เดือนนี้เป็นคิวของ เอสยูวี หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งล้วนๆ เป็นรถ 2 สัญชาติ คือ รถอเมริกันพันธุ์แท้ กับรถเยอรมันพันธุ์ผสมฝรั่งเศส มีทั้งรถ เอสยูวี ที่ตัวถังมีโครงสร้างเหมือนรถพิคอัพ อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า BODY-ON-FRAME และรถ เอสยูวี ที่ตัวถังมีโครงสร้างเหมือนรถเก๋ง อย่างที่เรียกกันในภาษาของเมืองผู้ดีว่า UNIBODY ทั้งหมดเป็นรถที่น่าสงสัยว่าจะมีใครใจกล้านำเข้ามาขายในเมืองไทยหรือไม่ ? เปิดระเบียงด้วยรถแบบใหม่ในชื่อเก่า และเป็นผลงาน ที่กำลังกล่าวขานกันมากของบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันรายใหญ่อันดับ 2 คือ FORD MOTOR COMPANY (ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี) ที่คนไทยรู้จักกันดี
ยักษ์รองเมืองมะกันเริ่มนำ เอสยูวี หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ ติดป้ายชื่อ FORD BRONCO (ฟอร์ด บรองโก) ออกสู่ตลาดเมื่อปี 1965 รถรุ่นดังกล่าวซึ่งเป็นที่จดจำด้วยสมญานาม GOAT (GO OVER ALL TERRAIN) หรือ “ไปได้ในทุกสภาพพื้นที่” อยู่ในตลาดยาวนานกว่า 1 ทศวรรษ แล้วก็ถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นที่ 2 ในปี 1977 ตามมาด้วยรุ่นที่ 3 จนถึงรุ่นที่ 5 ในปี 1979 1986 และ 1991 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามนับแต่ปี 1996 เป็นต้นมา ก็ไม่มีการผลิตรถชื่อนี้อีกเลย ทั้งในสหรัฐอเมริกา และในประเทศอื่นๆ ที่เคยผลิต คือ เวเนซูเอลา และออสเตรเลีย
เวลาล่วงเลยไป 24 ปี แล้วชื่อ FORD BRONCO ก็พลิกฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งในวันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม 2020 เมื่อมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ พร้อมคำประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเริ่มการผลิตรถรุ่นนี้ตอนต้นปี 2021 โดยใช้โรงงานเดิมที่เคยผลิตรถ 5 รุ่นก่อน คือ โรงงานที่เมือง WAYNE (เวย์น) ในรัฐ MICHIGAN (มิชิแกน) เป็นที่ผลิต ข้อมูลต่างๆ ที่เปิดเผยในวันเปิดตัว ทำให้ทราบว่าจุดแตกต่างสำคัญจุดหนึ่งระหว่างรถรุ่นใหม่นี้กับรถรุ่นก่อนๆ อยู่ที่ว่ารถรุ่นก่อนๆ มีแต่ตัว-ถัง 2 ประตู แต่รถรุ่นใหม่นี้จะมีทั้งตัวถัง 2 ประตู และ 4 ประตู (หรือทั้ง 3 ประตู และ 5 ประตู หากนับประตูบานท้ายซึ่งเป็นที่ติดตั้งยางอะไหล่ด้วย) ตัวถังแบบแรกซึ่งมี 4 ที่นั่ง มีขนาดยาว 4.412 ม. กว้าง 1.928-2.014 ม. (รวมกระจกมองข้างขณะพับ) และสูง 1.826-1.910 ม. ส่วนตัวถังแบบหลังซึ่งมี 5 ที่นั่ง มีขนาดยาว 4.839 ม. กว้าง 1.928-2.014 ม. (รวมกระจกมองข้างขณะพับ) และสูง 1.852-1.913 ม.
ตัวถังทั้ง 2 แบบนี้มีหลังคาที่สามารถถอดออกได้ด้วยมือของคนๆ เดียวภายหลังการปลดปุ่มลอค ซึ่งอยู่ภายในห้องโดยสาร ที่แตกต่างกันก็คือ ตัวถัง 2 ประตูออกแบบหลังคาเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหน้าด้านซ้าย ด้านขวา และส่วนหลัง แต่ตัวถัง 4 ประตู ทำเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนหน้าด้านซ้าย ด้านขวา ส่วนกลาง และส่วนหลัง และยังมีประทุนหลังคาแบบอ่อนให้เลือกใช้อีกต่างหาก นอกจากนั้น ที่เหมือนกันทั้ง 2 ตัวถังก็คือ ประตูข้างทุกบานเป็น FRAMELESS DOOR หรือประตูไร้กรอบที่สามารถถอดออกได้โดยง่ายกรณีที่ต้องการ และเฉพาะ ตัวถัง 4 ประตู เมื่อถอดออกแล้วก็สามารถเก็บประตูทุกบานไว้ในที่เก็บ ซึ่งอยู่ภายในตัวถังได้ด้วย
เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อที่ใช้พแลทฟอร์มร่วมกันกับรถพิคอัพ FORD RANGER (ฟอร์ด เรนเจอร์) ติดล้อขนาด 30-35 นิ้ว สามารถลุยน้ำได้ลึกถึง 85 ซม. มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่อง ECOBOOST เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 2,261 ซีซี 201 กิโลวัตต์/270 แรงม้า กับเครื่อง ECOBOOST ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 2,694 ซีซี 231 กิโลวัตต์/310 แรงม้า ระบบเกียร์ก็มีให้เลือก 2 แบบเหมือนกัน คือ เกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ มีโหมดการขับให้เลือกมากมายถึง 8 แบบ คือ NORMAL-ECO-SPORT-SLIPPERY-SAND สำหรับการขับบนพื้นเรียบ และ BAJA-MUD/RUTS-ROCK CRAWL สำหรับการขับแบบ 4WD
เริ่มรับการสั่งจองแล้วในวันเปิดตัว โดยกำหนดเงินจองแค่ 100 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3,200 บาทไทย แต่ต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปี 2021 จึงจะเริ่มการส่งมอบ ค่าตัวของรถ 4 ประตู เริ่มต้นที่ 28,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 912,000 บาทไทย ส่วนตัวถัง 4 ประตู เริ่มต้นที่ 33,200 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,060,000 บาทไทย ตัวเลขนี้เป็น MSRP (MANUFACTURER’S SUGGESTED RETAIL PRICE) หรือราคาขายปลีกที่ผู้ผลิตแนะนำ และไม่มีการบังคับว่าต้องซื้อขายกันในราคานี้เท่านั้น

