แม้ว่าสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวจากความร้อนในเชิงปริมาตรจะมีผลต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามหลักทางเทอร์โมไดนามิคส์ แต่อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นไม่มากอย่างบ้านเรา ไม่ส่งผลอะไรเลยกับการเติมน้ำมันในรถยนต์ส่วนตัว แต่จะมีผลอยู่บ้างกับการเปลี่ยนถ่ายในรถขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินคำบอกเล่าเกี่ยวกับวิธีการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้คุ้มค่าที่สุด (เต็มลิตร) กันมาบ้าง ซึ่งคำแนะนำส่วนใหญ่ แนะให้เติมใน “ช่วงเช้า” ตอนที่อุณหภูมิบนพื้นราบยังเย็นอยู่ (อุณหภูมิต่ำ) โดยอ้างว่า บ้านเรานั้นถังน้ำมันส่วนมากจะฝั่งอยู่ใต้ดิน ขณะที่พื้นดินเย็นน้ำมันจะควบแน่น และจะขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ถ้าหากเติมน้ำมันช่วงบ่าย หรือเย็น จะได้ปริมาณน้ำมันที่น้อยกว่าเติมในช่วงเช้า เรื่องนี้ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลยกับการเติมน้ำมันในรถยนต์ส่วนตัวของพวกเรา เพราะไม่ว่าจะเติมน้ำมันในช่วงเวลาไหน ปริมาณที่ได้ก็ใกล้เคียงกันตลอด ไม่ได้แตกต่างกันมากจนเรารู้สึกได้ และเกิดความคุ้มค่าที่ต้องเติมช่วงเช้าเท่านั้น เนื่องจากประเทศเราไม่ได้มีอุณหูมิที่แตกต่างกันมากๆ ระหว่างกลางวันกับกลางคืนเหมือนบางประเทศ ดังนั้นปริมาณที่ต่างกัน ที่เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นจึงมีค่าเล็กน้อยมาก ถ้าวัดกันจริงๆ อาจแตกต่างเพียง 1-2 ซีซี เท่านั้น (1 ซีซี เท่ากับ 1,000 มิลลิลิตร) ถ้าจะให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น คงต้องมองไปที่รถขนส่งน้ำมันขนาดยักษ์ที่บรรจุน้ำมันได้กว่าครึ่งแสนลิตรแบบนั้นสิ ถึงจะเห็นปริมาณที่แตกต่างมากกว่า และเรื่องที่อ้างว่าถังน้ำมันที่วางใต้ดิน จะให้ปริมาณที่ไม่เท่ากันจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง เรื่องจริงมีกฎหมายควบคุมชัดเจนอยู่แล้วว่าถังที่วางอยู่ใต้ดินต้องลึกประมาณ 1-1.5 ม. และต้องมีการรักษาอุณหภูมิให้สม่ำเสมอตลอดทั้งวัน โดยมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่อย่างน้อยปีละครั้ง ดังนั้นความร้อนจากอุณหภูมิภายนอกจึงมีผลกระทบน้อยมากเขาว่า... : เติมน้ำมันช่วงเช้า จะได้ปริมาณน้ำมันมากกว่าเติมในช่วงอื่น...จริงไหม ?
จริง และจริง : จริง ! สำหรับรถขนส่งน้ำมันขนาดยักษ์ความจุประมาณครึ่งแสนลิตร และไม่จริง ! สำหรับรถบ้านทั่วไปที่เติมมากสุดไม่กี่ 10 ลิตร