ปัจจุบันยานยนต์ไฟฟ้า (ELECTRIC VEHICLE) หรือรถ EV ที่ต้องเสียบปลั๊ก เข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิตของคนไทยในยุคนี้ DIY…คุณทำเองได้ ขอเสนอวิธีการชาร์จไฟอย่างถูกต้องมาฝาก
รถ EV ชาร์จที่บ้านปลอดภัยไหม ?
สายชาร์จที่แถมมากับรถ เป็นเพียง EMERGENCY CHARGE ไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อให้มีไฟพอขับกลับบ้านได้ เพราะหากใช้งานเป็นประจำ อาจเกิดความร้อนสะสมที่เต้าเสียบไฟ เนื่องจากสายไฟบ้านทั่วไป ทนกระแสไฟได้ 10A หรือน้อยกว่า แต่สายชาร์จแถม (MODE 2) สามารถดึงกระแสไฟได้สูงสุดถึง 12A ซึ่งเกินจากสายไฟบ้านรับได้ !
WALLBOX เนื้อคู่รถ EV
มีคำแนะนำจากการไฟฟ้านครหลวงว่า หากต้องการชาร์จรถ EV ที่บ้านอย่างเหมาะสม ต้องติดตั้ง WALLBOX EV CHARGER (เครื่อง MODE 3) เพื่อความปลอดภัย ซึ่งรับกระแสไฟได้ 16-32A ทำให้สามารถชาร์จได้เต็มประสิทธิภาพของรถยนต์แต่ละรุ่น และมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็ม หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น กระแสไฟเกิน ความร้อนเกิน เป็นต้น
ชาร์จนานแค่ไหนถึงจะเต็ม ?
ระยะเวลาการชาร์จขึ้นอยู่กับกำลังไฟของเครื่องชาร์จ WALLBOX, ขนาดแบทเตอรี และสเปคของรถ โดยหัวชาร์จแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ TYPE 1 นิยมใช้กับรถ EV ในสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น ส่วนแบบ TYPE 2 เป็นหัวชาร์จที่นิยมใช้กับรถ EV ในแถบยุโรป และประเทศไทย ทั้งนี้การติดตั้ง WALLBOX มิเตอร์ไฟบ้านต้องสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำ 30 (100)A
รถ EV ควรชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้งทุกสัปดาห์
การชาร์จไฟเข้ารถ EV จนเต็มทุกสัปดาห์ ก็เพื่อกระตุ้นเซลล์เก็บประจุให้ทำงาน ช่วยลดการเสื่อมของแบทเตอรี ในการใช้งานระยะยาว
อุปกรณ์
1. สายชาร์จไฟ
2. การ์ดสั่งชาร์จ
3. ผ้าสะอาด
4. ถุงมือ
ขั้นตอนการชาร์จไฟจากเครื่อง
1. นำผ้าแห้งสะอาด เช็ดบริเวณหัวจ่าย WALLBOX และเต้ารับที่รถให้สะอาด
2. เสียบสายชาร์จ TYPE 2 หัวเล็ก เข้า WALLBOX ให้แน่น
3. นำสายชาร์จข้างที่เหลือ TYPE 2 หัวใหญ่ เสียบเข้ากับตัวรถ
4. นำการ์ดไปแตะบริเวณ WALLBOX เพื่อทำการสั่งชาร์จไฟ
5. ดูสถานะการชาร์จที่หน้าจอ ถ้าหน้าจอขึ้นกำลังชาร์จถือว่าทำถูก
6. สำหรับบางรุ่น หากชาร์จแล้วไฟไม่เข้า ให้ลอครถเสียก่อน ถึงจะชาร์จได้
7. เมื่อชาร์จไฟเต็มแล้ว ให้ปลดลอครถ ใช้การ์ดแตะ WALLBOX เพื่อสั่งปิด
8. ถอดสายชาร์จฝั่ง WALLBOX ออกก่อน แล้วจึงถอดที่ตัวรถ เป็นอันเสร็จ