4 WHEELS เดือนพฤศจิกายน ฉบับนี้ เรานำเสนอคอนเทนท์เรื่องรถไฟฟ้า หรือ EV ที่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยนำรถไฟฟ้า 4 ยี่ห้อ 5 รุ่น มาประชันโฉม และวัดสมรรถนะด้วยเครื่องมือดาทรอน เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านได้ทราบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรถไฟฟ้ารถไฟฟ้า ทั้ง 5 คัน ประกอบด้วย ฮันเด ไอโอนิก อีเลคทริค, ฮันเด โคนา อีเลคทริค, แจกวาร์ ไอ-เพศ, เอมจี เซดเอส อีวี และนิสสัน ลีฟ แต่ละคันมีข้อดี ข้อเด่นที่แตกต่างกัน ลองพลิกไปอ่านได้ที่หน้า 52-73 นอกจากนี้ เรายังมีบทความพิเศษพ่วงท้าย ต่อด้วยเรื่องการจำแนกชนิดแบทเตอรีของรถประเภทต่างๆ เช่น รถไฟฟ้า ไฮบริด (HYBRID ELECTRIC VEHICLE หรือ HEV) รถไฟฟ้า พลัก-อิน ไฮบริด (PLUG-IN HYBRID ELECTRIC VEHICLE หรือ PHEV) รถไฟฟ้า แบทเตอรี (BATTERY ELECTRIC VEHICLE หรือ BEV) และรถไฟฟ้า เซลล์เชื้อเพลิง (FUEL CELL ELECTRIC VEHICLE หรือ FCEV) และสถานีชาร์จซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของรถไฟฟ้า ผมมีข้อมูลตัวเลขยอดจำหน่ายรถไฟฟ้า หมายถึง รถทั้ง 4 แบบ (HEV, PHEV, BEV และ FCEV) เพื่อส่องทเรนด์ตลาดรถไฟฟ้า ว่าแนวโน้มในอนาคตรถไฟฟ้าจะร้อนแรงมากน้อยขนาดไหน ? และตลาดในภูมิภาคใดของโลกที่มีความเคลื่อนไหวเรื่องรถไฟฟ้าบ้าง ? BLOOMBERG NEW ENERGY FINANCE (BNEF) เผยงานวิจัยประจำปี 2019 เกี่ยวกับยอดจำหน่ายของรถไฟฟ้าทั่วโลกว่า รถไฟฟ้ามีอัตราการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากปี 2015 ที่มียอดจำหน่ายประมาณ 1 ล้านคันทั่วโลก พุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคันในปี 2018 และคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 ยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าทั่วโลก จะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคัน และยังระบุว่า “จีน” จะครองแชมพ์ผู้นำด้านรถไฟฟ้า และผู้ใช้รายใหญ่ จากการเติบโตเกือบ 8 % ในไตรมาส 4 ของปี 2018 และมีถึง 6 เมืองในจีน จากทั้งหมด 11 เมืองทั่วโลก (ยกเว้นสหรัฐอเมริกา) ที่มีผู้ซื้อรถไฟฟ้ามากขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังประเมินว่า จีนจะครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 48 % ของยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2025 แต่จะลดลงเหลือ 26 % ในปี 2040 เนื่องจากประเทศอื่นๆ จะตีตื้นเรื่องยอดจำหน่ายขึ้นมา โดยเฉพาะในยุโรป คาดการณ์ว่าจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกา และครองส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 ในตลาดรถไฟฟ้าโลกระหว่างปี 2020-2029 ในรายงานวิจัย ยังระบุเพิ่มเติมว่า จะมีรถไฟฟ้าวิ่งบนท้องถนนกว่า 57 % ภายในปี 2040 และระบุว่ายอดจำหน่ายรถไฟฟ้าส่วนบุคคล จะเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านคัน ในปี 2018 เป็น 28 ล้านคัน ในปี 2030 สำหรับตลาดอื่นๆ เช่น ในสาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างปี 2024-2025 จะมีผู้คนสนใจใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยเลือกรถไฟฟ้าขนาดกลาง และรถเอสยูวีไฟฟ้า จะได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนญี่ปุ่น รถไฟฟ้าจะเริ่มมีบทบาทหลังจากปี 2026 ที่คนญี่ปุ่นจะซื้อรถไฟฟ้าในราคาที่ถูกลงกว่าปัจจุบัน และตลาดในอินเดีย ก็จะเริ่มเห็นปรากฏการณ์นี้หลังจากปี 2030 เป็นต้นไป ส่วนตลาดในเมืองไทย 6 เดือนแรกของปีนี้ รถไฟฟ้ามียอดจดทะเบียนแล้ว 13,611 คัน โตขึ้น 46 % จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปัจจัยหลักๆ คือ เริ่มมีรถให้เลือกหลายบแรนด์ หลายรุ่น และราคาเริ่มเข้าถึงได้มากกว่าเดิม จึงได้รับการตอบรับค่อนข้างดีพอสมควรจากผู้บริโภค ส่วนประ-เด็นเรื่องความคุ้มค่าต่อการลงทุนเพื่อซื้อรถไฟฟ้าก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเช่นกัน โดยเฉพาะมาตรการของรัฐที่จะส่งเสริมสนับสนุน รวมถึงระบบพื้นฐานของประเทศที่จะเอื้อกับตลาดรถไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยเวลา ในการปรับตัวระยะยาว อาจจะ 10 ปี หรือ 15 ปี แต่ก็เชื่อว่ารถไฟฟ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของทางเลือกใหม่...