วิกฤตโรคระบาด ทำร้ายมนุษย์แสนสาหัส แต่กลับส่งผลดีต่อโลก โดยทั้งภาพถ่าย และผลการศึกษาวิจัย ยืนยันว่า สภาพอากาศ ท้องฟ้า ป่าเขา ทะเล ฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโลกซึ่งปราศจากมนุษย์ ช่างดูสงบ ร่มเย็น และสวยงาม ยิ่งนัก เมืองใหญ่ที่เคยคับคั่งด้วยผู้คน อย่าง นิวยอร์ค แอลเอ โรม มิลาน เวนิส ปารีส โตเกียว กรุงเทพฯ สงัดเงียบ เหมือนวิหารศักดิ์สิทธิ์ ขณะเดียวกัน ภัยพิบัติครั้งนี้ ยังแสดงให้เราได้ตระหนัก (หรือเปล่า ?) ว่า โลกที่ไม่มี “บรรณาธิการ” มันสับสนอลหม่านเพียงใด เนื่องจาก ทันทีที่ต้องหลบเร้นจากโลกจริง มนุษย์ก็เข้าไปแออัดกันอยู่ในโลกเสมือน หรือโลกออนไลน์ ทำให้ชุมชน “ชาวเนท” ที่เลอะเทอะอยู่แล้ว ยิ่งเละเทะหนักขึ้น ทุกคนในนั้นสามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร และความคิดเห็นออกมาได้ทุกรูปแบบ โดยไม่ต้องผ่านการคัดกรอง ขัดเกลาใดๆ พวกเขาล้วนเชื่อมั่นว่า “นี่” (สรรพนามที่ชาวเนทชอบใช้เรียกตัวเอง) เป็นคนดี มีความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่อง และไม่กลัวใคร โซเชียลมีเดียในช่วงวิกฤตจึงเต็มไปด้วย เฟคนิวส์ จากความโง่เขลา และความประสงค์ร้าย ความคิดเห็นขาดตรรกะ จากอคติ และความไม่รู้จริง การระบายอารมณ์ และแสดงออกไม่เหมาะสม จากความไร้วุฒิภาวะ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลืมกินยา หรืออยากดัง แม้จะมีกฎหมายกำกับ รวมทั้งมีหน่วยงาน และหน่วยกล้าตายจำนวนหนึ่ง คอยตอบโต้ข้อมูล ข่าวสาร ที่เหลวไหล แต่ทั้งหมด เป็นการกระทำหลังจากที่บรรดาข่าวปลอม ตลอดจนความเห็นไร้สาระ ทั้งหลาย ได้เผยแพร่ สร้างความ เสียหายในวงกว้างไปแล้วทั้งสิ้น อันตรายของสื่อยุคใหม่ อยู่ตรงที่ไม่มีบรรณาธิการคอยตรวจสอบ คัดกรอง แก้ไข เนื้อหาให้ถูกต้อง เหมาะสม (และสวยงาม) “ก่อน” จะ เผยแพร่สู่สาธารณะ เหมือนสื่อหลักในอดีต ส่วนสื่อหลักปัจจุบัน ผมไม่แน่ใจจริงๆ ว่าบางค่ายยังมีบรรณาธิการหรือเปล่า ? ดังนั้น ในทัศนะของผม ไม่ใช่แค่ “สุขภาพ” เท่านั้น แต่ “บรรณาธิการ” ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าเสรีภาพ ถ้าไม่เชื่อ ก็ขอให้ลองถาม และใช้บทเรียนจากวิกฤตครั้งนี้ตอบตัวเองดูว่า ระหว่างโลกที่ไม่มีมนุษย์ กับโลกที่ไม่มีบรรณาธิการ โลกใบไหนน่าอยู่กว่ากัน !?!