คำนี้เป็นคำศัพท์ใหม่ ที่เราต้องปรับตัว และทำความคุ้นชินกับมันให้ได้ในเร็ววัน ราชบัณฑิตยสภาได้บัญญัติศัพท์ไว้ และให้ความหมายไว้ดังนี้NEW NORMAL: ความปกติใหม่, ฐานวิถีชีวิตใหม่ หมายถึง รูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีต อันเนื่องจากมีบางสิ่งมากระทบ จนแบบแผน และแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติ และเคยคาดหมายล่วงหน้าได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ที่ไม่คุ้นเคย พูดแบบชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ คือ ชีวิตต่อจากนี้ เราต้องใช้ชีวิต และปรับตัวให้เท่าทันกับเจ้าไวรัส COVID-19 ต้องดำเนินชีวิตแบบมีนัยยะสำคัญ คือ ต้องรู้จักปรับตัว คิดให้รอบคอบมากขึ้น ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม (SOCIAL DISTANCING) เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเรา ครอบครัว และสังคม จากอดีตเราเคยชินกับเหตุการณ์หลายๆ อย่าง แต่ปัจจุบันต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมไปมากโข เช่น ดูการถ่ายทอดสดกีฬา แทนการไปร่วมในเหตุการณ์จริงในสนามแข่งขัน การเดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้า ต้องมีการต่อแถว รอเข้าห้าง บางห้างก็มีมาตรการลงทะเบียนผ่านทางแอพพลิเคชัน ต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สวมหน้ากากอนามัย พกเจลแอลกอฮอล หมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อสุขอนามัยที่จำเป็นสำหรับช่วงนี้ ร้านอาหารต่างๆ จากเมื่อก่อนที่เราชินกับร้านดัง ร้านอร่อย ต้องไปนั่งกินที่ร้านในสภาพผู้คนแออัด แต่เดี๋ยวนี้ เราต้องเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆ มาด้วยกัน แต่ต้องนั่งแยกกัน เหมือนนั่งทำข้อสอบแล้วกินอาหารไปด้วย ฟังแล้วนึกภาพตาม อาจจะดูเป็นเรื่องตลก แต่ทว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ มันเป็นภาพที่ยังไม่ชินตา แต่เชื่อว่าอีกสักพักใหญ่ๆ ผู้คนจะเริ่มชินกับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ ต้องปรับตัว เพื่ออยู่ให้รอด รอดจนกว่าโลกนี้จะมียาที่ฆ่าเจ้าไวรัส COVID-19 อย่างได้ผล ในประเทศไทย เรามีผู้นำที่ตัดสินใจถูก มีคณะกรรมการ ศบค. หรือศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่เก่ง และประเมินสถานการณ์ได้แม่นยำ มีคณะแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครต่างๆ ที่ตั้งใจ และเสียสละในการทำงานกำราบเจ้าไวรัสตัวนี้ เฟสแรกเรา “เอาอยู่” แต่เฟส 2 ยังไม่รู้ว่า หลังมาตรการคลายลอคผ่อนปรนธุรกิจหลายธุรกิจให้กลับมาดำเนินธุรกิจ ต่อวงจรชีวิตของตัวเองได้นั้น จะมีเหตุการณ์ระบาดรอบ 2 เหมือนอย่างใน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ หรือไม่ ? เป็นเรื่องที่ยังไม่รู้ แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม เราสามารถควบคุมการระบาดได้ เราทำได้ดีกว่าประเทศมหาอำนาจ ทั้งในยุโรป และสหรัฐอเมริกา นอกจากการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่แล้ว รัฐยังขอความร่วมมือประชาชน โหลดแอพพลิเคชัน “ไทยชนะ” พกติดตัวไว้ในสมาร์ทโฟนด้วย เป็นแอพพลิเคชันที่รัฐทำขึ้นมาเพื่อควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจ และประชาชน เพื่อความสะดวกในการรับข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการรับรู้ รวมถึงการเดินทางไปห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ฯลฯ ในอนาคตแอพพลิเคชันนี้จะสามารถนำมาใช้กับธุรกิจภาคบันเทิงได้ด้วยไหม เช่น งานแสดงสินค้า, คอนเสิร์ท, การแข่งขันกีฬา, การประชุมสัมมนา, ธุรกิจ MICE ฯลฯ สำหรับวงการยานยนต์ไทย หลังผ่านวิกฤตการณ์ COVID-19 อันโหดร้ายนี้ เราเชื่อว่าต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่แน่นอน ระยะหลังนี้ เราได้เห็นการเปิดตัวรถยนต์ในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น เกือบจะทุกค่ายที่เริ่มปรับเกมการตลาด เร็วๆ นี้คงจะมีธุรกิจรูปแบบใหม่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะมารองรับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ของผู้คน...