ตลาดโดยรวม | -38.2 % |
รถยนต์นั่ง | -42.2 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -31.9 % |
กระบะ 1 ตัน | -37.2 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | -22.6 % |
ผ่านพ้นครึ่งปีกันไปแล้ว ในแบบค่อนข้างสะบักสะบอม แต่ก็มีข่าวดีว่า จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ของเดือนพฤษภาคม 2563 สภาอุตสาหกรรมฯ พบว่า มีการปรับตัวของดัชนี ขยับตัวขึ้นเป็นครั้งแรก ในรอบ 4 เดือน จาก 75.9 เป็น 78.4 ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส COVID-19 หลังจากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และมีการผ่อนคลายมาตรการลอคดาวน์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวมถึงการผ่อนคลายการห้ามออกนอกเคหะสถาน ส่งผลดีต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกจากนี้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทมากกว่าประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก ก็เป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ แก้ไขกันไป ทั้งเรื่องการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยต่างๆ แต่กระนั้น ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือนเมษายน ได้รับผลกระทบจากการดำเนินมาตรการห้ามการเดินทางเข้าประเทศไทย ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในเดือนนี้ (-100 %) มูลค่าส่งออกหดตัวต่อเนื่อง (-3.3 %) และถ้าหักการส่งออกทองคำ มูลค่าส่งออกจะยิ่งติดลบมากถึง 15.9 % โดยเป็นการหดตัวสูงในหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน สอดคล้องกับดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงรุนแรงสุดในรอบ 8 ปี (-17.2 %) เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งต้องหยุดการผลิตชั่วคราว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งมีอัตราการใช้กำลังผลิตเพียง 12.6 % อันจะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 มีแนวโน้มติดลบหนัก ขณะที่เม็ดเงินจากแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท จะเริ่มเข้าระบบในไตรมาส 3 โดยกรอบแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ภาครัฐคาดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงไตรมาส 3 มีการกำหนดกรอบเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. โครงการลงทุนและกิจกรรมการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 2. โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน 3. โครงการส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชน และ 4. โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยทางการคาดว่าเม็ดเงินส่วนนี้จะเข้าสู่ระบบได้หลังจากมีการพิจารณาและอนุมัติโครงการต่างๆ เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม นับเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3
บทความแนะนำ