โพร์เช ประเทศไทย นำ โพร์เช 911 (PORSCHE 911) ใหม่ เจเนอเรชันที่ 8 รหัสตัวถัง 992 ตระกูล คาร์เรรา (CARRERA) ที่ผสมผสานรูปลักษณ์ในแบบฉบับ โพร์เช สไตล์คลาสสิค เข้ากับแชสซีส์ (PASM) ใหม่ มาให้ได้สัมผัสสมรรถนะ911 คาร์เรรา เอส (911 CARRERA S) รุ่นใหม่นี้ มีขนาดของล้อคู่หน้า 20 นิ้ว และล้อคู่หลัง 21 นิ้ว ล้อหลังที่ใหญ่กว่าล้อหน้า 1 นิ้ว ซึ่งปกติ 911 ตระกูล คาร์เรรา ความกว้างของล้อหน้า/หลังจะเท่ากัน เมื่อล้อหลังโตขึ้นก็ทำให้ซุ้มหลังกว้างขึ้น ที่เปิดประตูด้านนอกเปลี่ยนจากแบบมือจับ (GRIP TYPE) เป็นแบบพอพอัพไฟฟ้า (ELECTRICAL POP-OUT HANDLES) ฝังตัวลงเรียบไปกับบานประตู และจะโผล่ออกมาเฉพาะตอนจะเปิดประตูเท่านั้น ยางด้านหน้า/หลังกว้างกว่ารุ่นเดิม 45/44 มม. และเป็น 911 รุ่นแรกที่ฝากระโปรงมีช่องระหว่างไฟหน้า LED สปอยเลอร์หลังออกแบบรวมกับท้ายรถ โดยมีขนาดปีกหลังกว้างขึ้น 45 % และไฟท้ายแบบแถบแสงไร้รอยต่อ ซึ่งกว้างครอบคลุมทั้งหมดของท้ายรถ มีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิค และปรับเป็น 3 ตำแหน่งหลัก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การขับขี่ และโหมดขับขี่ที่เลือก และเก็บกลับที่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 90 กม./ชม. โหมดการขับขี่ ECO สปอยเลอร์หลังยังคงอยู่ในตำแหน่ง ECO จนกระทั่งถึงความเร็ว 150 กม./ชม. สปอยเลอร์หลังจะยกลงโดยอัตโนมัติ ในโหมด SPORT, SPORT PLUS และ WET สปอยเลอร์หลังจะยกไปยังตำแหน่ง PERFORMANCE ตั้งแต่ความเร็ว 90 กม./ชม. ไปจนถึงความเร็วสูงสุด การตกแต่งภายในใหม่อย่างสมบูรณ์นั้น โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ชัดเจน หน้าจอกลางขนาด 10.9 นิ้ว พร้อมระบบการจัดการ และสื่อสาร PCM สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อฟังค์ชัน และบริการใหม่ๆ การนำทางโดยใช้ข้อมูลที่มีการจับกลุ่ม และ PORSCHE CONNECT PLUS เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร แบบ 6 สูบนอน เทอร์โบของ คาร์เรรา เอส และคาร์เรรา 4 เอส นอกเหนือจากกำลังที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 30 แรงม้า (22 กิโลวัตต์) เป็น 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) ที่ 6,500 รตน. เครื่องยนต์ยังให้แรงบิดที่สูงขึ้น 3.1 กก.-ม. (30 นิวตัน-เมตร) อยู่ที่ 54.0 กก.-ม. (530 นิวตัน-เมตร) ระหว่าง 2,300-5,000 รตน. ส่งกำลังผ่านคลัทช์คู่ ดูอัลคลัทช์ (PDK) 8 จังหวะ ที่พัฒนาขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์ การบังคับเลี้ยวนั้นทำได้โดยตรง และเบรคก็ตอบสนองได้ดีขึ้น 911 เอส ใหม่ ทั้ง 2 รุ่นนั้น เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 4 วินาที โดย คาร์เรรา เอส ใช้เวลา 3.7 วินาที และคาร์เรรา 4 เอส พร้อมขับเคลื่อนทุกล้อ ใช้เวลาเพียง 3.6 วินาที แต่ละรุ่นเร็วกว่ารุ่นก่อน 0.4 วินาที และเร็วกว่าอีก 0.2 วินาที ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริม SPORT CHRONO PACKAGE การสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ คาร์เรรา เอส คือ 11.2 กม. /ลิตร (8.9 ลิตร/100 กม.) ในขณะที่ คาร์เรรา 4 เอส เป็น 11.1 กม. /ลิตร (9.0 ลิตร/100 กม.) ในกรณีที่ระบบของรถตรวจพบผิวถนนที่เปียกลื่น ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (PSM: PORSCHE STABILITY MANAGEMENT) และระบบกระจายแรงบิด (PTM: PORSCHE TRACTION MANAGEMENT) จะปรับตั้งการทำงานล่วงหน้าโดยทันที สัญญาณเตือนจะแสดงขึ้นบนหน้าจอฝั่งขวามือของมาตรวัดความเร็วรอบ และแนะนำให้เปลี่ยนรูปแบบการขับเป็นโหมดถนนเปียก (WET MODE) โดยสามารถสั่งการง่ายผ่านสวิทช์ควบคุมบริเวณคอนโซล เส้นผ่าศูนย์กลางของจานเบรคหลังเพิ่มขึ้นจาก 330 มม. เป็น 350 มม. ทำให้ระยะเหยียบเบรคสั้นลง มีการตอบสนองของเบรคเร็วขึ้น และปรับเปลี่ยนจากบูสเตอร์ลมเบรคเป็นบูสเตอร์ไฟฟ้า