เยอรมนี/สหรัฐอเมริกา-เป็นข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลกเมื่อปลายเดือนมกราคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป คือการเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของรถเก๋งขนาดกลาง เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ E-CLASS) รุ่นใหม่ พร้อมภาพถ่ายของรถ 2-3 คันที่กำลังวิ่งทดสอบอยู่ในเมืองมะกัน ในลักษณะมีการพรางตัวเป็นบางส่วนไม่ใช่รถรุ่นใหม่แท้ แต่เป็นรถรุ่นปัจจุบัน (รุ่นที่ 10) ซึ่งเปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมกราคม 2016 และกำลังได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” ตัวถังซีดานอย่างที่เห็นในภาพ และตัวถังตรวจการณ์ซึ่งไม่มีในภาพ มีกำหนดออกตลาดในฤดูร้อนปี 2020 หลังจากนั้นจึงจะเป็นคิวของตัวถังซีดานรุ่นฐานล้อยาวซึ่งทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับตลาดจีน ตัวถังเปิดประทุน และตัวถังคูเป นอกจากการติดตั้งเครื่องยนต์สูบเรียงที่พัฒนาขึ้นใหม่แล้ว รถรุ่นนี้ยังจะมี PLUG-IN HYBRID MODEL หรือรถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรีให้เลือกใช้ถึง 7 โมเดล รวมทั้งจะมีการส่งรถไฮบริดประเภทนี้ไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกอีกด้วย ที่น่าสนใจและสมควรกล่าวถึงก็คือ เป็นรถที่ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับยุคใหม่อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า NEXT GENERATION DRIVING ASSISTANCE SYSTEM ไว้มากมายนับสิบรายการ ตัวอย่างเช่น ACTIVE DISTANCE ASSIST ซึ่งช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าเมื่อเกิดปัญหาการจราจรติดขัด ACTIVE BLIND SPOT ASSIST ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการชนเมื่อมีจุดบอดเช่น ผู้ขี่จักรยานข้างถนน PARKING PACKAGE WITH 360 DEGREE CAMERA ซึ่งช่วยการจอดรถและหลีกเลี่ยงการชนสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่อาจมองไม่เห็น เช่น ขอบทางเท้า และฝาผนังโรงจอดรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ E-CLASS) เป็นรถขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของค่าย “ดาวสามแฉก” รถอนุกรมนี้เริ่มออกสู่ตลาดเมื่อปี 1946 และนับจนถึงสิ้นปี 2020 สามารถขายในทุกตลาดไปแล้วมากกว่า 14 ล้านคัน หรือมากกว่า 190,000 คัน/ปีโดยเฉลี่ย