ถ้าต้องการรักษาแบทเตอรีให้มีประจุไฟฟ้าเหลือพอสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรสตาร์ท และปล่อยรอบเดินเบาประมาณ 30 นาที อย่างน้อยที่สุดเดือนละครั้ง เพื่อให้ไดชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าแบทเตอรี แต่สมัยนี้มีวิธีที่ดีกว่า คือ หาซื้อ BATTERY CHARGAR มาอัดไฟ แล้วควรนำไปขับทุกๆ 1-2 เดือนถ้าต้องจอดรถทิ้งเป็นเวลานานเกินเดือน เมื่อต้องการสตาร์ทเครื่องยนต์ จะรู้สึกเหมือนว่า ไฟจากแบทเตอรีไม่พอ ทั้งๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนแบทเตอรีมาไม่ถึงปี ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากระบบไฟฟ้าในรถของเรา มีโอกาสที่กระแสไฟจะรั่วไหลได้ในบางตำแหน่ง และถึงแม้ไม่มีตำแหน่งไหนรั่ว แต่แบทเตอรีที่ไม่ได้รับการประจุไฟฟ้าจากไดชาร์จ หรืออัลเตอร์เนเตอร์ ไฟฟ้าก็ต้องลดลงวันละเกือบ 1 % อยู่ดี (อุณหภูมิภายนอกไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส) แต่ไม่ได้หมายความว่า หมดเกลี้ยงภายใน 100 วันนะครับ หมายถึง ความจุในวันรุ่งขึ้นจะเหลือราว 99 % ของวันนี้ ดังนั้น สำหรับรถจอดทิ้งนานๆ ถ้าต้องการรักษาแบทเตอรีให้มีประจุไฟฟ้าเหลือพอสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรสตาร์ท และปล่อยเครื่องเดินเบาประมาณ 30 นาที อย่างน้อยที่สุดเดือนละครั้ง เพื่อให้ไดชาร์จ หรืออัลเตอร์เนเตอร์ ประจุไฟฟ้าเข้าแบทเตอรี แต่สมัยนี้มีวิธีที่ดีกว่า คือ ไปหาซื้อ BATTERY CHARGAR มาอัดไฟโดยที่ไม่ต้องติดเครื่อง แล้วต้องนำไปขับทุกๆ 1-2 เดือน แต่ถ้าเป็นไปได้ ควรนำไปขับทุกๆ 7-10 วัน ประมาณ 15-30 นาที ให้เครื่องยนต์ร้อนถึงอุณหภูมิทำงาน นอกจากนี้ ถ้าต้องจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน หรืออยู่ในสถานที่ ที่มีอุณหภูมิรอบข้างสูง ให้ยกแบทเตอรีออกไปเก็บไว้ในที่เย็นที่สุด เท่าที่หาได้ครับ เพราะความร้อนจะทำให้ประจุของแบทเตอรีลดลงอย่างเร็ว แม้ไม่ได้ใช้งาน ที่สำคัญห้ามปล่อยแบทเตอรีไว้ในสภาพที่ไม่มีประจุไฟฟ้า หรือมีน้อยจนเกือบหมด เพราะจะทำให้เกิดซัลเฟทจับแน่นที่แผ่นตะกั่ว ให้ส่งร้านแบทเตอรี เพื่ออัดไฟใหม่โดยเร็วที่สุดครับ
บทความแนะนำ