563 รถยนต์เพื่อการใช้งานประเภทรถพิคอัพ 1 ตัน จำหน่ายได้รวมกันทั้งสิ้น 396,115 คัน ลดลง 19.5 % เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายของปี 2562 แชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นของ ISUZU ต่อเนื่องอีก 1 ปี จากยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 167,021 คัน เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 9.0 % เมื่อเทียบกับปี 2562 ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 42.2 % รองแชมพ์อันดับ 1 TOYOTA จำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 141,939 คัน ลดลง 25.9 % เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่วนแบ่งการตลาดปี 2563 อยู่ที่ 35.8 % รองแชมพ์อันดับ 2 MITSUBISHI จำหน่ายได้รวม 32,433 คัน ลดลง 34.3 % ถือครองส่วนแบ่งการตลาด 8.2 % รองแชมพ์อันดับ 3 FORD จำหน่ายได้รวม 28,420 คัน ลดลง 43.0 % ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 7.2 % และรองแชมพ์อันดับ 4 NISSAN จำหน่ายได้รวม 14,719 คัน ลดลง 45.1 % ส่วนแบ่งการตลาดได้ไป 3.7 %
สำหรับรถเอสยูวี หรือรถยนต์กิจกรรมกลางแจ้ง ที่แทบจะกลายเป็นรถยนต์คันที่ 2 ในบ้านของผู้มีอันจะกิน หรือรถยนต์คันแรกสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน และเพิ่มเติมอรรถรสในการใช้ชีวิตกับรูปแบบการเดินทางที่แตกต่างไปจากเส้นทางปกติ เดือนธันวาคมตลาดนี้มียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 9,915 คัน เพิ่มขึ้นถึง 37.7 % เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายของเดือนธันวาคม 2562 TOYOTA ยึดหัวแถวอีก 1 เดือน ด้วยยอดจำหน่าย 3,188 คัน เพิ่มขึ้นถึง 288.8 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2562 คว้าส่วนแบ่งการตลาดไป 32.2 % ตามด้วยรถเอสยูวีของ MG จำหน่ายไป 2,519 คัน เพิ่มขึ้น 15.8 % ส่วนแบ่งการตลาดได้ไป 25.4 % ต่อด้วย MAZDA จำหน่ายได้ 1,777 คัน เพิ่มขึ้น 97.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 17.9 % เอสยูวีของ HONDA อยู่ในอันดับ 4 จำหน่ายได้ 1,697 คัน ลดลง 37.0 % ส่วนแบ่งการตลาดที่ 17.1 % และอันดับ 5 SUBARU (ซูบารุ) จำหน่ายได้ 457 คัน เพิ่มขึ้น 45.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.6 %
สรุปรถเอสยูวี ปี 2563 มียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 68,705 คัน ลดลง 2.2 % เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายปี 2562 แชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดของกลุ่มรถยนต์ประเภทนี้เป็นของค่าย MG ปี 2563 จำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 17,819 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 คิดเป็นเปอร์เซนต์เท่ากับ 3.7 % ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 25.9 % รองแชมพ์อันดับ 1 เอสยูวีของ TOYOTA จำหน่ายได้รวม 16,395 คัน เพิ่มขึ้น 39.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 23.9 % รองอันดับ 2 HONDA จำหน่ายได้ 15,622 คัน ลดลง 47.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 22.7 % รองอันดับ 3 MAZDA จำหน่ายได้รวม 11,716 คัน เพิ่มขึ้นถึง 104.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 17.1 % และรองอันดับ 4 CHEVROLET (เชฟโรเลต์) จำหน่ายได้ 2,588 คัน เพิ่มขึ้น 388.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 3.8 %
ทั้งนี้ในเดือนธันวาคม 2563 มีผู้นำรถยนต์ทั้งประเภทพิคอัพ 1 ตัน และเอสยูวี ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกรวมทั้งสิ้น 31,174 คัน เพิ่มขึ้น 27.3 % จากเดือนธันวาคม 2562
สำหรับรถยนต์ประเภทอื่นๆ ยกเว้นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เดือนธันวาคม 2563 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 4,528 คัน เพิ่มขึ้น 5.4 % รวมทั้งปี 2563 จำหน่ายรวมทั้งสิ้น 52,537 คัน เพิ่มขึ้น 12.3 % 
