รู้ลึกเรื่องรถ
ชำแหละ GMA T.50 มาสเตอร์พีศของเจ้าลัทธิวิชาตัวเบา (ตอน 1)
หากจะกล่าวถึงเหตุผลของการครอบครองซูเพอร์คาร์สักคัน คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า มันมีนัยหลากหลาย โดยเฉพาะมิติของการเป็นตัวแทนความสำเร็จในชีวิต และมิติแห่งพลังอำนาจ ทั้ง 2 ข้อนี้ เป็นโจทย์หลักของการสร้างสรรค์ซูเพอร์คาร์ นั่นคือ มันต้องมีรูปทรงที่สวยงาม เตะตา น่าหลงใหล และเป็นที่อิจฉาของคนกว่า 99 % บนโลกนี้ และมันต้องมีสมรรถนะที่สามารถทิ้งรถกว่า 99 % บนท้องถนนให้อยู่เบื้องหลังได้ สรุปง่ายๆ มันสร้างมาเพื่อสนองอัตตาของเศรษฐีนั่นเองแน่นอนว่า ไม่ใช่ผู้ประสบความสำเร็จด้านการเงินทุกคนจะต้องมีซูเพอร์คาร์ และไม่ใช่ว่าผู้ที่มีซูเพอร์คาร์ทุกคนจะต้องมีทักษะการควบคุมรถที่ยอดเยี่ยม เพราะเจ้าของซูเพอร์คาร์จำนวนไม่น้อยพึงพอใจแค่อัตราเร่งแซง ซุ่มเสียงที่เร้าอารมณ์ หรือไม่ก็เพียงชื่นชอบสายตาของผู้อื่นที่มองมายังรถของเขาเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ในยุคที่คนรวยผุดขึ้นมากมายบนโลกใบนี้ (แต่ทำไมเรายังคงไม่รวยกับเขาสักที) ซูเพอร์คาร์รุ่นใหม่ๆ จึงได้รับการออกแบบให้ขับได้ง่ายกว่าในอดีตมากมายนัก ส่วนความเร็วสูงสุดที่ไม่รู้จะไปขับได้ที่ไหนนั้น เอาไว้คุยข่มกันในวงเหล้าก็เพลินพอตัว นอกจากรูปทรงสุดเซกซี อัตราเร่ง และความเร็วสูงสุดแล้ว ในโลกนี้ยังมีกลุ่มคนที่ยังหลงใหล “ความสนุก” ที่ได้จากการบังคับควบคุมเจ้าม้าพยศ แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะมีซูเพอร์คาร์รุ่นล่าสุดในครอบครอง แต่พวกเขาก็ยังสะสมรถรุ่นเก่าที่มีกลไกเรียบง่าย และภูมิใจที่สามารถขับรถที่มี 3 แป้นเหยียบ ได้แก่ คลัทช์ เบรค และคันเร่ง เพราะพวกเขาชื่นชอบที่จะใช้ทักษะในการควบคุมแป้นเหยียบทั้ง 3 นี้ (แต่จะเก่งแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) นี่จึงเป็นสาเหตุที่รถจากยุคทศวรรษที่ 90 เป็นที่หลงใหลของคนเล่นรถในทุกวันนี้ แม้มันจะช้ากว่ารถยุคใหม่ แต่มันมอบประสบการณ์การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเครื่องจักรกับมนุษย์ที่เข้มข้นกว่า ซึ่งไม่แตกต่างจากคนรุ่นใหม่ ที่รู้สึกตื่นเต้นกับเครื่องเล่นแผ่นเสียง การฟังเทปคาสเสทท์ และการถ่ายภาพด้วยกล้องฟีล์ม มันทำให้เราได้เห็นกลไกการทำงานที่เป็นขั้นเป็นตอน ที่แม้จะไม่สะดวกสบายเหมือนการฟังสตรีมิง หรือว่องไวเหมือนการถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือให้หน้าชัดหลังเบลอก็ตาม นักออกแบบรถยนต์บางคนเข้าใจถึงรสชาติของ “สัมผัส” ที่ขาดหายไปนี้ พวกเขามองหาความท้าทายใหม่ ที่ไม่ใช่ อัตราเร่งที่เปรี้ยงปร้างดั่งฟ้าผ่า (ยังไงก็ไม่เร็วไปกว่า TESLA ROASTER (เทสลา โรดสเตอร์) ที่ติดตั้งแพคเกจจรวดอากาศ SPACEX (สเปศเอกซ์) ได้) หรือความเร็วท้ามฤตยูระดับ 400 กม./ชม. แต่เป้าหมายของการออกแบบ คือ ทำให้เจ้าของรถสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแห่งจักรกล ที่จะหลอมรวมเข้าเป็นประสบการณ์การขับขี่ที่เข้มข้น แม้ไม่ต้องเหยียบมิดก็สัมผัสได้ราวกับการขับรถแข่งในสนาม
- PROF. GORDON MURRAY
เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่สร้างสรรค์ขึ้น เพื่อให้รถคันนี้มีน้ำหนักรวมตัวรถต่ำกว่า 1 ตัน (ทำได้ที่ 986 กก.) มันจึงได้รับการออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของแชสซีส์ ในรูปแบบ “กึ่งโครงสร้าง” (SEMI STRUCTURAL) ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับ ASTON MARTIN VALKYRIE (แอสตัน มาร์ทิน วัลคีรี) โดยปีกนกของระบบรองรับด้านหลังจะยึดเข้ากับห้องเกียร์ ส่วนตัวเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบ ให้อยู่บนจุดยึดที่ให้ตัวได้เล็กน้อย เพื่อลดการส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสาร
เครื่องยนต์ GMA แบบ วี 12 สูบ ความจุ 3.9 ลิตร อาศัยรอบหมุนจัดจ้านในการสร้างพละกำลังที่มากถึง 663 แรงม้า ที่ 11,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 47.6 กก.-ม. ที่ 9,000 รตน. แต่เพื่อให้ใช้งานได้จริงบนถนน COSWORTH เคลมว่าแรงบิด 71 % มีออกมาให้ใช้ตั้งแต่ 2,500 รตน. เท่านั้น และเมื่อวัดจากความจุแล้ว เครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศบลอคนี้ สามารถสร้างแรงม้าได้มากถึง 166 แรงม้า/ลิตร โดยเมื่อเทียบกับน้ำหนักรถที่เบากว่า ซูเพอร์คาร์ร่วมสมัยกว่าครึ่งตัน จะพบว่า 100 แรงม้าของเครื่องยนต์นี้ แบกน้ำหนักเพียง 150 กก. เท่านั้น ถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับซูเพอร์คาร์ทั่วไปที่ 100 แรงม้า ต้องแบกน้ำหนักกว่า 200 กก.
เพื่อให้รองรับกับรอบหมุนที่จัดจ้าน และเพื่อความทนทาน เครื่องยนต์ GMA แบบ วี 12 สูบ จะไม่ใช้สายพานไทมิงหรือโซ่ราวลิ้น เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่หมุนรอบสูงมาก วิศวกรจึงเลือกใช้ระบบเฟืองเกียร์ขบกันโดยตรง แทนที่จะใช้โซ่หรือสายพาน ดังนั้น เราจึงไม่เห็นชุดพูลเลย์ใดๆ บนตัวเครื่อง ซึ่งก็เป็นแนวทางเดียวกับเครื่องยนต์ที่ประจำการในรถแข่งสูตร 1 นั่นเอง
สำหรับรายละเอียดของขุมพลัง และ องค์ประกอบสุดเจ๋งอื่นๆ ของ GMA T.50 คันนี้ ขอยกยอดไปต่อฉบับหน้านะครับ ABOUT THE AUTHOR
ภ
ภัทรกิติ์ โกมลกิติ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2563
คอลัมน์ Online : รู้ลึกเรื่องรถ
คำค้นหา




