หากตั้งคำถามว่า ในบรรดา CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ ติดตรา "ดาวสามแฉก" จำนวน 7 อนุกรมที่กล่าวไปแล้ว รถอนุกรมใดมีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุด ? คำตอบก็คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี (MERCEDES-BENZ GLE) รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลางที่พัฒนาจากรถเก๋ง เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ E-CLASS)ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์เปิดตัวรถกิจกรรมกลางแจ้งอนุกรมนี้เมื่อต้นปี 1997 พร้อมกับป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอม-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ M-CLASS) โดยใช้โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในรัฐอลาบามาของสหรัฐอเมริกาเป็นที่ผลิต ตัวถังของรถรุ่นดังกล่าวซึ่งมีรหัสโรงงาน W163 มีลักษณะอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า BODY-ON-FRAME คือ มีโครงสร้างเหมือนรถพิคอัพ เกือบ 1 ทศวรรษหลังจากนั้นคือ ในปี 2005 รถรุ่นแรกก็ถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นที่ 2 ซึ่งมีรหัสโรงงาน W164 ตัวถังเปลี่ยนโครงสร้างเป็น UNIBODY เหมือนรถเก๋ง แต่ยังคงใช้ชื่อเดิม คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอม-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ M-CLASS) เหมือนรถรุ่นแรก ถัดมาอีก 7 ปี คือ ในปี 2012 รถรุ่นที่ 2 ก็ถึงคราวสิ้นอายุขัย และมีรถรุ่นที่ 3 ซึ่งมีรหัสโรงงาน W166 และยังใช้ชื่อเดิมมาแทนที่ รถรุ่นนี้อยู่ในตลาดประมาณ 3 ปี ก็เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลอี (MERCEDES-BENZ GLE) เพื่อให้สอดรับกับระบบการตั้งชื่อรุ่นของรถที่ค่ายนี้กำหนดขึ้นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้รถเข้าใจได้ง่ายว่าเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งที่พัฒนาจากรถเก๋งอนุกรมใด ส่วนรถที่จำหน่ายอยู่ขณะนี้จะนับเป็นรถรุ่นที่ 4 ก็ได้ เป็นรถรุ่นที่ 2 ก็ไม่ผิด เพิ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2018 และเริ่มการจำหน่ายในยุโรปต้นปีถัดมา เป็นรถที่ตัวถังมีโครงสร้างแบบ UNIBODY เหมือนรถชื่อเดียวกันรุ่นแรก ตอนสิ้นปีหมูทองท้องแฟบ ในเยอรมนีรถอนุกรมนี้มีให้เลือกรวม 7 โมเดล และทุกโมเดลเป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ แยกเป็นรถเบนซินติดตั้งระบบ MILD HYBRID 3 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ GLE 450 4MATIC (270+16 กิโลวัตต์/367+22 แรงม้า) MERCEDES-BENZ GLE 580 4MATIC (360+16 กิโลวัตต์/489+22 แรงม้า) MERCEDES-AMG GLE 53 4MATIC+(320+16 กิโลวัตต์/435+22 แรงม้า) เป็นรถดีเซล 3 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ GLE 300 D 4MATIC (180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า) MERCEDES-BENZ GLE 350 D 4MATIC (200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า) MERCEDES-BENZ GLE 400 D 4MATIC (243 กิโลวัตต์/330 แรงม้า) และเป็นรถ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ 1 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ GLE 350 DE 4MATIC (225 กิโลวัตต์/306 แรงม้า) ส่วนที่เลือกมาบรรจุไว้ใน "ระเบียงรถใหม่"เดือนนี้ เป็นรถโมเดลล่าสุด เป็นโมเดลที่แรงและเร็วที่สุดของรถอนุกรมนี้ เพิ่งเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2019 และคาดว่าจะออกโชว์รูมตอนกลางปี 2020 แยกเป็น 2 โมเดลย่อย คือ เมร์เซเดส-เอเอมจี จีแอลอี 63 4 เมทิค+ (MERCEDES-AMG GLE 63 4MATIC+) กับ เมร์เซเดส-เอเอมจี จีแอลอี 63 เอส 4 เมทิค+ (MERCEDES-AMG GLE 63 S 4MATIC+) โมเดลแรกติดตั้งเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 3,982 ซีซี 420 กิโลวัตต์/571 แรงม้า พร้อมระบบ MILD HYBRID ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังในช่วงสั้น 16 กิโลวัตต์/22 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G ส่วนโมเดลหลังติดตั้งระบบขับชุดเดียวกัน แต่ปรับแต่งเครื่องยนต์จนกำลังสูงสุดพุ่งขึ้นเป็น 450 กิโลวัตต์/612 แรงม้า สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของบริษัทผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. โมเดลแรกทำได้ใน 4.0 วินาที โมเดลหลังลดเป็น 3.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด โมเดลแรกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. และจะเพิ่มเป็น 280 กม./ชม. เมื่อติดตั้งชุดแต่งจากโรงงานซึ่งมีชื่อว่า AMG DRIVERS PACKAGE ส่วนโมเดลหลังจำกัดไว้ที่ 280 กม./ชม. โดยไม่ต้องมีชุดตกแต่ง